คิริน บริษัทเบียร์รายใหญ่ของญี่ปุ่นประกาศยุติความร่วมมือทางธุรกิจกับกลุ่มเบียร์พม่าที่ทหารถือหุ้น ด้านชาวเน็ตพม่าผุดแคมเปญแบนสินค้าและบริการจากนายทุนที่สนับสนุนรัฐประหาร
5 ก.พ. 2564 บริษัทคิรินโฮลดิงส์ ผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่สัญชาติญี่ปุ่นประกาศถอนทุนออกจาก 2 บริษัทเบียร์พม่า โดยเป็นบริษัทญี่ปุ่นรายแรกที่ยุติความร่วมมือกับรัฐบาลทหารพม่าอย่างเป็นทางการภายหลังการรัฐประการเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และแถลงอย่างเป็นทางการว่า
“ใน พ.ศ. 2558 ประเทศเมียนมาอยู่ในช่วงเวลาสำคัญของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตย คิรินโฮลดิงส์จึงตัดสินใจลงทุนธุรกิจในประเทศเมียนมา เพราะเชื่อมั่นว่าธุรกิจของเราจะมีส่วนทำให้ประชาชนชาวพม่าและเศรษฐกิจของประเทศเมียนมาดำเนินไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่การกระทำของกองทัพพม่าละเมิดนโยบายสิทธิมนุษยชนและหลักการทำธุรกิจของบริษัท คิรินโฮลดิงส์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขอยุติการร่วมลงทุนในฐานะหุ้นส่วนของบริษัท เมียนมา อีโคโนมิก โฮลดิงส์ จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่ม MEHL และคิรินโฮลดิงส์จะดำเนินการโดยเร่งด่วนเพื่อยุติการลงทุนร่วมกับ MEHL”
คิรินโฮลดิงส์เป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ในบริษัทเมียนมาบริวเวอรี และบริษัทมัณฑะเลย์บริวเวอรี ผู้ผลิตเครื่องดื่มรายใหญ่ของเมียนมาซึ่งเป็นบริษัทในเครือของกลุ่ม MEHL ที่ก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ.2533 โดยกระทรวงกลาโหมเมียนมา และมีกองทัพพม่า หรือทัตมาดอว์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
ตัวแทนของคิรินโฮลดิงส์เผยกับหนังสือพิมพ์เดอะนิคเคอิว่า บริษัทแจ้งกับทาง MEHL เมื่อเช้าวันนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าต้องการยุติความร่วมมือทางธุรกิจ แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับใดๆ จาก MEHL
“ตอนนี้ เรายังไม่ได้นึกถึงขั้นถอนทุนออกจากเมียนมา เพราะถึงแม้จะถอนทุนออกจาก MEHL แต่เรายังมองหาความร่วมมือทางธุรกิจกับเอกชนรายอื่นในเมียนมา” ตัวแทนคิรินโฮลดิงส์กล่าว
แม้จะยังไม่ทราบแน่ชัดว่า MEHL จะยินยอมให้คิรินโฮลดิงส์ยุติการร่วมลงทุนหรือไม่ แต่คิรินโฮลดิงส์เปิดเผยเพิ่มเติมว่าหากตกลงกันไม่ได้ สุดท้ายแล้วคิรินโฮลดิงส์อาจถึงขั้นถอนทุกการลงทุนจากประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นการตัดสินใจในกรณีที่เลวร้ายที่สุด
เมียนมาบริวเวอรี หรือเจ้าของเครื่องหมายการค้า Myanmar Beer (เบียร์พม่า) เป็นผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงในประเทศเมียนมา โดยในปี 2558 คิรินโฮลดิงส์ซื้อหุ้นในบริษัทนี้ทั้งหมด 55% เป็นจำนวนเงินกว่า 560 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อมาในปี 2560 คิรินโฮลดิงส์โอนหุ้นที่ตนถือครองในเมียนมาบริวเวอรีจำนวน 4% ให้แก่กลุ่ม MEHL นอกจากนี้ คิรินโฮลดิงส์ยังถือหุ้นในบริษัทมัณฑะเลย์บริวเวรีอยู่ 51% คิดเป็นมูลค่ากว่า 4,300,000 ดอลลาร์สหรัฐ
คิรินโฮลดิงส์ เปิดเผยว่า ในปี 2562 เมียนมาบริวเวอรีมียอดขายทั้งหมด 316 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีกำไรจากการประกอบธุรกิจอีกประมาณ 122 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 6.8% ของกำไรสุทธิของคิรินโฮลดิงส์
บริษัทต่างชาติรายอื่นที่เข้ามาลงทุนเมียนมาได้รับแรงกดดันจากองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนให้พิจารณาการทำธุรกิจภายใต้การบริหารประเทศของรัฐบาลทหารพม่า โดยกลุ่มนักเคลื่อนไหวร้องขอให้คิรินโฮลดิงส์ยุติการลงทุนกับกองทัพพม่ามาตั้งแต่ก่อนเกิดรัฐประหารแล้ว
วิศวกรและพนักงานเหมืองทองแดงของบริษัท Myanmar Yangtze Copper Mine ประกาศหยุดงานต้านรัฐบาลทหาร
นอกจากนี้ ในวันนี้ วิศวกรและพนักงานเหมืองทองแดงของบริษัท Myanmar Yangtze Copper Mine (บริษัทร่วมทุนกับจีน) ประกาศหยุดงานต้านรัฐบาลทหาร ขณะเดียวกันสำนักข่าว Myanmar Labour News รายงานว่า สหพันธ์แรงงาน FGWM ที่มีสมาชิก 8,000 คน ลงมติหยุดงานต้านรัฐประหาร
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 2 ก.พ. อมตะ คอร์ปอเรชั่น บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และจัดการนิคมอุตสาหกรรมสัญชาติไทย ประกาศระงับการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมใกล้นครย่างกุ้งชั่วคราว เพราะกังวลผลกระทบจากการที่สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปประกาศคว่ำบาตรรัฐบาลทหารพม่า
สหพันธ์แรงงาน FGWM ลงมติหยุดงานต้านรัฐประหาร
ชาวพม่าประกาศแบนสินค้าที่สนับสนุนรัฐประหาร
อรรวี แตงมีแสง อดีตผู้สื่อข่าวสายอาเซียนรายงานว่า ประชาชนชาวพม่าเริ่มรณรงค์แบนสินค้าและธุรกิจที่เกี่ยวข้องหรือสนับสนุนกองทัพพม่า ซึ่งการรณรงค์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการแสดงออกเพื่อต่อต้านการทำรัฐประหาร โดยกรณีล่าสุด คือ การแบนแอปพลิเคชันส่งอาหาร Food Panda เพราะแอปฯ ดังกล่าวจ้าง Aung La N Sang นักมวยชื่อดังเป็นพรีเซนเตอร์ ซึ่งเขาแสดงตนว่าสนับสนุนกองทัพพม่า
Aung La N Sang นักมวย MMA (ศิลปะการต่อสู้แบบผสม) จากรัฐคะฉิ่น สังกัด ONE Championship เจ้าของฉายา “งูหลามพม่า (The Burmese Python)” ผู้เป็นที่รักของชาวพม่าและถูกยกย่องให้เป็นฮีโร่ของคนในชาติ เพราะสร้างชื่อเสียงให้ประเทศในระดับโลก
Aung La N Sang ถูกวิจารณ์อย่างหนักหลังตอบคอมเมนต์แฟนคลับคนหนึ่งในอินสตาแกรมที่แสดงความรู้สึกเสียใจและผิดหวังกับท่าทีของเขามีที่ต่อการรัฐประหาร ซึ่งสวนทางกับคนดังคนอื่นๆ ทั้งยังเปรียบเทียบเขากับ รีฮานนา นักร้องชื่อดังจากสหรัฐฯ โดย Aung La N Sang เขียนคอมเมนต์ตอบกลับว่า “รีฮานนาพูดได้เพราะเธอไม่ได้จะกลับไปช่วยเมียนมาให้ดีขึ้น ผมนี่แหละที่ต้องกลับไปเมียนมา และเมียนมา ในฐานะประเทศ ยังไงก็ยังต้องมีกองทัพ ผมและครอบครัวเป็นคนคะฉิ่นที่นับถือศาสนาคริสต์ ผมเข้าใจสิ่งที่คุณกำลังเจอมากกว่าเป็นร้อยเท่า โปรดเข้าใจด้วย ถ้าผมล้มเลิก[การรัฐประหาร]ได้ ผมก็จะทำ”
นอกจากในกรณีของ Aung La N Sang แล้ว ชาวเน็ตพม่ายังเผยแพร่ รายชื่อคนดังที่ไม่ออกมาแสดงจุดยืนทางการเมือง และไม่สนับสนุนประชาชน ทั้งยังมีการเรียกร้องให้คนเลิกติดตาม บุคคลเหล่านี้ รวมถึงแบนสินค้าหรือบริการที่คนเหล่านี้เป็นพรีเซนเตอร์ โดยก่อนหน้านี้ ชาวพม่าประกาศแบนสินค้าและบริการจาก KMD Computer Group ซึ่งก่อตั้งโดย เทาก์ติง (Thaung Tin) หนึ่งใน กกต. ชุดปัจจุบันที่รัฐบาลทหารเพิ่งแต่งตั้ง และเป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศสมัยประธานาธิบดีเต็งเส่ง
ลงทุนในพม่าอาจเป็นผู้สนับสนุนการละเมิดสิทธิมนุษยชน
เมื่อ พ.ศ.2561 ผู้แทนองค์การสหประชาชาติซึ่งทำหน้าที่สอบสวนเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญา รายงานว่า การทำธุรกิจกับ MEHL และ MEC ซึ่งเป็นบริษัทของกองทัพพม่า รวมถึงบริษัทอื่นๆ ที่กองทัพพม่าถือหุ้น ถือว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะพัวพันกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ด้านกลุ่มฮิวแมนไรตส์วอตช์ (Human Rights Watch) กล่าวว่า ถึงจะรอนานแต่ท่าทีของคิรินโฮลดิงส์ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่ง และเรียกร้องให้ธุรกิจต่างชาติอื่นๆ ที่เข้าไปลงทุนในเมียนมาแสดงออกอย่างชัดเจน เร่งด่วน และโปร่งใส เช่นเดียวกับที่คิรินโฮลดิงส์ทำ เพราะกองทัพพม่า หรือทัตมาดอว์ เป็นกลุ่มทุนใหญ่ที่ทรงอิทธิพลในประเทศเมียนมา โดยกองทัพพม่าเป็นเจ้าของ ถือครองหุ้น และให้ความช่วยเหลือธุรกิจหลากหลายประเภท หากธุรกิจใดมีสายสัมพันธ์กับกองทัพพม่าอาจกลายเป็นผู้ให้การสนับสนุนการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนได้ เนื่องจากกองทัพพม่าถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรงฮิงญาและการคุกคามชาติพันธุ์กลุ่มอื่นๆ ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยที่อยู่ในประเทศเมียนมา อีกทั้งในตอนนี้ กองทัพพม่ายังก่อการรัฐประหาร ยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนซึ่งชนะการเลือกตั้งในเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว และได้รับคะแนนเสียงท่วมท้นจากประชาชนเกินกว่า 80%
ที่มา
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)