ดูหลายปัจจัยที่คาดว่าจะทำให้ญี่ปุ่น ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 16,600 ราย เสียชีวิตอย่างน้อย 851 ราย กลายเป็นมีผู้ติดเชื้อรายวันอยู่ที่หลักสิบจนยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินแล้วบางจังหวัด แม้รัฐบาลไม่ได้มีมาตรการเข้มงวดเท่าที่อื่น ไม่ว่าจะเป็นการทำงานของสาธารณสุขท้องถิ่น วัฒนธรรม ไปจนถึงสมมติฐานเรื่องเชื้อไวรัสกลายพันธุ์
27 พ.ค. 2563 ญี่ปุ่นเพิ่งจะมีการยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (25 พ.ค.) ในพื้นที่โตเกียวและจังหวัดอื่นๆ อีก 4 จังหวัด หลังจากประกาศใช้มาเป็นเวลา 7 สัปดาห์ เรื่องนี้ทำให้มีข้อสงสัยว่าอะไรทำให้ประเทศญี่ปุ่นมีตัวเลขการติดเชื้อลดลงเหลือเพียงหลักสิบเท่านั้น
แม้ประกาศภาวะฉุกเฉิน แต่ญี่ปุ่นก็ไม่ได้มีการห้ามการเดินทางเคลื่อนย้ายคนในประเทศ กิจการจำพวกร้านอาหารและร้านทำผมยังคงเปิดให้บริการ ไม่มีการใช้เทคโนโลยีทันสมัยในการตรวจจับการเคลื่อนย้ายของผู้คนแบบในไต้หวัน ไม่มีการไล่ตรวจประชาชนอย่างจริงจังแบบในเกาหลีใต้และไม่มีศูนย์ควบคุมโรคด้วยซ้ำ แต่ก็มีจำนวนผู้เสียชีวิตน้อยกว่าเมื่อเทียบกับประเทศใหญ่ๆ หลายประเทศ
มีการตั้งสมมุติฐานความเป็นไปได้ 43 สาเหตุจากสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเรื่องวัฒนธรรมที่คนนิยมสวมหน้ากากอนามัยอยู่แล้ว การตัดสินใจปิดโรงเรียนอย่างรวดเร็ว ไปจนถึงสมมติฐานว่าการออกเสียงในภาษาญี่ปุ่นมีน้ำลายฟุ้งกระจายออกมาน้อย ถึงแม้ว่าเรื่องข้างต้นเหล่านี้จะเป็นปัจจัยที่ยังเป็นข้อสมมุติฐาน แต่ก็มีอยู่เรื่องหนึ่งที่มาจากปฏิบัติการของประชาชนเองและน่าศึกษาเผื่อเอาไว้รับมือในระยะยาวเกี่ยวกับการระบาด
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าการรับมือในระดับรากหญ้าของญี่ปุ่นตั้งแต่ในช่วงต้นๆ ของการระบาด น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการป้องกันโรค โดยศูนย์การสาธารณสุขระดับท้องถิ่นได้ติดตามสอบสวนการระบาดมาตั้งแต่เดือนมกราคมแล้ว และตั้งแต่ปี 2561 ก็มีการจ้างงานกลุ่มพยาบาลจำนวนมากที่มีประสบการณ์ด้านการติดตามสอบสวนไข้หวัดใหญ่และวัณโรคมาทำงานด้านดังกล่าว ถึงแม้ระบบเหล่านี้จะไม่ได้มีความเป็นดิจิทัล แต่ศาสตราจารย์ด้านนโยบายสาธารณะก็บอกว่าเป็นประโยชน์มาก
โยโกะ ทสึคาโมโตะ ศาสตราจารย์ด้านการควบคุมโรคระบาดติดเชื้อจากมหาวิทยาลัยฮอกไกโดกล่าวว่าถึงแม้ญี่ปุ่นจะไม่มีศูนย์ควบคุมโรคติดต่อในระดับส่วนกลาง แต่ศูนย์สาธารณสุขที่แต่ละท้องที่ก็เปรียบเสมือนศูนย์ควบคุมโรคติดต่อในระดับท้องถิ่นของญี่ปุ่น
นั่นทำให้ประเทศโลกที่หนึ่งที่มีการระบาดหนักอย่างสหรัฐฯ และอังกฤษเริ่มหันมาจ้างผู้เชี่ยวชาญทางด้านการติดตามผลโรคระบาดเพื่อเตรียมรับกับการเปิดเศรษฐกิจบ้างแล้ว โดยที่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่นเหล่านี้จะสามารถระบุและแก้ไขปัญหาการระบาดในแบบเฉพาะพื้นที่ที่เรียกว่า "คลัสเตอร์" ได้
ข้อสังเกตอีกประการหนึ่งคือเรื่องฐานคิดของคนญี่ปุ่นเอง ในช่วงที่มีการระบาดใหม่ๆ มีกรณีที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันมากเกี่ยวกับการจัดการการระบาดของผู้คนในเรือไดมอนด์ปรินเซสที่เข้ามาเทียบท่า ที่แม้จะทำให้ผู้เชี่ยวชาญในประเทศได้รับข้อมูลเรื่องโควิด-19 ตั้งแต่เนิ่นๆ แต่ก็ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ความผิดพลาดดังกล่าวสะเทือนจิตสำนึกสาธารณะของชาวญี่ปุ่นเสมือนเห็นไฟไหม้รถอยู่ที่หน้าบ้าน ในขณะที่หลายประเทศยังมองโรคระบาดเป็นเรื่องของคนอื่นอยู่
ผู้เชี่ยวชาญในญี่ปุ่นมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาทั้งในเรื่องการระบาดและการสร้างช่องทางสื่อสารให้ผู้คนเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวในช่วงการระบาดของโควิด-19 อย่างง่ายดายและไม่ถึงขั้นทำให้ผู้คนแปลกแยกจากกันมากเกินไป เช่นการเสนอแนะให้ผู้คนหลีกเลี่ยง 3 อย่าง คือพื้นที่ปิดอับ พื้นที่คนเยอะ และเลี่ยงการสัมผัสที่ใกล้ชิด
กระนั้น มีผู้เชี่ยวชาญบางส่วนเชื่อว่าญี่ปุ่นยังรับมือได้ไม่ดีพอ เมื่อเดือนเมษายนโรงพยาบาลโตเกียวมีการตรวจเชื้อในผู้ป่วยที่ไม่ได้มีอาการป่วยของโควิด-19 แต่ก็พบว่ามีเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่อยู่ร้อยละ 7 ของกลุ่มสำรวจ สะท้อนว่าการตรวจวินิจฉัยโรคอาจตกหล่น หรืออาจมีกลุ่มผู้มีเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ หนึ่งในผู้ที่พูดถึงเรื่องนี้คือโนริโอะ ซุงายะ ศาสตราจารย์รับเชิญจากวิทยาลัยการแพทย์มหาวิทยาลัยเคย์โอ หนึ่งในกรรมการองค์การอนามัยโลกที่ให้คำปรึกษาด้านโรคระบาดเกี่ยวกับหวัด ซุงายะชี้ว่าญี่ปุ่นมีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงมากเมื่อเทียบกับประเทศเอเชียประเทศอื่นๆ
โรคระบาดส่งผลต่อญี่ปุ่นทั้งเรื่องสาธารณสุขและเศรษฐกิจ ในปีนี้ญี่ปุ่นประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอยู่ก่อนแล้วจากแผนการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มในเดือน ต.ค. ที่จะถึงนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวก็ลดลงถึงร้อยละ 99.9 ในเดือน เม.ย. ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศชะงักงัน
ถึงแม้ว่าจะมีการยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินแล้วแต่รัฐบาลญี่ปุ่นก็เตือนว่านั่นยังไม่ได้หมายความว่าจะถึงขั้นกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ ทั้งนี้ยังมีความกังวลว่าถ้าหากเกิดการระบาดหนักระลอกที่ 2 เกิดขึ้นจนต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินอีกครั้งญี่ปุ่นจะเสี่ยงมากเนื่องจากเป็นสังคมที่มีประชากรผู้สูงอายุจำนวนมาก นั่นทำให้ทางการเตือนว่าให้ประชาชนยังคงดำเนินชีวิตในลักษณะที่คำนึงถึงว่ายังมีไวรัสอยู่
เรียบเรียงจาก
Did Japan Just Beat the Virus Without Lockdowns or Mass Testing?, Bloomberg, May 23, 2020
Ending coronavirus emergency raises hope, sparks some concern, Kyodo News, May 25, 2020