เฟซบุ๊กส่งข้อมูลสองแม่ลูกพูดเรื่องทำแท้ง ให้ตำรวจเนแบรสกาใช้ตั้งข้อหา

ตำรวจรัฐเนแบรสกาส่งหมายเรียกข้อมูลแชทของสองแม่ลูกที่คุยคุยกันเรื่องทำแท้งในแมสเซนเจอร์ และเมื่อเฟซบุ๊กส่งข้อมูลให้ตำรวจ พวกตำรวจก็อ้างใช้ข้อมูลนี้มาเป็นหลักฐานเพื่อตั้งข้อหาเอาผิดสองแม่ลูกนี้ในเรื่องการทำแท้ง ทำให้เกิดข้อกังขาเรื่องสิทธิความเป็นส่วนตัว อีกทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญประเมินว่าจะเกิดกรณีแบบนี้เพิ่มขึ้นในขณะที่สิทธิทางเลือกในการทำแท้งของสหรัฐฯ เพิ่งจะถูกทำลายทิ้งไปโดยศาลสูงสุดที่เป็นฝ่ายขวาจัดสมัยโดนัลด์ ทรัมป์ 

 

11 ส.ค. 2565 เฟซบุ๊กส่งข้อมูลแชทระหว่างแม่และลูกที่คุยปรึกษากันเรื่องการทำแท้งให้กับตำรวจรัฐเนแบรสกาหลังจากที่มีการออกหมายเรียกขอข้อมูลจากเฟซบุ๊กเพื่อใช้ในการสืบสวนเรื่องการทำแท้งในแบบที่ถือว่าผิดกฎหมายในเนแบรสกา

การสืบสวนดังกล่าวนี้เริ่มต้นตั้งแต่เดือน เม.ย.2565 ก่อนหน้าที่ศาลสูงสุดของสหรัฐฯ จะคว่ำคำตัดสินคดี Roe v. Wade ในเดือนมิ.ย. ซึ่งนับเป็นการยกเลิกการการันตีสิทธิทางเลือกในการทำแท้ง ศาลสูงสุดของสหรัฐฯ ที่ตัดสินเรื่องนี้นี้ส่วนใหญ่ประกอบด้วยกลุ่มอำนาจเก่าฝ่ายขวาจัดที่แต่งตั้งโดยอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์

สื่อเอ็นบีซีระบุว่าที่เฟซบุ๊กให้ข้อมูลกับตำรวจในเรื่องคดีทำแท้งเช่นนี้ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นน้อยครั้งมาก แต่มันก็กลายเป็นคดีตัวอย่างที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิทางเลือกในการทำแท้งมองว่าอาจจะเกิดมากขึ้นจนกลายเป็นเรื่องปกติในอนาคตได้ หลังจากที่การทำแท้งกลายเป็นเรื่องผิดกฎหมายในหลายรัฐของสหรัฐฯ

สำหรับกรณีในเนแบรสกานี้ อัยการจากเมดิสันเคาน์ตีกล่าวหาว่า เจสสิกา เบอร์เกส ผู้เป็นแม่อายุ 41 ปี ให้ยาช่วยทำแท้งแก่ลูกสาวของเธอ เซเลสเต ที่ขณะเกิดเหตุอายุได้ 17 ปี และเจสสิกายังช่วยกลบฝังตัวอ่อนหลังการทำแท้ง แม่ลูกสองคนนี้ถูกตั้งข้อหาเมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามพวกเธอปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยสืบสวนของนอร์ฟอล์กจึงเริ่มสืบสวนโดยอาศัยคำบอกเล่าจากคนที่อ้างตัวว่าเป็นเพื่อนของเซเลสเตซึ่งเล่าว่าเธอเห็นเซเลสเตใช้ยาช่วยทำแท้งครั้งแรกในเดือน เม.ย.

ก่อนหน้าที่จะมีการคว่ำ Roe v. Wade กฎหมายเกี่ยวกับการทำแท้งที่มีอยู่เดิมในเนแบรสการะบุว่าการทำแท้งจะถือว่าผิดกฎหมายถ้าหากไข่ได้รับการปฏิสนธิแล้วมีอายุตั้งแต่ 20 สัปดาห์ขึ้นไป ในเอกสารคำให้การของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เบน แมคไบรด์ ที่ทำคดีนี้ระบุว่าเบอร์เกสแท้งในช่วงที่เธอมีอายุครรภ์ราว 23 สัปดาห์หลังจากที่กินยาช่วยทำแท้ง

เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ชื่อ แมคไบรด์ ได้ยื่นขอหมายค้นเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา เพื่อที่จะสอดแนมกิจกรรมทางดิจิทัลของสองแม่ลูก โดยมีการยึดสมาร์ทโฟน 6 เครื่อง และแล็บท็อป 7 เครื่อง รวมถึงยื่นเรื่องขอข้อมูลจากเฟซบุ๊กให้ส่งข้อมูลการพูดคุยแชทระหว่างสองคนนี้

เฟซบุ๊กทำการเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานส่วนใหญ่ในรูปแบบข้อความตัวอักษรธรรมดาเอาไว้ในเซิร์ฟเวอร์ของตัวเอง นั่นหมายความว่าทางบริษัทจะสามารถเข้าถึงข้อมูลนี้ได้ถ้ามีหมายค้นขอดูข้อมูล ซึ่งทางเฟซบุ๊กมักจะทำตามคำขอของเจ้าหน้าที่บังคับกฎหมายอยู่เสมอ

บริษัท เมตา ซึ่งเป็นเจ้าของเฟซบุ๊กแถลงเกี่ยวกับคดีนี้เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 8 ส.ค. ที่ผ่านมาว่า ตัวหมายค้นของตำรวจในท้องถิ่นไม่มีส่วนใดเลยที่ระบุว่าเป็นคดีเกี่ยวกับการทำแท้ง หมายค้นขอข้อมูลของตำรวจหน่วยสืบสวนและเอกสารของศาลระบุเพียงว่าเป็นคดีสืบสวนเกี่ยวกับ "เด็กทารกที่เสียชีวิตแต่กำเนิด" ถูกเผาและถูกฝัง ทั้งที่จริงๆ แล้วตัวอ่อนในครรภ์อาจจะยังไม่สามารถนับได้ว่าเป็นทารกในการตีความทางกฎหมายของหลายพื้นที่ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจในเนแบรสกาก็อ้างเอาเองไปก่อนแล้วว่าเป็น "ทารก"

สำหรับตัวโปรแกรมเฟซบุ๊กแมสเซนเจอร์จะอาศัยการเข้ารหัสข้อมูลจากทั้งสองฝั่ง ทำให้ไม่สามารถดักข้อมูลตัวอักษรการพูดคุยระหว่างทางได้ ผู้ที่จะเห็นตัวอักษรพูดคุยกันมีแต่ผู้ใช้งานที่คุยกันเท่านั้น ตัวเฟซบุ๊กหรือเจ้าหน้าที่รัฐบาลที่เรียกขอข้อมูลจะไม่สามารถอ่านมันได้ แต่ทว่าทางเลือกการเข้ารหัสข้อมูลเช่นนี้ใช้ได้เฉพาะในแอปพลิเคชันแมสเซนเจอร์บนโทรศัพท์มือถือเท่านั้น และตัวข้อความจะมีการเข้ารหัสก็ต่อเมื่อผู้ใช้งานเข้าไปปรับตัวเลือกให้แชทเป็น "ความลับ" เท่านั้น

แมคไบรต์อ้างว่าเขาขอหมายค้นสองคนนี้เพราะจากการฝึกอบรม ประสบการณ์ และจากการปรึกษากับพนักงานสืบสวนที่ช่ำชองทำให้เขาพบว่าคนที่ "ก่ออาชญากรรม" มักจะมีบทสนทนาเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ไว้ในโซเชียลเน็ตเวิร์กของพวกเขา

อัยการตั้งข้อกล่าวหาต่อ เจสสิกา เบอร์เกส ว่ามีความผิดทางอาญาอุกฉกรรจ์ 3 ข้อหา และความผิดทางอาญาลหุโทษ 2 ข้อหา และตั้งข้อกล่าวหาต่อเซเลสเต เบอร์เกส ว่ามีความผิดทางอาญาอุกฉกรรจ์ 1 ข้อหา และความผิดทางอาญาลหุโทษ 2 ข้อหา ทุกข้อหาเกี่ยวข้องกับการทำแท้งและการซ่อนร่างของตัวอ่อน รวมถึงข้อหาเรื่องการให้ข้อมูลเท็จ

เอลิซาเบธ แนช นักวิเคราะห์ด้านนโยบายรัฐจากสถาบันกุตต์มาเคอร์ ซึ่งเป็นสถาบันที่ส่งเสริมนโยบายสิทธิอนามัยเจริญพันธุ์ กล่าวว่า การตัดสินใจคว่ำ Roe v. Wade ของศาลสูงสุดสหรัฐฯ ไม่น่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรต่อการดำเนินคดีในเรื่องนี้ในรัฐเนแบรสกาเพราะไม่มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายแต่อย่างใด ทว่าการล้มคำตัดสิน Roe v. Wade ก็อาจจะทำให้มีกรณีการดำเนินคดีแบบเดียวกับคดีสองแม่ลูกคู่นี้มากขึ้นเรื่อยๆ แนชกล่าวอีกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตัดสินใจไม่ตั้งข้อหาพวกเขาก็ได้ แต่ในกรณีเบอร์เกสนี้ดูเหมือนว่าตำรวจได้เอากฎหมายทั้งหมดทั้งมวลมาทุ่มใส่สองแม่ลูกเพื่อตั้งข้อหากับพวกเธอ

เจค ลาเปร์รูค รองผู้อำนวยการด้านประเด็นการสอดแนมของศูนย์ประชาธิปไตยและเทคโนโลยี ซึ่งเป็นกลุ่มคลังสมองที่ส่งเสริมสิทธิทางดิจิทัล กล่าวว่า ข้อมูลการแชทที่เก็บเอาไว้ในรูปแบบตัวอักษรธรรมดานั้นอาจจะกลายมาเป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่อัยการขอตรวจค้นเพื่อสืบเรื่องการทำแท้งมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการคว่ำสิทธิทางเลือกในการทำแท้งทำให้หลายรัฐเริ่มมีการพยายามดำเนินคดีในเรื่องนี้มากขึ้น ลาเปร์รูคบอกว่าถ้าหากบริษัทไอทีไม่อยากตกเป็นเป้าหมายของการถูกขอข้อมูลเช่นนี้พวกเขาควรจะพิจารณาวิธีการเก็บรวบรวม การเก็บรักษา และการเข้ารหัสข้อมูลในรูปแบบใหม่

 

เรียบเรียงจาก

Facebook turned over chat messages between mother and daughter now charged over abortion, NBC News, 10-08-2022
https://www.nbcnews.com/tech/tech-news/facebook-turned-chat-messages-mother-daughter-now-charged-abortion-rcna42185

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท