กสม. ชี้ ปลัด มท.ใช้คำพูดดูหมิ่น จนท.กลางวงประชุม เป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

กสม.แถลงข่าวประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 1/2566 เผยกรณีปลัด มท. ใช้คำพูดตำหนิ ดูหมิ่น จนท.ในที่ประชุม ถือเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ชงผู้บังคับบัญชาเร่งสอบ พร้อมเผยสถิติเรื่องร้องเรียน ปี’65 สิทธิและสถานะของบุคคลถูกร้องเรียนมากที่สุด ตามมาด้วยสิทธิในกระบวนการยุติธรรม 

 

5 ม.ค. 2566 ทีมสื่อ กสม.รายงานต่อสื่อวันนี้ (5 ม.ค.) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โดย วสันต์ ภัยหลีกลี้ และสุภัทรา นาคะผิว กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แถลงข่าวประจำสัปดาห์ครั้งที่ 1/2566 โดยหนึ่งในประเด็นที่ถูกหยิบขึ้นมาตรวจสอบคือ กรณีมีคลิปวิดีโอสั้นเผยแพร่บนโลกออนไลน์  ปลัดกระทรวงมหาดไทย ตำหนิต่อว่าและใช้คำพูดเชิงดูถูกเจ้าหน้าที่ในที่ประชุม 

ชี้กรณีปลัด มท.ตำหนิ จนท.ในที่ประชุม ถือเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

สุภัทรา กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปเสียงการตำหนิผู้ใต้บังคับบัญชาของปลัดกระทรวงมหาดไทยในการประชุม จนท.กระทรวงฯ ซึ่งปรากฏกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมกันอย่างกว้างขวางว่า กสม.ติดตามเรื่องดังกล่าวและเห็นว่ากรณีนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และเกียรติยศชื่อเสียง ด้วยมีการใช้ถ้อยคำในลักษณะดูหมิ่น เหยียดหยามและลดทอนคุณค่าของบุคคลอันไม่สอดคล้องตามรัฐธรรมนูญ 2560 ม. 4 ที่บัญญัติว่า ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง รวมทั้งหลักสิทธิมนุษยชนสากลที่ระบุว่าการเลือกปฏิบัติไม่ว่าจะด้วยเหตุแห่งสถานะทางสังคมหรือเหตุอื่นใดย่อมกระทำไม่ได้ นอกจากนี้ หากพิจารณาตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ข้าราชการต้องมีความประพฤติสุภาพเรียบร้อย และต้องรักษาเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนมิให้เสื่อมเสียด้วย

 

 

กสม.ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เมื่อ 3 ม.ค. 2566 ได้หารือถึงเรื่องดังกล่าวและมีความเห็นในเบื้องต้นว่า กรณีนี้เข้าข่ายการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลอื่น สะท้อนวัฒนธรรมอำนาจนิยม และการขาดความตระหนักด้านสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะการสื่อสารที่เป็นการลดทอนคุณค่าและสร้างผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจหรือเกียรติยศของผู้อื่น ซึ่งเป็นเรื่องที่สังคมทุกภาคส่วนโดยเฉพาะสถาบันการศึกษาต้องช่วยกันบ่มเพาะ ปลูกฝังและสร้างวัฒนธรรมการเคารพสิทธิมนุษยชนซึ่งกันและกัน

“กสม.เห็นว่า เรื่องนี้ผู้บังคับบัญชาของปลัดกระทรวงมหาดไทยควรจะเร่งตรวจสอบและดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจอย่างเคร่งครัดเพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ดีในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตามหลักสิทธิมนุษยชนต่อไป” สุภัทรา กล่าว

เปิดเผยสถิติเรื่องร้องเรียน ปี’65 สิทธิและสถานะของบุคคลถูกร้องเรียนมากที่สุด

วสันต์ เปิดเผยสถิติเรื่องร้องเรียนการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตั้งแต่ ม.ค.-ธ.ค. 2565 โดยระบุว่ามีเรื่องร้องเรียนในปีที่ผ่านมาจำนวน 1,152 เรื่อง ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยประเด็นที่มีการร้องเรียนมายัง กสม.มากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่

อันดับที่ 1 สิทธิและสถานะของบุคคล คิดเป็นร้อยละ 36.72 เช่น กรณีขอความช่วยเหลือผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียนหรือสัญชาติ กรณีผู้ถือบัตรประจำตัวบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียนมีความประสงค์ขอให้เร่งรัดการดำเนินการให้ได้รับบัตรประชาชนสัญชาติไทย กรณีขอความช่วยเหลือในการยื่นคำขอจัดทำทะเบียนประวัติบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน หน่วยงานที่ถูกร้องว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชน ได้แก่ สำนักทะเบียนกลาง และสำนักทะเบียนจังหวัด สังกัดกระทรวงมหาดไทยโดยพื้นที่ที่มีการร้องเรียนมากที่สุดคือภาคตะวันออก

อันดับที่ 2 สิทธิในกระบวนการยุติธรรม คิดเป็นร้อยละ 13.72 กรณีที่ถูกร้องเรียนมากที่สุดคือ กรณีขอให้เร่งรัดการดำเนินคดีของพนักงานสอบสวน หน่วยงานที่ถูกร้องเรียนว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน คือสถานีตำรวจภูธรและสถานีตำรวจนครบาลรวม 67 แห่งในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพื้นที่ที่มีการร้องเรียนมากที่สุดคือพื้นที่ภาคใต้

อันดับที่ 3 สิทธิชุมชน คิดเป็นร้อยละ 5.03 กรณีที่มีการร้องเรียนมากที่สุดคือการจัดทำโครงการขนาดใหญ่ของรัฐและเอกชนที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตของคนในชุมชน หรือขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน หน่วยงานถูกร้องว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน ได้แก่ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยพื้นที่ที่มีการร้องเรียนมากที่สุดคือพื้นที่ภาคใต้

ส่วนประเด็นสิทธิอื่นๆ ที่มีการร้องเรียนมายัง กสม. เช่น สิทธิของบุคคลในทรัพย์สิน สิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย สิทธิและความเสมอภาคทางเพศ การเลือกปฏิบัติไม่เป็นธรรม สิทธิแรงงาน สิทธิเด็ก สิทธิคนพิการ สิทธิของผู้สูงอายุ และสิทธิทางการศึกษา เป็นต้น

สำหรับการประสานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนกับหน่วยงานของรัฐหรือองค์กรเอกชน รวมทั้งการประสานกับบุคคลอื่นใดในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน นั้น มีเรื่องร้องเรียนที่ กสม. รับไว้เป็นคำร้องเพื่อดำเนินการประสานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ในปี 2565 จำนวน 124 คำร้อง ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว จำนวน 96 คำร้อง อยู่ระหว่างรอการพิจารณาของ กสม. จำนวน 6 คำร้อง และอยู่ระหว่างการติดตามผลการประสานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน จำนวน 22 คำร้อง โดย กสม. มีนโยบายคุ้มครองสิทธิมนุษยชนโดยเร็ว ซึ่งการประสานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนช่วยร่นระยะเวลาให้สั้นลง หลายคำร้องใช้ระยะเวลาไม่นานในการดำเนินการจนแล้วเสร็จ เช่น คำร้องเรื่อง สิทธิและสถานะของบุคคล กรณีการอำนวยความสะดวกติดตาม ประสาน เร่งรัดกระบวนการพิจารณาสัญชาติที่สามารถดำเนินการเเล้วเสร็จภายในระยะเวลา 1 เดือน

ส่วนการจัดทำรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนในปี 2565 มีจำนวน 181 เรื่อง โดยประเด็นสิทธิที่ กสม. มีมติว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน 3 อันดับแรก ได้แก่ 1. สิทธิในกระบวนการยุติธรรม เช่น กรณีการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อมวลชน โดยละเมิดสิทธิของผู้ต้องหา ผู้เสียหาย และผู้เกี่ยวข้องในการเสนอข่าวต่อสาธารณะ กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่คืนทรัพย์สินที่ยึดไว้เป็นของกลางในคดีอาญา และกรณีพนักงานสอบสวนดำเนินคดีล่าช้า 2. สิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย เช่น กรณีผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บสาหัสในการสลายการชุมนุม กรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐทำร้ายร่างกายขณะจับกุมและควบคุมตัว และกรณีการตรวจสารพันธุกรรม (DNA) หรือการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดแบบเหมารวมโดยไม่ได้รับความยินยอม และ 3. สิทธิของบุคคลในทรัพย์สิน เช่น กรณีแนวเขตของอุทยานแห่งชาติทับซ้อนที่ดินทำกินของราษฎร และกรณีปัญหาการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและการจัดระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตให้แก่คนจนเมืองในชุมชนแออัด

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท