Skip to main content
sharethis

กลุ่มฅนเมือง Movement เชียงใหม่จัดกิจกรรมลานครูบาศรีวิชัย เรียกร้อง “ปล่อยเพื่อนเรา” รดน้ำตราชูเอียง เผาพริกเผาเกลือสาปแช่ความอยุติธรรม 

9 เม.ย. 2564 วันนี้ตั้งแต่เวลา 08.30 น. กลุ่มฅนเมือง Movement เชียงใหม่จัดกิจกรรม “ปล่อยเพื่อนเรา” โดยมีขบวนรถติดรูปเพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์, รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล, ไผ่ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา, ไมค์ ภาณุพงศ์ จาดนอก, หมอลําแบงค์ ปฏิภาณ ลือชา, โตโต้  ปิยรัฐ จงเทพ, แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์ หรือ ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์, สมยศ พฤกษาเกษมสุข และผู้ถูกคุมขังจากคดีทางการเมืองขับแห่รอบเมือง ก่อนจะเดินทางไปที่ลานครูบาศรีวิชัยบริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ เพื่อนมัสการและขอพรให้ผู้ถูกคุมขังจากคดีทางการเมืองได้ออกมาสู่อิสรภาพ และขอให้ความอัปยศหายไปจากประเทศไทย

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสะล๋ะ สะหล๋วง ตราชู นำน้ำส้มป่อยมารดน้ำล้างความอยุติธรรมออกจากตราชู ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความยุติธรรม และมีการเผาพริกเผาดกลือสาปแช่ผู้ที่ทำให้เกิดความอยุติธรรมขึ้นในสังคม พร้อมทั้งอ่านถ้อยแถลงการณ์ในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ ก่อนจะเดินทางไปหน้าทัณฑสถานหญิง เพื่อส่งจดหมายให้กำลังใจพรพิมล ผู้ต้องหาคดี 112 ของเชียงใหม่ที่ถูกคุมขังอยู่ภายในทัณฑสถานหญิงตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 64 เนื่องจากศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว และอ่านจดหมายถึงประธานศาลฎีกา และร่วมยืนยืนไว้อาลัยให้กระบวนการยุติธรรมไทยเป็นเวลา 1.12 นาที

“เราต้องการทำกิจกรรมให้พี่น้องชาวเชียงใหม่ได้รับทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในสังคมบ้านเมืองเรา เด็กๆ ลูกหลานที่ออกมาเรียกร้องในสิ่งที่ถูกต้องต้องถูกจับกุมคุมขัง และกระบวนการยุติธรรมของเราเองก็ลำเอียง ไม่เที่ยงธรรม พวกเขามีสิทธิที่จะได้รับการประกันตัวออกมาสู้คดีได้ อันนี้เป็นจุดยืนที่เราต้องการเรียกให้ผู้มีอำนาจได้ดำเนินการในเรื่องนี้ เราจะเคลื่อนไหวจนกว่าเพื่อนเราจะได้รับความยุติธรรม” หนึ่งในผู้เข้าร่วมกิจกรรมกล่าว

ถ้อยแถลงกิจกรรมคนเมืองมูฟเม้นต์ 'ปล่อยเพื่อนเรา'

ความมืดบอดของกระบวนการยุติธรรมในวันนั้น ในวันที่ท่านได้พรากเพื่อน ผู้ต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยให้สังคมด้วยวิธีอหิงสาของพวกเราไป นำทางให้พวกเรามาถึงจุดๆ นี้ ในจุดที่พวกเราไม่สามารถทนตกอยู่ภายใต้กระบวนการอันไม่เป็นธรรมนี้ได้อีกต่อไปแล้ว จึงต้องลุกขึ้นมาเรียกร้อง เรียกร้องเพื่อเพื่อนที่ต้องถูกคุมขัง ไม่ได้รับการปล่อยตัว และตกอยู่ภายใต้การพิจารณาที่ไม่เป็นธรรม ตกอยู่ภายใต้ใบสั่งจากเงามืดอำพราง ขาดอิสระ และไม่เป็นไปตามหลักการของกฎหมาย ไม่อยู่กับร่องกับรอย

การที่ศาลอาญาอ้างว่า การกระทำของเพื่อนเราเป็นความผิดที่ร้ายแรง ทั้งได้กระทำการดังกล่าวซ้ำหลายครั้ง หากปล่อยตัวไปเกรงว่าจะไปก่อเหตุซ้ำ จึงได้มีคำสั่งยกคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวหลายครั้งนั้น พวกเราอยากเรียนว่า นั้นเป็นการเข้าใจผิดอย่างร้ายแรง การกระทำของเพื่อนเรานั้นไม่ได้เป็นความผิด สิ่งที่พวกเขาทำ คือการเรียกร้องประชาธิปไตยที่สมบูรณ์  เรียกร้องอิสระภาพ เสรีภาพ  สิทธิความเป็นมนุษย์ ซึ่งมนุษย์ทุกคนควรที่จะได้รับ และได้รับอย่างเท่าเทียมกันทุกคน พวกเขาจึงไม่เคยกระทำความผิด พวกเขาไม่เคยกระทำความผิดซ้ำ หากปล่อยตัวพวกเขาออกมาแล้ว แล้วพวกเขาจะกระทำสิ่งดังกล่าวนั้นซ้ำอีกกี่ครั้งกี่คราจนกว่าจะได้ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เบ่งบานทั่วทุกทิศแคว้นดินแดนหล้านั้นก็ไม่ใช่การกระทำความผิด เพราะนี้คือสิทธิ ที่ประชาชนจะสามารถกระทำได้ตามที่รัฐธรรมนูญได้รับรองไว้

ความผิดต่างๆ ที่ท่านได้ยัดเหยียดให้กับเพื่อนของเรานั้นต่างก็เป็นเพียงความผิดจากกฎหมายที่ผู้มีอำนาจอย่างพวกท่านได้เขียนขึ้นมาเพื่อกำจัดกลุ่มบุคคลที่ขวางคอซึ่งกำลังเขมือบผลประโยชน์อันโอชะเท่านั้น แต่ไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์แต่ส่วนรวมแต่อย่างใด อย่างจะกล่าวถึงพรก.ฉุกเฉินที่พวกท่านได้อ้างว่าหากบังคับใช้แล้วจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิดได้ ถ้าหากไปเช่นนั้นจริง แล้วเหตุใดบังคับใช้กันมาเป็นปีๆ โรคนี้ก็ยังกลับมาระบาดได้ระลอกแล้วระลอกเล่า ก็ยังมีความเคลือบแครงอยู่ว่าพรก. ดังกล่าวนั้นออกมาเพื่อควบคุมโรคหรือเพียงจะกีดกันไม่ให้ประชาชนออกมาเรียกร้องตามสิทธิของเขา และการระบาดที่เกิดขึ้นนี้เกิดขึ้นจากการลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิของประชาชนหรือเป็นเพราะการบริหารอันล้มเหลวของรัฐบาล

ประชาชนควรมีสิทธิที่จะตั้งคำถามได้ ไม่ว่าจะเรื่องใดๆ หากเรื่องนั้นเป็นที่เรืองบกพร่อง มีปัญหาอันควรได้รับการแก้ไข ประชาชนอย่างเรานั้นมีสิทธิที่จะรู้ว่าเงินภาษีในแต่ละบาทแต่ละสตางค์ของพวกเราได้นำไปบริหารจัดการอย่างใด แล้วสิ่งนั้นก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้เสียภาษีอย่างเราๆหรือไม่ ไม่ควรมีใครที่จะถูกตั้งข้อหาในม.112 เพียงเพราะทวงถามถึงเงินที่เราทุกคนได้จ่ายไป และประโยชน์ที่คนในสังคมจะได้รับ เพราะสิทธิในการพูด การตั้งคำถาม และการแสดงความคิดเห็นนี้ได้รับการรับรองจากรัฐธรรมนูญ แล้วพวกท่านจะกล่าวหาประชาชนที่ลุกขึ้นมาตั้งคำถาม และแสดงความคิดเห็นตามสิทธิที่เขามี ว่าพวกเขากระทำความผิดแล้วยัดเหยียดข้อหาว่ายุยงปลุกปั่นสร้างความกระด้างกระเดือกได้อย่างไร

พวกเราจึงขอยืนยันว่าเพื่อนของพวกเราไม่ได้กระทำสิ่งใดที่เป็นความผิด พวกเขาทำตามสิทธิที่ประชาชนทุกคนพึงมี เพื่อที่ประชาธิปไตยจะได้เบ่งบานทั่วทุกตารางนิ้ว นี้ไม่ใช่เพื่อตัวเขาเอง ไม่ใช่เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง หากแต่เพื่ออนาคตของคนทุกคนในสังคม

ในสุดท้ายนี้พวกเราจึงขอยืนยันและเรียกร้องให้ปล่อยตัวเพื่อนของพวกเราตามกระบวนการยุติธรรมที่ยุติธรรมตามหลักการสากล มิใช่คุมขังเพราะใครหรือเพื่อใคร เพื่อที่จะให้พวกเขาได้ออกมาต่อสู้ตามกระบวนการที่โปรงใส ถูกต้อง และเป็นธรรมให้ได้มากที่สุด ตามกฎหมายบัญญัติ

กรงไม่อาจขังแสงดาวได้

คนเมืองมูฟเม้นต์

ภาพบรรยากาศกิจกรรมเพิ่มเติม : 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net