Skip to main content
sharethis

ผู้เดือดร้อนจากนโยบายทวงคืนผืนป่าคำป่าหลาย จ.มุกดาหาร เฮ รองอธิบดีกรมป่าไม้ยืนยันผู้เดือดร้อนสามารถเข้าทำกินในพื้นที่เดิมได้ หลังสูญเสียโอกาสเข้าทำกินในพื้นที่ของตนเองกว่า 6 ปี

กลุ่มผู้เดือดร้อนจากนโยบายทวงคืนผืนป่า จ.มุกดาหาร แจ้งข่าวต่อสื่อมวลชนว่าเมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2566 ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร กลุ่มราษฎรผู้เดือดร้อนจากนโยบายทวงคืนผืนป่า ตำบลคำป่าหลาย อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร กว่า 50 คน เข้าร่วมประชุมเสวนา เรื่อง “การกำหนดแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนภายใต้ผืนป่า กรณี ตำบลคำป่าหลาย อำเภอเมืองมุกดาหาร” โดยมีคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความยากจนและลดความเหลือมล้ำ วุฒิสภา เป็นประธาน พร้อมกับ รองอธิบดีกรมป่าไม้ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดมุกดาหาร และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง

นายชีวภาพ ชีวะธรรม รองอธิบดีกรมป่าไม้ ได้กล่าวว่า ปัญหาเรื่องของพื้นที่คำป่าหลายที่ประชาชนถูกดำเนินการตรวจยึดพื้นที่ตามโยบายทวงคืนผืนป่าและดำเนินคดี ต้องยอมรับว่ามีการคลาดเคลื่อน ในส่วนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกรมป่าไม้ มีหลักเกณฑ์ในการแก้ไขปัญหา 3 แนวทาง คือ (1) พิจารณาตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องมีแก้ไขปัญหา ประกอบด้วย มติ ครม. ปี 41 และ คำสั่ง คชส. ที่ 66/2557  และ มติ ครม. จัดสรรที่ดินทำกินในรูปแบบ คทช. (2) หลังทำการตรวจสอบ พบว่า แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม 67 แปลง คือ กลุ่มที่ 1 มีคุณสมบัติตามมติ ครม.41 กลุ่มที่ 2 มีคุณสมบัติตามคำสั่งที่ 66/2557 กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มที่อยู่อาศัยหลังปี 57 โดยกลุ่มที่ 1 และ 2 ต้องได้รับการผ่อนปรนให้อยู่อาศัยในเขตป่าและจะได้รับการจัดสรรที่ดินในรูปแบบ คทช. และ กลุ่มที่ 3 ที่อยู่หลัง ปี 57 ไม่มีระเบียบกฎหมายมารองรับต้องถูกดำเนินคดี และ (3) เมื่อเกิดเหตุการณ์ในการตรวจยึดและประชาชนได้รับความเดือดร้อน จะแก้ไขปัญหาโดยนำเหตุผลข้อที่ (1) และ (2) มาพิจารณา ในส่วนเรื่องของความเดือดร้อนของประชาชนเรื่องพื้นที่ที่ไม่สามารถกลับไปทำกินได้ ขอยืนยันว่าพี่น้องประชาชน 67 แปลง ที่ได้รับการคัดกรองและมีคุณสมบัติสามารถกลับไปทำกินในที่ดินเดิมได้ กรณีปัญหาปลูกป่าทับที่ทำกิน ถ้าพิสูจน์ได้ว่าทับที่ทำกินพี่น้องจริงโครงการนี้จะต้องถูกยกเลิก และในส่วนเรื่องของคดีความได้งดการสอบสวน ซึ่งหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ มห.1 (คำป่าหลาย) ร่วมกับศูนย์ป่าไม้จังหวัดมุกดาหารต้องทำการสำรวจคัดกรองว่าอยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะจัดที่ดินทำกินหรือไม่ ถ้าอยู่ในเกณฑ์ก็ทำการจัดสรรที่ดินและทำหนังสือไปแจ้งพนักงานสอบสวนนำพื้นที่ที่ถูกดำเนินการแจ้งคดีความมาจัดสรรที่ดินทำกินตามนโยบายรัฐบาล

ด้านตัวแทนขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม P-move กล่าวว่า พื้นที่คำป่าหลายถูกแจ้งความดำเนินคดีผิด พรบ.ป่าไม้ และ พรบ.ป่าสงวน มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและตัดต้นยางพาราเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เหตุที่ทำให้ประชาชนตกเป็นผู้ถูกกล่าวหามีมูลเหตุดังนี้ โดยเฉพาะคำสั่งที่ 66/2557 ใช้ข้อ 6 ชี้ว่าราษฎรทั้งหมดทั้ง 3 หมู่บ้านเป็นนายทุนและเป็นคนนอกพื้นที่ ซึ่งพี่น้องในพื้นที่ยืนยันได้ว่าเป็นราษฎรในพื้นที่ทั้งหมด จึงทำให้เกิดการแจ้งความดำเนินคดี เกิดความบานปลายจนถึงปัจจุบัน หลังจากมีการตรวจสอบได้พิสูจน์ทราบแล้วว่าพื้นที่ทั้งหมดอยู่ในหลักเกณฑ์ต้องผ่อนปรนทั้งเรื่องการเข้าทำกิน คดีความ และอาจจะต้องระงับเรื่องการปลูกป่าด้วย เพราะทำให้ประชาชนสูญเสียโอกาสเข้าทำกินในพื้นที่มาเป็นเวลา 6-7 ปี

ทั้งนี้ตัวแทนกลุ่มราษฎรผู้เดือดร้อนจากนโยบายทวงคืนผืนป่า เผยความรู้สึกว่า รู้สึกมีกำลังใจ เพราะเราต่อสู้และเดือนร้อนมาหลายปี และรู้สึกดีใจที่เราได้ต่อสู้เพื่อปกป้องพื้นที่ทำกินของเรา ปกป้องผืนแผนดินบ้านเกิดของเรา และยังยืนยันว่าเราจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด เพราะเราคือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนและสิ่งที่เราทำคือความถูกต้อง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net