Skip to main content
sharethis

พรรคอนาคตใหม่ปราศรัย 4 วันก่อนศาลรัฐธรรมนูญพิพากษายุบพรรค 'ธนาธร' โชว์พิมพ์เขียวประเทศไทย 'เศรษฐกิจกรีนเทค-ประสิทธิภาพภาครัฐ-ทรัพยากรมนุษย์' ด้าน 'ปิยบุตร' โต้ข้อกล่าวหา 'ปฏิกษัตริย์นิยม' ลั่นต้องการให้ระบอบประชาธิปไตยสามารถปกปักษ์รักษาสถาบันกษัตริย์ให้ยั่งยืน ให้ดำรงพระเกียรติ ให้มั่นคงสถาพรตลอดไป พร้อมเรียกร้อง ส.ส.อนาคตใหม่และสมาชิก 6 หมื่นคนย้ายไปพรรคใหม่ถ้าถูกยุบพรรค เพื่อทำให้อาวุธทางการเมืองที่เรียกว่าการยุบพรรคกลายเป็นกระสุนด้าน

18 ม.ค. 2563 ที่ห้องประชุมในอาคาร SC3 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต พรรคอนาคตใหม่จัดกิจกรรม "อย่ากลัวอนาคต" และแถลงปิดคดีนอกศาล มีผู้เข้าร่วมคับคั่งโดยมีผู้เข้าร่วมมากกว่าเก้าอี้ที่พรรคเตรียมไว้ 1 พันที่นั่ง และล้นออกมานอกห้องประชุมในอาคาร SC3

สำหรับกิจกรรม "อย่ากลัวอนาคต" เป็นการจัดกิจกรรมของพรรคอนาคตใหม่ 4 วัน ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ในวันอังคารที่ 21 ม.ค. นี้ ในข้อกล่าวหาตามคำร้องของณฐพร โตประยูรว่าพรรคอนาคตใหม่, ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, ปิยบุตร แสงกนกกุล และกรรมการบริหารพรรค ถูกร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่าล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ในช่วงต้น (รับชมคลิป) ที่ธนาธรขึ้นเวทีเป็นคนแรกได้เสนอพิมพ์เขียวประเทศไทย โดยไม่ได้แตะในประเด็นคำร้องยุบพรรคอนาคตใหม่ในข้อหาล้มล้างการปกครอง โดยธนาธรพูดถึงพิมพ์เขียวประเทศไทย ได้แก่ โมเดลเศรษฐกิจกรีนเทค การพัฒนาประสิทธิภาพภาครัฐผ่านการบริหารงบประมาณแผ่นดินแบบใหม่ และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ธนาธรกล่าวด้วยว่า พิมพ์เขียวประเทศไทยจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไร้ซึ่ง "พิมพ์เขียวทางการเมือง"

จากนั้นปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่กล่าวชี้แจงข้อกล่าวหาในคำร้องยุบพรรคอนาคตใหม่ ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยในวันอังคารที่ 21 ม.ค. นี้ โดยเขากล่าวว่า คำร้องของณัฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเมื่อ 15 พ.ค. ปีที่แล้วนั้น ปิยบุตรกล่าวว่าทั้งเขาและธนาธรไม่เคยบอกเลยว่าประเทศนี้ต้องเปลี่ยนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยไปเป็นระบอบเผด็จการ หรือเปลี่ยนระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขไปเป็นระบอบประธานาธิบดี

ส่วนเหตุที่อ้างมาในคำร้อง ทั้งการบรรยายหรือบทความวิชาการสมัยร่วมกับคณะนิติราษฎร์ หรือบทสัมภาษณ์ตามสื่อของธนาธร ล้วนเกิดขึ้นก่อนมีการตั้งพรรคอนาคตใหม่ และไม่เกี่ยวข้องกับพรรค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรองการจดจัดตั้งพรรค และผ่านการเลือกตั้งจนได้ 6.3 ล้านเสียงแล้ว แบบนี้จะเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้อย่างไร ที่ยื่นคำร้องยุบพรรคก็เพราะเห็นว่าพรรคอนาคตใหม่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง และหวาดกลัวพลังคนรุ่นใหม่ จึงต้องการกำจัดพรรคอนาคตใหม่ออกไป ส่วนข้อกล่าวหาที่ใช้มาตลอดที่กล่าวหาว่าล้มเจ้า ที่จริงแล้วอำนาจเผด็จการแกังวลใจที่การเปลี่ยนแปลงทำให้พวกเขาสูญเสียอำนาจ

ปิยบุตรตอบโต้เรื่องข้อกล่าวหาว่าเป็นปฏิกษัตริย์นิยมว่า "ในระยะหลังมักมีการกล่าวหาด้วยการประดิษฐ์คำใหม่ ๆ ว่าเป็น ปฏิกษัตริย์นิยม ผมยืนยันว่า ธนาธร ผม และพรรคอนาคตใหม่ พวกเราไม่ใช่พวกปฏิกษัตริย์นิยม พวกเราต้องการปฏิรูปให้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พัฒนาก้าวหน้า ดีขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้ประชาธิปไตย สามารถปกปักรักษาสถาบันกษัตริย์ให้ยั่งยืน ให้ดำรงพระเกียรติ ให้มั่นคงสถาพรตลอดไป" พร้อมย้ำว่าพวกเขายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

เขากล่าวด้วยว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ ขอเรียกร้องให้เพื่อน ส.ส. ทั้งหมด ย้ายไปอยู่พรรคการเมืองใหม่ที่มีแนวทางแบบอนาคตใหม่โดยพร้อมเพียงกัน นอกจากนี้ยังเสนอให้สมาชิกพรรคอีก 60,000 คนไปสมัครสมาชิกในพรรคใหม่ ซึ่งจะดำเนินการตามแนวทางพรรคอนาคตใหม่ทั้งหมด โดยปิยบุตรย้ำว่า "จะทำให้อาวุธที่เรียกว่าการยุบพรรคกลายเป็นกระสุนที่ด้านให้ได้

ในช่วงท้าย ปิยบุตรกล่าวว่าปัจจุบันเราเข้าสู่ปีที่ 6 ของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งเป็นผู้ครองอำนาจปัจจุบัน ที่พยายามก่อตั้งระบอบขึ้นมาระบอบหนึ่ง นักวิชาการบางทีก็เรียกว่า "ระบอบไม่มีชื่อ" "ระบอบพันธุ์ทาง" แต่ที่แน่ๆ นี่ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแน่นอน พวกเขาลงทุนลงแรงตั้งแต่ 22 พ.ค. 2557 ก่อรัฐประหาร ใช้อำนาจในฐานะรัฏฐาธิปัตย์ออกคำสั่งละเมิดสิทธิเสรีภาพประชาชน ไม่เห็นหัวประชาชน ออกแบบรัฐธรรมนูญ 2560 เพื่อเป็นเครื่องมือสืบทอดอำนาจ สร้างวุฒิสภาแบบที่ประหลาดที่สุดคือให้คนๆ เดียวคือหัวหน้า คสช. ตั้งคน 250 คน ให้คนเหล่านี้มาเลือกตนกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี ยื้อการเลือกตั้งออกไปเรื่อยๆ จนตัวเองมั่นใจว่าจะกลับมาเป็นรัฐบาลจึงเปิดให้มีการเลือกตั้ง ฯลฯ พวกเขาที่ครองอำนาจในปัจจุบัน และสืบทอดอำนาจในระบบที่ไม่มีชื่อของพวกเขา

แต่ผมคิดว่า ผู้ครองอำนาจในปัจจุบันจำเป็นต้องศึกษาประวัติศาสตร์ในอดีต และแก้ไขปัจจุบัน ไปสู่อนาคตที่ดีกว่า ผู้ครองอำนาจต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ความคิดแบบอนาคตใหม่ ผู้สนับสนุน และพรรค เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย เมื่อไรก็ตามที่คิดว่าผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่เกิดจากการปลุกปั่นให้หลงผิด ถ้าคิดแบบนี้ก็ตีโจทย์ผิด ไม่มีวันแสวงหาคำตอบที่ถูกต้องได้ ต้องยอมรับความจริงว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นแล้ว มีคนจำนวนมหาศาลเห็นว่าการเมืองไทยเป็นแบบนี้ไม่ได้ต้องเปลี่ยนแปลง เป็นอนิจจะลักษณะของทุกสังคม คนที่เขาไม่มีอำนาจอยากมีทรัพยากร เขาก็ลุกขึ้นมาต่อสู้ แทนที่จะไปกำราบ ไปปราบให้เหี้ยนให้หมด ต้องคิดเสียใหม่ว่า ไม่มีหรอกครับถ้ามีเค้ก 10 จาน ขนม 10 ชิ้น แล้วคุณจะกินทั้งหมด 10 ชิ้น แต่ต้องแบ่งสรรปันส่วน อำนาจทรัพยากร โอกาสให้คนส่วนใหญ่ของประเทศด้วย นี่คือวิถีทางของการปฏิรูป แล้วประเทศไทยผ่านสถานการณ์แบบนี้มาแล้วหลายครั้งหลายหน

"ผู้ครองอำนาจทั้งหลายอย่ากลัวอนาคตเพียงเพราะท่านไม่เห็นมัน หรือเพราะไม่รู้จักมัน วันนี้ เวลานี้ อนาคตปรากฏอยู่บนเบื้องหน้าของท่านแล้ว ทำความรู้จักกับอนาคต ร่วมกันออกแบบอนาคต อย่ากลัวอนาคต ออกแบบอนาคตใหม่ประเทศไทยร่วมกัน" ปิยบุตรกล่าวทิ้งท้าย

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net