ศาลแขวงดุสิตพิพากษาปรับ “สมณะดาวดิน” 500 บาท ร่วมสวดมนต์-เสวนาในหมู่บ้านทะลุฟ้าข้างทำเนียบเมื่อปี 64 ข้อหากีดขวางจราจร แต่ยกฟ้องข้อหาร่วมจัดชุมนุมฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฝ่าฝืนพ.ร.บ.ความสะอาดและใช้เครื่องขยายเสียง เหตุไม่ได้ร่วมจัดและเข้าร่วมโดยป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19

31 พ.ค.2565 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า ศาลแขวงดุสิต มีนัดฟังคำพิพากษาคดีของ “สมณะดาวดิน” ดาวดิน ชาวหินฟ้า อดีตสมณะชาวสันติอโศก จากการเข้าร่วมกิจกรรมของหมู่บ้านทะลุฟ้าในช่วงวันที่ 24-25 มี.ค.2564 อัยการฟ้อง 4 ข้อหาคือร่วมกันจัดกิจกรรมฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ วางสิ่งกีดขวางจราจร ฝ่าฝืนพ.ร.บ.จราจรและพ.ร.บ.รักษาความสะอาด และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต

คดีนี้อัยการฟ้องว่าสมณะดาวดินเข้าไปร่วมจัดกิจกรรมหมู่บ้านทะลุฟ้าบนถนนพระราม 5 ระหว่างวันที่ ช่วงวันที่ 24-25 มี.ค.2564 มีการตั้งเวทีตั้งเครื่องเสียงบนช่องทางเดินรถข้างทำเนียบรัฐบาลซึ่งเป็นการกีดขวางจราจรและทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค และยังทำการโฆษณาโดยการสวดมนต์โดยใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต

ศูนย์ทนายฯ ระบุว่าศาลมีคำพิพากษาลงโทษปรับ 500 บาทในข้อหากีดขวางจราจร ตามพ.ร.บ.จราจรฯ เพียงข้อหาเดียว ส่วนข้อหาอื่นศาลยกฟ้อง โดยศาลให้เหตุผลว่าสมณะดาวดินไม่ได้เป็นผู้จัดการชุมนุมสถานที่เกิดเหตุเปิดโล่งและจำเลยยังสวมหน้ากากตลอดเว้นระยะจากคนอื่น เพียงนั่งสวดมนต์บนถนนเท่านั้นไม่ได้มีการยุยงปลุกปั่น อีกทั้งโจทก์ก็พิสูจน์ไม่ได้ว่าจำเลยได้จัดหาเครื่องขยายเสียงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย แต่จำเลยก็ร่วมกิจกรรมเสวนาและสวดมนต์บนถนนสาธารณะจริงจึงเป็นการกีดขวางการจราจร

แต่นอกจากคดีนี้แล้วสมณะดาวดินยังถูกดำเนินคดีข้อหาแต่งกายเลียนแบบพระอีก 3 คดี ในศาลแขวงดุสิต ศาลแขวงพระนครเหนือแต่คดีแต่งกายเลียนแบบพระยังไม่มีคำพิพากษา เนื่องจากมี 1 คดีที่ทางสมณะดาวดินได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าประมวลกฎหมายอาญา มาตรา208 “แต่งกายหรือใช้เครื่องหมายที่แสดงว่าเป็นพระภิกษุฯ โดยมิชอบ” นั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ แต่ศาลชั้นต้นยกคำร้องไม่ให้ส่งเรื่องดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่ทางจำเลยยื่นอุทธรณ์ถึงศาลอุทธรณ์ทำให้ระหว่างนี้ยังต้องรอผลคำสั่งของศาลอุทธรณ์ว่าจะให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่