Skip to main content
sharethis

กรมอนามัยเตือนฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน ระยะสั้นทำให้แสบตา แสบจมูก ภูมิแพ้กำเริบ ระยะยาวส่งผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงเป็นสาเหตุของมะเร็งปอด ซึ่งแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มทุกปี แนะลดกิจกรรมนอกบ้าน สวมหน้ากาก และติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศ

5 ก.พ. 2564 เดอะสแตนดาร์ดรายงานว่า นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 พบว่า มากกว่า 19 จังหวัดยังมีค่าฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน อยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีส้ม) กระจายในภาคต่างๆ โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยปริมาณ PM2.5 ค่าระหว่าง 43-78 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

สถานการณ์ดังกล่าวไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะสั้น เช่น แสบตา แสบจมูก ระคายเคืองตา หรือภูมิแพ้กำเริบเท่านั้น แต่หากได้รับในปริมาณมากในระยะยาวจะส่งผลกระทบทำให้เกิดโรคทั้งระบบหัวใจและหลอดเลือดและมะเร็งได้ เนื่องจากเมื่อฝุ่นเข้าสู่ร่างกาย นอกจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 จะทำให้เกิดการอักเสบภายในร่างกายแล้ว ยังเข้าไปทำลายระบบต่างๆ ในเซลล์ของปอดที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งปอดได้ในระยะยาว

นพ.สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า PM2.5 ยังมีองค์ประกอบของสารเคมีบางชนิดที่ก่อให้เกิดมะเร็ง เช่น โพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (PAHs) หรือสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) ซึ่งส่งผลให้เกิดมะเร็งปอดได้เช่นเดียวกัน 

ทั้งนี้สำนักงานวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศ (International Agency for Research on Cancer, IARC) ระบุว่า มลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะ PM2.5 ถูกจัดเป็นสารก่อมะเร็งสำหรับมนุษย์ได้ โดยองค์การอนามัยโลกได้ประมาณการณ์ในปี 2559 ว่าประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดซึ่งมีสาเหตุมาจากมลพิษทางอากาศถึง 6,330 ราย 

สำหรับการเจ็บป่วย พบว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี โดยจากรายงานการเจ็บป่วยด้วยโรคจากมลพิษทางอากาศของคลังข้อมูลสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุขในปี 2563 พบว่ามีรายงานผู้ป่วยมะเร็งปอดกว่า 122,104 ราย คิดเป็น 186.26 ต่อแสนประชากร

“ทั้งนี้ขอให้ประชาชนป้องกันตนเองจากฝุ่น PM2.5 โดยลดกิจกรรมนอกบ้านและอยู่ภายในบ้านหรือในอาคารให้มากขึ้น ควรใส่หน้ากากสำหรับป้องกันฝุ่น PM2.5 เมื่อต้องออกนอกอาคาร งดออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงในที่ที่มีฝุ่นมาก งดสูบบุหรี่ และหากมีอาการผิดปกติ เช่น มีอาการระคายเคืองบริเวณทางเดินหายใจ แสบจมูก แสบคอ หายใจไม่สะดวก เหนื่อยง่าย หรือไอ ให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที และให้ช่วยกันลดกิจกรรมที่ทำให้เกิดฝุ่นเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว นอกจากนี้ประชาชนควรหมั่นติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศด้วยการดูค่า AQI ได้ที่เว็บไซต์ air4thai.pcd.go.th หรือแอปพลิเคชัน ‘Air4thai’ ของกรมควบคุมมลพิษ หรือเฟซบุ๊กเพจ ‘คนรักอนามัย ใส่ใจอากาศ PM 2.5’ ของกระทรวงสาธารณสุข ก่อนออกจากบ้านอยู่เสมอ” นพ.สุวรรณชัย กล่าวในที่สุด

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net