ปิยบุตร ไลฟ์ประกาศยุติบทบาททางการเมือง เลิกเขียนถึงก้าวไกล หลังวิจารณ์พรรคเคส ‘ช่อ’ แล้วทัวร์ลงจากผู้สนับสนุนพรรค
22 ก.ย. 2566 ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กเพจ Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล แสดงความคิดเห็น เรื่องโหวตเตอร์พรรคก้าวไกลไม่พอใจ หลังตนออกมาโพสต์วิจารณ์ถึงท่าทีพรรคที่นิ่งเงียบต่อกรณี ช่อ-พรรคณิการ์ วานิช อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ถูกศาลฎีกาสั่งถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งตลอดชีวิต และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ปิยบุตร กล่าวว่า ต้องให้กำลังใจ ช่อ-พรรณิการ์ และเรื่องนี้อาจเป็นเรื่องส่วนตนนิดหน่อย เป็นจิตสำนึกส่วนบุคคลของตน อย่างที่ทุกคนทราบว่า ตนเป็นคนชวนพรรณิการ์ให้มาร่วมกันตั้งพรรคอนาคตใหม่ด้วยกัน โดยขอให้มาเป็นโฆษกพรรค ช่วงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในสมัยอนาคตใหม่ พรรณิการ์ก็จะนั่งติดกันตนเพื่อกำหนดทิศทางการสื่อสาร
“ดังนั้นเมื่อคุณช่อโดนโทษแบบนี้ อันนี้ส่วนบุคคลนะครับ ผมก็เสียใจ แล้วก็มีความรู้สึกนึกย้อนไปเหมือนกันว่าถ้าวันนั้นผมไม่ชักชวนกันมา คุณช่อก็อาจจะเป็นผู้ประกาศข่าวที่มีชื่อเสียง และผลงานเป็นที่นิยมชมชอบของคนจำนวนมาก
แต่วันนั้นคุณช่อก็เด็ดขาดมากนะครับ ผมชวนปุ๊บก็ตัดสินใจมาร่วมเดินทางด้วยกัน เพราะเค้าเห็นว่าเราต้องการมีพรรคการเมืองที่เข้าไปเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้ได้…ถ้าคุณช่อไม่ตัดสินใจออกมาตั้งพรรคอนาคตใหม่ ไม่มารับตำแหน่งโฆษก ไม่เดินหน้าแบบนี้ การแสดงออกของคุณช่อเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมาก็คงไม่มีใครไปขุด”
“ก็ต้องยอมรับว่าการถูกขุด เกิดจากบทบาทการเป็นผู้แทนราษฎรของคุณพรรณิการ์ วานิช เพราะบทบาทที่ฝ่ายอนุรักษ์จารีต ฝ่ายความมั่นคงทั้งหลาย รู้สึกระแวดระวังกังวลใจพรรคอนาคตใหม่ กับผม คุณช่อ และคุณธนาธร ก็เลยขุดกันมา หาคนไปล้อม จนเรื่องมาถึงวันนี้
ผมก็เลยมานั่งคิดว่าถ้าวันนั้นถ้าไม่ไปชวน เขาคงเป็นผู้ประกาศข่าว มีชื่อเสียง ชีวิตเขาก็จะไปได้ดี โดยที่ไม่มี controversial ในชีวิตแบบนี้ด้วย ไม่ถูกใครตั้งข้อรังเกียจถูกชังแบบนี้ ก็ต้องยอมรับว่า ผมอาจจะอินเรื่องนี้มากอยู่พอสมควร…ด้านหนึ่งของเรื่องนี้ มันก็พัวพันกับการเริ่มต้นของผมที่ไปชวนคุณช่อมา”
ปิยบุตร กล่าวด้วยว่า เหตุผลที่ตนตำหนิท่าทีของพรรคก้าวไกลในเคสช่อ เป็นเพราะตนคาดหวังกับการที่พรรคก้าวไกลมีจุดยืนเรื่องนี้มาโดยตลอด เรื่องการใช้นิติสงครามประหัตประหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่อ-พรรณิการ์ก็ไม่ใช่คนอื่นไกลจากพรรค
“ผมก็ทราบดีครับมีคนไม่เห็นด้วยกับผม วิจารณ์ผมกลับมาจำนวนมาก บ้างก็ว่าผมใจร้อนบ้าง บ้างก็ว่าทำไมไม่ดูไลน์กลุ่ม ทำไมไม่ส่งไลน์กันภายใน ทำไมต้องมาพูดข้างนอก แล้วผมหวังดีกับพรรคก้าวไกลหรือเปล่า ที่ท่านวิจารณ์ผมอ่านทั้งหมดนะครับ ผมน้อมรับคำวิจารณ์ เป็รธรรมดาบุคคลสาธารณะต้องโดนวิพากษ์วิจารณ์เป็นเรื่องปกติ
แต่ผมอยากชี้แจงว่า ผมไม่มีโอกาสเข้าไปแนะนำ แนะแนวอะไรในพรรคก้าวไกลหรอก มีคนบ้างก็ให้ไปคุยกับ สส.เงียบๆ สิ ยกหูหากันสิ แต่ในทางกฏหมายผมถูกห้ามเรื่องครอบงำ และในความเป็นจริง ผมก็ไม่ได้มีโอกาสแนะนำแนะแนวอะไรเลย เว้นเสียแต่ไปเจอ สส.ในชีวิตประจำวัน ก็พูดคุยกันบ้าง”
ปิยบุตร ย้ำว่าตนไม่ได้เข้าไปให้คำปรึกษาหรือแนะนำ สส. 151 คนกับผู้บริหารพรรคเลย ที่มีก็เพียงแต่สื่อสารกันผ่านโพสต์ที่เป็นสาธารณะ ซึ่งทั้งพรรคและโหวตเตอร์ก็ได้อ่านอย่างทั่วถึงกันแน่นอน เหตุผลที่ตนวิจารณ์พรรคอย่างตรงไปตรงมาและกระทำอย่างสม่ำเสมอ เพราะยังเชื่อมั่นในพรรค
ทั้งนี้ ปิยบุตรยืนยันว่า ตนไม่ได้อะไรเลยจากการวิจารณ์พรรค ประโยชน์ส่วนบุคคลนั้นไม่ได้อะไรเลย ลตรงกันข้าม มีคนเกลียดตนด้วย จากเดิมเวลาแสดงความคิดเห็นจะมีแต่ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารของฝ่ายจารีตมาโจมตี ซึ่งตนก็โดนเป็นประจำมากว่าทศวรรษแล้ว
พอตนมาช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยก็พุ่งเป้ามาวิพากษ์วิจารณ์ตน มาวันนี้ตนวิจารณ์ก้าวไกล ก็โดนผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลตำหนิติเตียนไม่พอใจอีก
หากผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลไม่พร้อมให้ตนวิจารณ์ก็ไม่เป็นไร ตนได้กลับมาคิดทบทวนแล้วว่าถ้าสถานการณ์ไม่เอื้อให้ตนพูดอย่างตรงไปตรงมา หลังจากนี้จะพยายามไม่เขียนถึงพรรคก้าวไกล แต่จะมีข้อเขียนสุดท้ายถึงพรรคที่เตรียมไว้นานแล้ว ที่อยากให้การเมืองไทยและผู้สนับสนุนพรรคลองพิจารณาดู
ปิยบุตร ทิ้งท้ายด้วยว่า จากนี้ขอประกาศยุติบทบาททางการเมือง เลิกแสดงความเห็นเรื่องการเมืองในที่สาธารณะ เพราะเจอทัวร์ลงบ่อย โดยหลังจากนี้จะขอกลับไปเขียนตำรากฏหมาย หรืออาจไปสอนหนังสือเหมือนเดิม รวมถึงจะหาเวลาออกไปพักผ่อนเพื่อทบทวนตัวเองด้วย