Skip to main content
sharethis

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเผย ตร.จับ 3 วัยรุ่น 1 เยาวชน กลุ่ม 'ก็มาดิแก๊ส' โยงปาระเบิดใส่ คฝ. #ม็อบ11กันยา 2 รายถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่า ศาลไม่ให้ประกัน - ศาลยังยืนไม่ให้ประกันตัว 3 สมาชิกทะลุฟ้า อ้างผิดเงื่อนไขประกัน แม้เงื่อนไขกำหนดหลังเกิดเหตุคดีสาดสีหน้า สน.ทุ่งสองห้อง - ตร.แสดงหมายจับ “ฉัตรมงคล” คดี “ปาไข่-สาดสี” ม.พัน 4 รอ. คืนวันศุกร์ คุมตัวเกิน 48 ชม. รอส่งฟ้องวันจันทร์ - อัยการสั่งฟ้องสองคดีปี 63: คดีชุมนุม ‘คณะราษฎรอีสาน’ – คดี ‘สาดสีปาไข่’ ทวงถามทหารล็อกคอผู้ชุมนุม

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่าเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2564 ตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงบ่าย กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล สนธิกำลังกับชุดสืบและตำรวจหน่วยอื่น เข้าจับกุมวัยรุ่นและเยาวชนรวม 4 ราย หลัง สน.ดินแดง ขอศาลออกหมายจับ โดยกล่าวหาว่า เป็นกลุ่มที่ร่วม #ม็อบ11กันยา ที่แยกดินแดง และโยนระเบิดใส่ คฝ. จนได้รับบาดเจ็บ 4 นาย 

2 ราย ซึ่งเป็นเยาวชนอายุ 15 ปี 1 ราย ถูกตั้งข้อหา เป็นซ่องโจร พร้อมทั้งข้อหา ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, มั่วสุมก่อความวุ่นวาย, ไม่เลิกมั่วสุมเมื่อเจ้าหน้าที่บอกให้เลิก และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน โดยใช้กำลังหรือมีอาวุธ ขณะที่วัยรุ่นอีก 2 ราย ถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ฯ และข้อหาอื่นเช่นเดียวกับ 2 รายแรก ยกเว้นข้อหาเป็นซ่องโจร โดย 1 ใน 2 ราย ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้โยนระเบิดใส่ ส.ต.ต.ธนาวุฒิ จิรคเชนทร์ จนได้รับบาดเจ็บสาหัสมีเลือดออกในสมอง  

ต่อมาในวันที่ 2 ต.ค. 2564 ศาลอาญาและศาลเยาวชนฯ ให้ประกันผู้ต้องหา 2 ราย ที่ไม่มีข้อหาพยายามฆ่า แต่ไม่ให้ประกันผู้ต้องหาอีก 2 ราย ทำให้ทั้งสองถูกควบคุมตัวไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทำให้จำนวนผู้ต้องขังในคดีอันเนื่องมาจากจากการแสดงออกทางการเมือง เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 13 คน   

อ่านข่าวนี้ฉบับเต็มในเว็บไซต์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

ศาลยังยืนไม่ให้ประกันตัว 3 สมาชิกทะลุฟ้า อ้างผิดเงื่อนไขประกัน แม้เงื่อนไขกำหนดหลังเกิดเหตุคดีสาดสีหน้า สน.ทุ่งสองห้อง

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่านักกิจกรรมกลุ่มทะลุฟ้าและประชาชนรวม 14 ราย ถูกออกหมายจับในคดีทำกิจกรรมหน้า สน.ทุ่งสองห้อง เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2564 เนื่องจากไม่ได้ไปตามนัดส่งตัวอัยการ ทั้งหมดจึงได้เข้ามอบตัวตามหมายจับ แต่ตำรวจกลับอ้างว่าสำนวนยังไม่เสร็จสิ้น ยังไม่อัยการ จึงจะยื่นขอฝากขังผู้ต้องหาทั้งหมด ต่อมาศาลอาญาไม่อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหา 3 ราย โดยระบุเหตุว่าได้ฝ่าฝืนเงื่อนไขการประกันตัวในคดีชุมนุมคณะราษฎรอีสาน 13 ต.ค. 2563 ทั้งที่การกำหนดเงื่อนไขดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังเหตุการณ์ในคดีที่ถูกขอฝากขัง

เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2564 ศาลยังยืนยันคำสั่งไม่ให้ประกันตัวดังกล่าวเช่นเดิม แม้ทนายความยื่นประกัน พร้อมยืนยันว่าการนำเงื่อนไขที่กำหนดภายหลังมาบังคับใช้กับการกระทำที่ได้เกิดขึ้นไปก่อน ในทางที่เป็นโทษ ไม่เป็นธรรมต่อผู้ต้องหาทั้งสามอย่างยิ่ง

อ่านข่าวนี้ฉบับเต็มในเว็บไซต์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

ตร.แสดงหมายจับ “ฉัตรมงคล” คดี “ปาไข่-สาดสี” ม.พัน 4 รอ. คืนวันศุกร์ คุมตัวเกิน 48 ชม. รอส่งฟ้องวันจันทร์

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่าได้รับรายงานว่าช่วงดึกวันที่ 1 ต.ค. 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สน.เตาปูน ได้เข้าจับกุม นายฉัตรมงคล วัลลีย์ ตามหมายจับของศาลอาญาลงวันที่ 23 ก.ย. 2564 ในข้อกล่าวหา “ร่วมกันบุกรุก, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์, ร่วมกันฝ่าฝืนข้อกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน, ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่แจ้งการชุมนุม, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันกระทำการใดให้ของโสโครกเปรอะเปื้อนทรัพย์หรือแกล้งทำให้โสโครกเป็นที่เดือดร้อนรำคาญ” จากคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาทำความเห็นทางคดีของอัยการ เหตุจากกิจกรรม “ปาไข่-สาดสี” ที่หน้า ม.พัน 4 รอ. ทวงถามการลงโทษทหารล็อกคอผู้ชุมนุมเมื่อ 28 ก.ย. 2563 โดยมีการนำตัวเขาไปที่ สน.เตาปูน

ด้านทนายความที่ติดตามไปให้ความช่วยเหลือแก่นายฉัตรมงคล ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.เตาปูน ถึงเหตุที่ต้องออกหมายจับ ทางตำรวจระบุว่าเป็นการออกหมายจับ เพื่อนำตัวมาส่งให้อัยการ และอัยการจะส่งฟ้องคดีที่ศาลต่อไป แต่กลับมีการจับกุมในช่วงกลางคืนของวันศุกร์ที่ผ่านมา พ.ต.ท.สมเกียรติ อนันตรัตน์ พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบสำนวนคดี ยังระบุว่าในช่วงเช้าวันที่ 2 ต.ค. 64 เวลาประมาณ 9.00 น. จะทำการสอบถามคำให้การและแจ้งสิทธิของผู้ต้องหาให้ทราบ ทำให้คืนที่ผ่านมาฉัตรมงคลถูกควบคุมตัวไว้ที่ สน.เตาปูน

ปรากฎว่าเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.ต.ท.สมเกียรติ ได้แจ้งกับทนายความว่าได้นำตัวฉัตรมงคล ไปยังศาลอาญาเพื่อส่งตัวให้กับศาลตามหมายจับแล้ว แต่ได้พาตัวกลับมาควบคุมไว้ที่ สน.เตาปูน อีกครั้งก่อน และจะทำการส่งตัวต่อให้อัยการเพื่อส่งฟ้องในวันจันทร์

ด้านทนายความได้โต้แย้งว่าเจ้าหน้าที่ไม่สามารถทำการควบคุมตัวฉัตรมงคลไว้จนถึงวันจันทร์ได้ เนื่องจากการควบคุมตัวจะเกินระยะเวลา 48 ชั่วโมง ตามอำนาจของพนักงานสอบสวน แต่พนักงานสอบสวนระบุว่าสามารถกระทำได้ เนื่องจากศาลอาญาให้นำตัวกลับมาควบคุมไว้ที่ สน.เตาปูน และเป็นกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่ทำให้ควบคุมตัวเกินกว่า 48 ชั่วโมงได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 87 แต่ไม่มีการแสดงหมายขังของศาลหรือเอกสารใดๆ ที่ให้อำนาจควบคุมตัวเกินกว่า 48 ชั่วโมง ตามกฎหมายดังกล่าวไว้ได้เลย

ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 87 ในข้อยกเว้นเรื่องการควบคุมตัว 48 ชั่วโมงของพนักงานสอบสวนนั้นระบุไว้ว่า “เว้นแต่ มีเหตุสุดวิสัยหรือมีเหตุจำเป็นอย่างอื่นอันมิอาจก้าวล่วงเสียได้ โดยให้พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการ ยื่นคำร้องต่อศาล ขอหมายขังผู้ต้องหานั้นไว้ ให้ศาลสอบถามผู้ต้องหาว่าจะมีข้อคัดค้านประการใดหรือไม่ และศาลอาจเรียกพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการมาชี้แจงเหตุจำเป็น หรืออาจเรียกพยานหลักฐาน มาเพื่อประกอบพิจารณาก็ได้” หมายความว่าจะต้องเป็นกรณีที่ศาลได้ออกหมายขังให้ควบคุมตัวผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไว้ได้เกินกว่า 48 ชั่วโมง แต่กรณีนายฉัตรมงคล ไม่ปรากฏว่ามีหมายขังจากศาลแต่อย่างใด มีเพียงการกล่าวอ้างลอยๆ ของพนักงานสอบสวนเท่านั้น

ด้านทนายความได้แจ้งขอประกันตัวในชั้นของพนักงานสอบสวน และจะมารายงานตัวเพื่อส่งฟ้องคดีในเช้าวันจันทร์ต่อไป เพื่อไม่ให้ผู้ต้องหาควบคุมตัวอยู่ที่ สน.เตาปูน แต่ พ.ต.ท.สมเกียรติ ปฏิเสธการให้ประกันตัว ทำให้เขาจะถูกควบคุมตัวจนถึงวันจันทร์ที่ 4 ต.ค. 2564

อ่านข่าวนี้ฉบับเต็มในเว็บไซต์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

อัยการสั่งฟ้องสองคดีปี 63: คดีชุมนุม ‘คณะราษฎรอีสาน’ – คดี ‘สาดสีปาไข่’ ทวงถามทหารล็อกคอผู้ชุมนุม

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่าช่วงปลายเดือน ก.ย. 2564 อัยการได้มีคำสั่งฟ้องคดีชุมนุมทางการเมืองสำคัญสองคดี โดยเป็นคดีที่สืบเนื่องมาจากสถานการณ์ทางการเมืองช่วงปี 2563 ได้แก่ คดีชุมนุมของคณะราษฎรอีสาน เพื่อรอการชุมนุมใหญ่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2563 ซึ่งมีจำเลย 18 ราย และคดีสาดสี-ปาไข่ หน้า ม.พัน 4 พล.1 รอ. เพื่อทวงถามความเป็นธรรมกรณีทหารล็อกคอผู้ชุมนุมรายหนึ่งที่ถ่ายรูปป้ายหน้ากองพัน เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2563

อ่านข่าวนี้ฉบับเต็มในเว็บไซต์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net