Skip to main content
sharethis

ตร. แจ้ง 5 ข้อหา ผู้ต้องหาคดีปาระเบิดหน้าจามจุรีสแควร์ ชี้หลักฐานในที่เกิดเหตุคล้ายเหตุระเบิดที่หน้าธนาคารไทยพาณิชย์, หน้าอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา และที่หน้ากองสลากเก่าถนนราชดำเนิน อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานว่ามีความเชื่อมโยงหรือไม่

สำนักข่าวไทยรายงานว่า พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เดินทางมาที่ สน.ปทุมวัน เพื่อสอบปากคำวีรยุทธ สัมฤทธิ์เรืองศรี อายุ 29 ปี พรชัย ประกาพวง อายุ 23 ปี และณัฐสุต ศิริอัฐ อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันก่อเหตุปาระเบิดใส่ตำรวจควบคุมฝูงชน ขณะปฏิบัติหน้าที่ดูแลการชุมนุมอยู่บริเวณหน้าอาคารจามจุรีสแควร์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2564 ทำให้มีตำรวจ 2 นาย สื่อมวลชน และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอาคารได้รับบาดเจ็บ รวม 4 คน โดยชุดสืบสวนนำหมายศาลไปจับกุมวีรยุทธ ได้ที่บ้านพักในเขตภาษีเจริญ และจับกุมพรชัยและณัฐสุต ได้ในซอยเรวดีอ.เมืองนนทบุรี ก่อนจะนำส่ง สน.ปทุมวัน ดำเนินคดี

ผบช.น. เปิดเผยว่า คดีนี้ตำรวจพบหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดจุดเกิดเหตุ ขณะผู้ต้องหา 3 คน ขี่จักรยานยนต์ 2 คัน ขึ้นไปบนสะพานไทย-ญี่ปุ่น จากนั้นได้ขับย้อนศรก่อนโยนวัตถุระบิดลงไปด้านล่าง ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ให้การรับสารภาพส่าเป็นสมาชิกกลุ่มอาชีวะฟันเฟือง เคยเข้าร่วมการชุมนุมต่าง ๆ หลายครั้ง ในวันเกิดเหตุได้ร่วมชุมนุมตั้งแต่ที่ย่านพญาไทจนถึงสามย่าน พบตำรวจเดินขบวนเข้าไปกดดันจึงตัดสินใจก่อเหตุเพื่อขัดขวาง ส่วนวัตถุระเบิดอ้างว่าทำขึ้นมาเอง ไม่พบมีประวัติติดตัว และไม่ให้การพาดพิงไปถึงคดีอื่น

ด้าน พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ รองผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือ 191 ในฐานะผู้เชี่ยวชาญวัตถุระเบิด ระบุว่า จากหลักฐานในที่เกิดเหตุครั้งนี้ พบว่ามีลักษณะคล้ายกับหลักฐานที่พบในอีก 3 คดี คือเหตุระเบิดที่หน้าธนาคารไทยพาณิชย์, หน้าอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา และที่หน้ากองสลากเก่าถนนราชดำเนิน ส่วนจะมีความเชื่อมโยงกับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมในคดีนี้หรือไม่ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน

เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งขณะปฏิบัติหน้าที่, ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น, ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดขึ้น, พาอาวุธเข้าไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร, ร่วมกันมีวัตถุระเบิดซึ่งนายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง”

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องการจับกุมผู้ชุมนุมในระยะหลังที่ทางทนายความและผู้ชุมนุมพยายามแสดงให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่กระทำเกินกว่าเหตุ มีการตรวจสอบหรือกำชับเจ้าหน้าที่บ้างหรือไม่ ตำรวจตอบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามสถานการณ์ ตามพฤติการณ์ สังเกตได้ว่า ในการชุมนุมตำรวจไม่มีการพกพาอาวุธ  ใส่เพียงเครื่องป้องกัน

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เป้าหมายที่โยนลงมาคือ ตำรวจหรือไม่ ตำรวจตอบว่า  กรณีแรกที่หน้ากองสลากมีตำรวจบาดเจ็บ 3 นาย กรณีสามย่านมีตำรวจบาดเจ็บ 3 นาย สื่อมวลชน 1 คนและเจ้าหน้าที่ห้างจามจุรีสแควร์ 1 คน รวม 5 คน ก็ต้องดูว่า สรุปแล้วใครเจ็บ

ตำรวจตอบคำถามว่าการกระทำครั้งนี้มุ่งหวังชีวิตหรือไม่ว่า คงต้องรอผลการสอบสวนที่ขึ้นอยู่กับความเห็นผู้ชำนาญเรื่องวัตถุระเบิด วัตถุประสงค์เบื้องต้นคือ หยุดยั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่และทำร้ายเจ้าพนักงาน พร้อมย้ำว่า การชุมนุมขณะนี้มีปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  ซึ่งมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ควบคุมสถานการณ์ของโรคอยู่ ฉะนั้นการชุมนุมจะอ้างว่า การชุมนุมโดยสงบหรือไม่ก็เป็นการกระทำความผิด เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการ

ผู้สื่อข่าวถามเรื่องการโพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดียที่บางครั้งอาจมีลักษณะการยั่วยุหรือบิดเบือนข้อเท็จจริง มีการเตือนอะไรไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่ ตำรวจตอบว่า “ถ้าเกิดผิดต้องดำเนินการ ผมว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่เราทุกคนจะต้องรักกัน เพราะว่าเรามีปัญหาไม่ว่าจะเรื่องโรค เรื่องปัญหาเศรษฐกิจ หรือเรื่องความมั่นคงต่างๆ ทุกสิ่งทุกอย่างมันจะสงบเรียบร้อยไปได้ต้องอยู่กับประชาชนทุกคน ขอความร่วมมือ ช่วงนี้เป็นช่วงที่เราต้องรักกันแล้วก็ร่วมมือกันแก้ไขสถานการณ์ทั้งหมดเพื่อให้ประเทศชาติมันเดินไปได้”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผบ.ตร. กำชับอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ ตำรวจตอบว่า เน้นในเรื่องรักษาความสงบเรียบร้อย เรื่องการแพร่ระบาดของโรค การรักษาความสงบและกำชับเรื่องยาเสพติด

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net