Skip to main content
sharethis

สหพันธ์เพื่อประชาธิปไตยไทย, สหรัฐอเมริกา ออกแถลงการณ์ประณามการรัฐประหารในเมียนมา ข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลไทยคว่ำบาตรทางการเมืองและการค้าต่อคณะรัฐประหาร

3 ก.พ.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (2 ก.พ.64) สหพันธ์เพื่อประชาธิปไตยไทย, สหรัฐอเมริกา หรือ Association for Thai Democracy, USA เผยแพร่แถลงการณ์การรัฐประหารในประเทศเมียนมาเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา แสดงจุดยืนเป็นพันธมิตรกับประชาชนชาวพม่า และประณามการกระทำของพลเอกมินอ่องหล่ายและคณะรัฐประหาร

โพสต์แถลงการณ์ของสหพันธ์เพื่อประชาธิปไตยไทย, สหรัฐอเมริกา

"เราเชื่อว่าการแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในระดับประชาสังคมเกิดขึ้นผ่านกระบวนการทางประชาธิปไตยเท่านั้น ดังที่พิสูน์มาแล้วหลายครั้งในประวัติศาสตร์ การใช้กำลังยึดอำนาจล้วนนำไปสู่ความแตกแยกที่ลึกยิ่งกว่าเดิม และผลักประเทศให้ก้าวถอยหลัง พวกเราเรียกร้องให้คณะรัฐประหารปล่อยตัวที่ปรึกษาแห่งรัฐอองซานซูจี ประธานาธิบดีวินมยิน และผู้ที่ถูกจับกุมคนอื่นๆโดยทันที"

สหพันธ์เพื่อประชาธิปไตยไทย, สหรัฐอเมริกา ยังมีข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลไทยว่า ควรก้าวขึ้นมาผู้นำในประชาคมอาเซียนอีกครั้ง เช่นเดียวกับสิงค์โปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ซึ่งล้วนออกแถลงการณ์แสดงความกังวลต่อเหตุการณ์ในเมียนมา ด้วยเหตุนี้เราเรียกร้องให้รัฐบาลไทยคว่ำบาตรทางการเมืองและการค้าต่อคณะรัฐประหารเมียนมา พวกเราเชื่อว่านี่เป็นโอกาสให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทยและพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ แสดงความจริงใจต่อกระบวนการเลือกตั้งและยืนหยัดข้างอุดมการณ์ด้านประชาธิปไตย ซึ่งรัฐบาลไทยใช้อ้างความชอบธรรมโดยตลอดมา

ทั้งนี้ สหพันธ์เพื่อประชาธิปไตยไทย, สหรัฐอเมริกา เป็นการรวมตัวของคนไทยและคนอเมริกันเชื้อสายไทยในสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2563 เพื่อทำกิจกรรมรณรงค์และสนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตยในไทย

โดยมีรายละเอียดแถลงการณ์ดังนี้

แถลงการณ์สหพันธ์เพื่อประชาธิปไตยไทย, สหรัฐอเมริกา เรื่องการรัฐประหารในประเทศเมียนมาเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564

ในระยะหลายวันที่ผ่านมา พวกเราในฐานะพลเมืองอาเซียนจับตามองสถานการณ์ของประเทศเมียนมาอย่างใกล้ชิดเมื่อทราบข่าวความเป็นไปได้ของการก่อรัฐประหาร ข่าวลือดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากชัยชนะการเลือกตั้งทั่วไปอย่างถล่มทลายของพรรคสันนิบาตชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) นำโดยอองซานซูจี เมื่อปลายปี 2563

กระทั่งเมื่อวาน (31 มกราคม 2564) ข่าวลือดังกล่าวกลายเป็นความจริงที่น่าผิดหวัง เมื่อพลเอกมินอ่องหล่าย ผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพเมียนมา (ทัดมาดอว์) กระทำรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลพลเรือน พวกเรารู้สึกสลดใจที่เห็นประเทศเพื่อนบ้านถอยหลังสู่ยุคมืดของระบอบอำนาจนิยม เราเห็นใจประชาชนชาวเมียนมาที่ต้องเห็นรัฐธรรมนูญถูกเหยียบย่ำโดยรถถัง และสิทธิขั้นพื้นฐานถูกลิดรอนโดยกระบอกปืน

นับตั้งแต่การประกาศอิสรภาพเมื่อปี 2491 เมียนมาอยู่ภายใต้การกดขี่ของรัฐบาลทหาร รัฐบาลทหารตัดขาดประเทศเมียนมาจากโลกภายนอก อันทำให้เมียนมารั้งท้ายประเทศอื่นๆด้านเศรษฐกิจ เส้นทางสู่ประชาธิปไตยของเมียนมานั้นยาวนาน ยืดเยื้อ และเต็มไปด้วยการนองเลือด ผู้นำฝ่ายประชาธิปไตยถูกกักขัง กดขี่ และสังหาร เมียนมาเริ่มเปลี่ยนผ่านสู่ระบอบประชาธิปไตยที่มีการเลือกตั้งเมื่อทศวรรษที่ผ่านมา แต่ถึงกระนั้นกองทัพก็ยังคงกุมอำนาจทางการเมือง รัฐธรรมนูญเมียนมาให้อภิสิทธิ์ทางรัฐสภาแก่ทหารถึงร้อยละ 25 เพราะเหตุนี้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2563 ซึ่งพรรค NLD ได้ที่นั่งในรัฐสภาถึงร้อยละ 83 จึงเป็นหมุดหมายที่สำคัญของการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยรัฐบาลพลเมือง การแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้จะนำไปสู่การลดอิทธิพลของทหารในการเมือง และเปิดทางให้เมียนมาเดินเข้าสู่การปกครองแบบเสรีนิยมประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

ไม่มีข้อกังขาใดที่กองทัพ “ทัดมาดอว์” จะไม่เกรงกลัวการปฏิรูปของรัฐบาลพลเรือนนี้ เพราะกองทัพจะสูญเสียอภิสิทธิ์และผลประโยชน์ทางธุรกิจที่ได้รับมายาวนานหลายทศวรรษ ชัดเจนว่ารัฐประหารครั้งนี้กระทำขึ้นเพื่อรักษาผลประโยชน์มหาศาลที่เครือข่ายนายพลและนายทหารชั้นสูงรุมสูบเพื่อเลี้ยงตัวเรื่อยมา ดังที่อองซานซูจีกล่าวไว้ในความเรียง “อิสรภาพจากความกลัว” (Freedom from Fear) ของเธอว่า “ไม่ใช่อำนาจหรอกที่ทำให้คนประพฤติทุจริต แต่เป็นความกลัวต่างหาก ความกลัวที่จะสูญเสียอำนาจทำให้ผู้ใช้อำนาจประพฤติทุจริต และความกลัวต่อพลังที่ต่อต้านไม่ได้ของอำนาจนั้นเองทำให้ผู้ที่อยู่ใต้ความยั่วยวนของอำนาจนั้นประพฤติทุจริต” เป็นที่น่าเสียดายที่นายพลมินอ่องหล่ายเลือกความกลัวเหนืออิสรภาพ

สหพันธ์เพื่อประชาธิปไตยไทย, สหรัฐอเมริกา ยืนหยัดเป็นพันธมิตรกับประชาชนชาวพม่า และประณามการกระทำของพลเอกมินอ่องหล่ายและคณะรัฐประหาร พวกเราเชื่อว่าการแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในระดับประชาสังคมเกิดขึ้นผ่านกระบวนการทางประชาธิปไตยเท่านั้น ดังที่พิสูน์มาแล้วหลายครั้งในประวัติศาสตร์ การใช้กำลังยึดอำนาจล้วนนำไปสู่ความแตกแยกที่ลึกยิ่งกว่าเดิม และผลักประเทศให้ก้าวถอยหลัง พวกเราเรียกร้องให้คณะรัฐประหารปล่อยตัวที่ปรึกษาแห่งรัฐอองซานซูจี ประธานาธิบดีวินมยิน และผู้ที่ถูกจับกุมคนอื่นๆโดยทันที

ในขณะเดียวกัน พวกเรามีข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลไทยซึ่งเคยเป็นดวงประทีปแห่งความหวังของระบอบเสรีประชาธิปไตยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รัฐบาลไทยควรก้าวขึ้นมาผู้นำในประชาคมอาเซียนอีกครั้ง เช่นเดียวกับสิงค์โปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ซึ่งล้วนออกแถลงการณ์แสดงความกังวลต่อเหตุการณ์ในเมียนมา ด้วยเหตุนี้เราเรียกร้องให้รัฐบาลไทยคว่ำบาตรทางการเมืองและการค้าต่อคณะรัฐประหารเมียนมา พวกเราเชื่อว่านี่เป็นโอกาสให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทยและพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ แสดงความจริงใจต่อกระบวนการเลือกตั้งและยืนหยัดข้างอุดมการณ์ด้านประชาธิปไตย ซึ่งรัฐบาลไทยใช้อ้างความชอบธรรมโดยตลอดมา

ในศตวรรษที่ 21 นี้ การปกครองด้วยอาวุธและอำนาจควรเป็นเพียงเรื่องในอดีต หาใช่กำลังแต่เป็นเหตุผล หาใช้ความกลัวแต่เป็นเสรีภาพ ที่นำให้เราก้าวข้ามความขัดแย้งอย่างเป็นอารยะ และประคองให้ประเทศของเราทั้งสองมุ่งไปข้างหน้าอย่างสง่างาม

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net