‘ก้าวไกล’ เสนอแจ้งเหตุภัยพิบัติผ่านมือถือ ปชช.โดยตรง - ห่วงน้ำท่วมปนเปื้อนสารพิษโรงงานลักลอบทิ้งกาก

  • ‘ก้าวไกล’ เสนอไปให้ไกลกว่าทรานซิสเตอร์ด้วย Cell Broadcasting แจ้งเหตุภัยพิบัติผ่านมือถือประชาชนโดยตรง 
  • ส.ส.สัดส่วนสิ่งแวดล้อม ห่วง น้ำท่วมปนเปื้อนสารพิษโรงงานลักลอบทิ้งกาก อัด ‘สุริยะ’ หนีตอบสภาถี่คือไม่เคยเห็นหัวประชาชน

5 ต.ค.2565 ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานต่อสื่อมวลชนว่า วันนี้ (5 ต.ค.) ต่อกรณีที่นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายให้ใช้ ในการแจ้งเตือนประชาชนถึงภัยพิบัติอุทกภัย ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.พรรคก้าวไกล ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นและเสนอแนะกับรัฐบาลว่าวิทยุทรานซิสเตอร์อาจใช้ได้ในบางกรณี แต่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่าคือ Cell Broadcasting ใช้ในส่งข้อความการแจ้งเตือนภัยพิบัติถึงโทรศัพท์มือถือประชาชนโดยตรง

ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่าวิทยุทรานซิสเตอร์ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่คิดค้นเมื่อ 70 ปีที่แล้ว ยังเป็นหนึ่งในเครื่องมือสื่อสารที่จำเป็นยามภัยพิบัติรุนแรง ซึ่งในต่างประเทศมักใช้ในกรณีที่เสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือใช้การไม่ได้ เช่น แผ่นดินไหว พายุถล่มรุนแรง สงครามกลางเมือง หรือน้ำท่วมระดับภัยพิบัติ แต่สถานการณ์ภัยบิบัติของประเทศไทยในปัจจุบันเป็นภัยพิบัติที่รุนแรงถึงขั้นนั้นหรือไม่ สำหรับประเทศไทยในปีนี้ ยังไม่มีรายงานจาก กสทช. หรือกระทรวง DE ถึงพื้นที่ที่น้ำท่วมรุนแรงมากจนถึงขนาดสัญญาณโทรศัทพ์ถูกตัดขาด

“ถ้าเราเคยดูภาพยนตร์ต่างประเทศ ที่เมื่อมีเหตุแผ่นดินไหวแล้ว โทรศัพท์ของทุกคนดังขึ้นมาพร้อมกัน นั่นคือการเตือนภัยพิบัติ ซึ่งสิ่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่จินตนาการ แต่เป็นสิ่งที่ในหลายๆประเทศทั่วโลกนำมาใช้ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ แคนาดา ฝรั่งเศส ฯลฯ ด้วยเทคโนโลยีการส่งข้อมูลที่เรียกว่า Cell Broadcasting”

ปกรณ์วุฒิกล่าวต่อว่า Cell Broadcasting คือระบบส่งข้อมูลโดยตรงจากเสาสัญญาณไปสู่โทรศัพท์มือถือทุกเครื่องในพื้นที่ให้บริการพร้อมกันในรวดเดียว ซึ่งจะมีข้อดีคือ
- หน่วยงานรัฐสามารถส่งข้อมูลตรงได้เลยถึงโทรศัพท์มือถือของประชาชนโดยไม่ต้องผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ (บริษัท AIS, Dtac, True) แบบที่ กสทช. ทำ
- ส่งข้อความจากเสาสัญญาณไปถึงโทรศัพท์ทุกเครื่องในรวดเดียวโดยไม่ต้องระบุเบอร์มือถือ ทำให้สะดวก รวดเร็ว และเจาะจงพื้นที่ได้ (ความเร็วระดับส่งได้หลายสิบล้านเครื่องในเวลาไม่ถึง 10 วินาที)
- ไม่กระทบกับการสื่อสารปกติเพราะใช้คนละช่องสัญญาณกับโทรศัพท์มือถือและอินเตอร์เน็ต 
- ประชาชนไม่ต้องดาวน์โหลดแอพลิเคชั่นเพิ่มเติม 
- รองรับการให้บริการครบทั้งคลื่นความถี่ 2G, 3G, 4G, 5G สามารถรับประกันได้ว่าข้อความสามารถไปถึงทุกคนไม่ว่าโทรศัพท์จะรุ่นเก่าหรือใหม่อย่างไร

ปกรณ์วฒิกล่าวต่อว่าเทคโนโลยี Cell Broadcasting นี้สามารถแจ้งเตือนได้ทั้งทั้งสภาพอากาศ ระดับน้ำ และกรณีเกิดภัยพิบัติเพื่อให้ประชาชนรับมือและข้อแนะนำในการช่วยเหลือเยียวยาจากทางภาครัฐ ซึ่งปัจจุบันหลายหน่วยงานมีการเก็บและรายงานข้อมูลเหล่านี้อยู่แล้วแต่ยังไม่มีการนำมาสื่อสารถึงประชาชนอย่างเป็นระบบ

“นี่ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ล้ำสมัยอะไร เพราะที่มีมานานแล้ว และสามารถนำมาใช้ได้แล้ว แต่ 8 ปีที่ผ่านมาที่ พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ผ่านภัยพิบัติมาครั้งแล้วครั้งเล่า กลับไม่เคยมีการผลักดันมีระบบ Cell Broadcast มาใช้เพื่อเตือนภัยพิบัติให้กับประชาชนเลย หากเพียงแค่ให้ กสทช. หารือกับผู้ให้บริการทุกรายให้หาหน่วยงานเจ้าภาพในการประสานระหว่างผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือกับทุกหน่วยงานทั่วประเทศหากเกิดภัยพิบัติ ประชาชนก็จะสามารถอพยพได้อย่างทันท่วงที ป้องกันการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้” ปกรณ์วุฒิกล่าวทิ้งท้าย

ห่วงน้ำท่วมปนเปื้อนสารพิษโรงงานลักลอบทิ้งกาก อัด ‘สุริยะ’ หนีตอบสภาถี่คือไม่เคยเห็นหัวประชาชน

ขณะที่ ส.ส.พรรคก้าวไกลอีกคน นิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ สัดส่วนสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ สิ่งที่น่ากังวลคือสารพิษและขยะพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมที่ลักลอบทิ้งจะปนเปื้อนมากับน้ำท่วมด้วย ซึ่งสามารถสร้างอันตรายสะสมและส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนได้ 

ทั้งนี้ การลักลอบทิ้งกากดังกล่าวเกิดขึ้นมานานและหลายครั้งในหลายพื้นที่อุตสาหกรรม แต่หน่วยงานรับผิดชอบกลับทำตัวลอยเหนือปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ไม่ยอมมาตอบกระทู้สดของตนก่อนปิดสมัยประชุมสภาที่ผ่านมา รวมถึงในวันนี้ที่ คณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรียกมาชี้แจง ก็ไม่ยอมมาด้วยตนเอง โดยมอบหมายให้ผู้อำนวยการกองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม มาชี้แจงแทน ทั้งที่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และสำคัญ ต้องการความชัดเจนจากมาตรการเชิงนโยบายที่บุคคลระดับรัฐมนตรีจะต้องมีคำตอบให้กับประชาชน ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าหน้าที่จะตอบแทนได้ การที่ นายสุริยะ ในฐานะรัฐมนตรีหนีสภาครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นนี้ จึงสะท้อนพฤติกรรมไม่ให้เกียรติสภา คณะกรรมาธิการฯ และไม่เห็นหัวประชาชนที่ได้รับผลกระทบเลย  

“ปัญหานี้ใหญ่มาก เพราะทำให้มีโรงงานขยะรวมถึงโรงงานที่สามารถสร้างมลพิษเกิดขึ้นมากมายและง่ายมากจากนโยบายของรัฐบาลนี้ที่สืบเนื่องมาตั้งแต่สมัย คสช. ทั้งยังมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมดูแลอีกหลายด้านจนเกิดความหย่อนยาน เมื่อเกิดปัญหาหน่วยงานตรวจสอบก็ได้แต่บอกว่าไม่สามารถหาตัวผู้กระทำความผิดได้ ปัญหานี้จึงจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วน เพราะจะส่งผลกระทบสืบเนื่องไปถึงในอนาคต ผมไม่อยากเห็นไทยเป็นอีกหนึ่งบทเรียนจากการพัฒนาอุตสาหกรรมแบบไม่สนใจผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพเหมือนกรณีโรคมินามาตะ ที่เคยเกิดขึ้นกับญี่ปุ่น เป็นบทเรียนของโลกและเป็นหายนะครั้งใหญ่จนไม่อาจประเมิณค่าความเสียหายได้ ต้องบำบัดรักษาผู้ป่วย และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมกันเป็นสิบปี แต่ในน้ำมือของรัฐบาลนี้ ภายใต้การบริหารแบบนี้ ผมต้องยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยหากจะเกิดเหตุการณ์ที่คล้ายกันขึ้นอีกครั้งในประเทศไทย

“ก่อนปิดสมัยประชุมสภา ผมจึงตั้งกระทู้ถามสดต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ต่อกรณีการลักลอบทิ้งกากขยะพิษ ในพื้นที่ชุมชนรอบเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) หลายแห่ง เช่น อำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่พบว่า ตั้งแต่ปี 60-64 มีการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมมากถึง 280 ครั้ง เมื่อไปตรวจสอบกลับบอกว่าไม่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดได้ หรือถึงหาคนทำผิดได้โทษก็ต่ำมากจนแทบเรียกไม่ได้ว่าเป็นมาตรการเพื่อให้หยุดกระทำ กรณีแบบเดียวกันยังเกิดขึ้นที่ สมุทรสาคร สมุทรปราการ อยุธยา ปทุมธานี ราชบุรี  ซึ่งมีโรงงานจำนวนมากและมีชุมชนกระจุกตัวโดยรอบ ที่ขณะนี้หลายพื้นที่กำลังเจอกับน้ำท่วม ซึ่งพวกเขาทราบดีว่าสิ่งที่ลอยมากับน้ำและท่วมบ้านเขาก็คือกากของเสียโรงงานมาท่วมบ้านเขา เขาจึงต้องการคำตอบคือว่า สารพิษที่ลอยมาท่านจะจัดการอย่างไร และจะรับผิดชอบต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้วอย่างไรให้เขาบ้าง ท่านจึงสมควรเป็นผู้มาตอบด้วยตนเอง”

นิติพล ทิ้งท้ายว่า นายสุริยะเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เกือบ 4 ปีแล้ว แต่ไม่ทำไมจึงไม่สามารถมาตอบคำถามของประชาชนได้ หรือมัวแต่นั่งห้องแอร์ เอาใจเจ้าสัวนายทุน เห็นค่าเงินมากกว่าชีวิตของชาวบ้าน การมีรัฐมนตรีอุตสาหกรรมที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว เพิกเฉยต่อชีวิตประชาชนเช่นนี้ จึงต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่งต่อปัจจุบันและอนาคต

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท