เชียงใหม่จัดชุมนุมหน้าอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ปักหมุดคณะราษฎร 2563 สาปแช่งผู้ที่ถอนหมุดให้เสื่อมลาภ ยศ สรรเสริญ ฐานันดร รวมถึงเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ด้านกลุ่มบอดินไม่อินเผด็จการชุมนุมหน้าโรงเรียนบดินทรเดชา แม้โรงเรียนประกาศปิดการเรียนการสอน สนับสนุนข้อเรียกร้องนักเรียนเลว คือ หยุดคุกคามนักเรียน แก้ไขกฎระเบียบกระทรวงศึกษาที่ล้าหลัง และปฏิรูปการศึกษา

25 ก.ย. 2563 กลุ่มนักเรียน นักศึกษา จากหลายสถาบันใน จ.เชียงใหม่กว่าพันคน รวมตัวชุมนุมที่อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จัดกิจกรรม #ฮาบ่เอาคิง มีแกนนำกลุ่มพรรควิฬาร์ ซึ่งเป็นกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่เคยจัดชุมนุมที่ลานประตูท่าแพเป็นผู้จัด

นอกจากการปราศรัยและดนตรีแล้ว เวลา 17.54 น. ผู้จัดยังทำกิจกรรมปักหมุดคณะราษฎร 2563 ลงบนปูนที่ฉาบบนแท่งคอนกรีต พร้อมร่วมกันวางสามนิ้วบนหมุด และมีเสียงด่าสาปแช่งผู้ที่ถอนหมุด ให้คนรื้อ คนสั่งเสื่อมลาภ ยศ สรรเสริญ ฐานันดร รวมถึงเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ

จากนั้น ผู้ชุมนุมร่วมเคารพธงชาติในเวลา 18.00 น. และชู 3 นิ้ว หันหน้าไปทางเสาธงชาติโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย พร้อมกับช่วยกันร้องเพลงชาติและตะโกนคำว่า "เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ"

@TLHR2014 รายงานว่า เวลา 19.00 น. มีการสลับกันปราศรัย พร้อมกับกิจกรรมดนตรีและละครสะท้อนการเมือง รวมทั้งมีการรำลึกถึงจิตร ภูมิศักดิ์ ในโอกาสครบรอบ 90 ปีชาตกาลในวันนี้ ผู้จัดยังประกาศจะจัดชุมนุมอีกครั้งช่วงต้นเดือนตุลา เชิญชวนประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม

และ 19.45 น. ร่วมอ่านแถลงการณ์เรียกร้อง 5 ข้อ 1. #หยุดคุกคามประชาชนและยุติการดำเนินคดีจากการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ 2. ส.ว. ต้องลาออกทั้งหมด 3. ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ 4. ยุบสภา 5. ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ เพื่อให้อำนาจสถาบันฯ เป็นไปตามเจตจำนงของประชาชน ก่อนประกาศยุติกิจกรรม

บอดินไม่อินเผด็จการนัดชุมนุม #ทุบกะลาตาสว่าง

ที่มา: Twitter @THLR2014

ด้านวอยซ์ออนไลน์ รายงานว่า เวลา 16.30 น. กลุ่มบอดินไม่อินเผด็จการ ของนักเรียนโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ซอยรามคำแหง 43/1 จัดกิจกรรม 'ทุบกะลาตาสว่าง' บริเวณสวน ตรงข้ามประตู 2 ของโรงเรียน โดยนักเรียนชายระดับชั้นมัธยมปลายโรงเรียนบดินทรเดชา ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำจัดกิจกรรมครั้งนี้ ให้สัมภาษณ์วอยซ์ออนไลน์ก่อนเริ่มกิจกรรมว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้เพื่อสนับสนุนข้อเรียกร้องของกลุ่มนักเรียนเลว คือ หยุดคุกคามนักเรียน, แก้ไขกฎระเบียบกระทรวงศึกษาที่ล้าหลัง และปฏิรูปการศึกษา โดยมีกลุ่มนักเรียนรวม 6 โรงเรียนร่วมกิจกรรมครั้งนี้

ทางกลุ่มไม่ได้แจ้งโรงเรียนอย่างเป็นทางการ เพราะคิดว่าถ้าแจ้งก็ไม่มีทางอนุญาตอยู่แล้ว หรืออาจจำกัดเนื้อหาในการจัดกิจกรรม อีกอย่างคือโรงเรียนอื่นที่จัดกิจกรรมก็ไม่มีการแจ้งหรือขออนุญาตทางโรงเรียนด้วยเช่นกัน เพราะเห็นว่าว่าเป็นสิทธิเสรีภาพที่นักเรียนสามารถทำได้

แกนนำมองว่า ทางโรงเรียนไม่ควรที่จะปิดการเรียนการสอนเพียงเพราะมีการชุมนุมของนักเรียน เนื่องจากจัดชุมนุมนอกเวลาเรียน ส่วนข้ออ้างเรื่องความปลอดภัยนั้น ยืนยันว่า จะจัดชุมนุมและฟังการปราศรัยอย่างสงบ ไม่มีการใช้ความรุนแรงอยู่แล้ว ส่วนเนื้อหาจะเน้นเรื่องการศึกษาและคาบเกี่ยวกับเรื่องการเมืองนิดหน่อย พร้อมยืนยันว่า กลุ่มนักเรียนอยากเห็นระบบการศึกษาที่ดีกว่าที่เป็นอยู่รวมถึงต้องการให้สังคมไทยในมิติต่างๆ ดีขึ้นด้วย

ทั้งนี้ หนึ่งในผู้ปราศรัยกล่าวว่า นักเรียนสนใจการเมือง เพราะการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน หากการเมืองดีการศึกษาก็จะมีคุณภาพและทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมการศึกษาที่มีคุณภาพสังคมจะดีขึ้น และผู้หญิงไม่ต้องถูกกดขี่จากระบบสังคมชายเป็นใหญ่ ตลอดจนมีระบบบริการสาธารณะที่มีมาตรฐานและคุณภาพ ที่สำคัญที่สุดจะมีสิทธิเสรีภาพ สามารถพูดสิ่งที่คิดได้เต็มที่ โดยไม่โดนกลั่นแกล้งด้วยกฎหมายจากฝ่ายตรงข้ามหรือถูกกล่าวหาว่าชังชาติ

นักเรียนที่ปราศรัยอีกคน ระบุด้วยว่า ผู้ใหญ่มักบอกว่าอาบน้ำร้อนมาก่อน แต่คิดว่าน่าจะโดนต้มจนเปื่อยมากกว่า นอกจากนี้มีการกล่าวโจมตีรัฐบาล และความไร้วิสัยทัศน์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีโดยเห็นว่ารัฐบาลไร้ประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ หากทำได้แค่นี้ก็ควรลาออก ให้คนที่มีวิสัยทัศน์และศักยภาพมาทำหน้าที่แทน

ก่อนหน้านี้ วิสิทธิ์ ใจเถิง ผู้อำนวยการโรงเรียนบดินทรเดชา ได้มีหนังสือลงวันที่วันที่ 24 ก.ย. 2563 อ้างถึงความปลอดภัยของนักเรียนและหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น จึงปิดสถานศึกษาเนื่องจากเหตุพิเศษ เพื่อระงับเหตุหรือป้องกันภยันตรายอันอาจจะเกิดขึ้น และได้นำรถบัสมาจอดขวางหน้าประตู รวมทั้งมีรถจาก สน.วังทองหลาง มาร่วมเสริมด้วย

กลุ่มบอดินไม่อินเผด็จการ ปิดท้ายกิจกรรมทุบกะลาตาสว่าง ด้วยการโยนสำเนาหนังสือของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ให้เปิดพื้นที่สถานศึกษาให้นักเรียนทำกิจกรรมได้ ก่อนร่วมกันผูกโบขาวที่รั้วโรงเรียน พร้อมเรียกร้องให้ทางโรงเรียนเปิดประตูให้นักเรียนเข้าไปทำกิจกรรม ซึ่งไม่เป็นผล ทำให้แกนนำนักเรียน ประกาศก่อนยุติการจัดกิจกรรมว่า เมื่อโรงเรียนไม่เปิดประตูให้ ดังนั้นในวันที่ 28 ก.ย. 2563 จะนัดกันหยุดเรียนเช่นกัน