Skip to main content
sharethis

"เราชัดเจนว่าเราไม่เอาระบอบประยุทธ์หรืออะไรพวกนั้น ถ้า[เพดาน]จะลดลง เราก็คงลดลงกับเขา"

"เราไม่ได้เป็นรัฐบาลแค่พรรคเดียว เราก็ต้องปรับจูนนโยบายของเราที่หาเสียงไว้ให้เข้ากับนโยบาย (ผู้สื่อข่าว - พรรคอื่น) เพื่อปฏิบัติต่อไป"

ประชาไทสำรวจความคิดเห็นประชาชนผู้เข้าร่วมรับฟังการปราศรัยใหญ่ของพรรคก้าวไกล ที่สวนรัชดาภิเษก จ.ขอนแก่น ต่อประเด็นนโยบาย มุมมองต่อการเลือกตั้งที่จะมาถึง รวมถึงข้อคิดเห็นต่อประเด็นการเป็นรัฐบาลแต่ต้องแลกกับการลดเพดานข้อเรียกร้องหรือการยืนหยัดในจุดยืนแต่อาจต้องเป็นฝ่ายค้าน

 

3 มี.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวพิเศษรายงานวันนี้ (3 มี.ค.) เวลา 17.00 น. ที่สวนรัชดาภิเษก อ.เมือง จ.ขอนแก่น พรรคก้าวไกลปราศรัยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสมาชิก จ.ขอนแก่น ครบ 11 เขต โดยมีพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล รวมถึงธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปิยบุตร แสงกนกกุล และพรรณิการ์ วานิช จากคณะก้าวหน้า ขึ้นเวทีร่วมปราศรัยแสดงวิสัยทัศน์และนโยบายในช่วงหัวค่ำ

บรรยากาศการเปิดตัว ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น ของก้าวไกล (ที่มา: ไลฟ์เฟซบุ๊ก พรรคก้าวไกล)

บรรยากาศโดยรอบพื้นที่ปราศรัย มีประชาชนบางส่วนมารออยู่ก่อนถึงเวลาปราศรัย และมีประชาชนเดินทางมาสมทบจนเต็มพื้นที่ที่มีการจัดเตรียมไว้ ประชาไทได้สัมภาษณ์ตัวแทนประชาชน 6 คนที่เข้าฟังการปราศรัยของพรรคก้าวไกลในวันนี้เกี่ยวกับประเด็นนโยบาย ทิศทางการเลือกตั้ง และมุมมองต่อจุดยืนของพรรคในอนาคตหลังการเลือกตั้ง

เป็นฝ่ายค้านดีกว่าลดเพดาน

เอ (นามสมมติ) นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) บอกว่า ตนมีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดอื่น แต่ต้องย้ายทะเบียนมาอยู่จังหวัดขอนแก่นเพราะมาศึกษาต่อ ทำให้ตอนนี้กลายเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งใน จ.ขอนแก่น เอ บอกว่า ชื่นชอบนโยบายของพรรคก้าวไกล และติดตามมาตั้งแต่สมัยเป็นพรรคอนาคตใหม่ โดยชื่นชอบนโยบายด้านสวัสดิการเป็นพิเศษ เช่น เงินอุดหนุนเด็กเล็กเดือนละ 1,200 บาท และเบี้ยคนชรา 3,000 บาท เพราะตนต้องอยู่กับคนชรา จึงเห็นว่านโยบายส่วนนี้ตอบโจทย์ ส่วนการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงนี้ 

เอ (นามสมมติ) นักศึกษา มข.

นักศึกษา ม.ขอนแก่น ยังคงมั่นใจกับกระแสความนิยมของพรรค แต่กังวลเรื่องอุบัติเหตุทางการเมืองมากกว่า โดยเฉพาะหลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศว่าจะไม่มีการประกาศผลนับคะแนนแบบเรียลไทม์ จึงกังวลผลกระทบอื่นๆ ที่อาจตามมา

สำหรับประเด็นที่มีข้อวิจารณ์ว่า ฐานเสียงของพรรคก้าวไกล ‘เต็มแก้ว’ หรือไม่สามารถเพิ่มผู้สนับสนุนได้แล้วนั้น เอ บอกว่า ตนเห็นด้วยว่าฐานเสียงของก้าวไกลไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเหมือนสมัยอนาคตใหม่ แต่ไม่คิดว่าฐานเสียงของพรรคก้าวไกลจะลดลง เพราะ ส.ส. ของพรรคมีผลงานในสภาตลอด

"อย่างเพื่อนที่มาด้วยกันในวันนี้ ก็ไม่ค่อยได้สนใจการเมืองสักเท่าไร แต่มาด้วย โดยส่วนตัวคิดว่า [ฐานเสียง] ไม่ได้ลด แต่อาจจะเพิ่มน้อย ถ้าเทียบกับอีกพรรค" เอ กล่าว

ส่วนกรณีที่นักวิชาการและสื่อหลายสำนักวิเคราะห์เรื่องการจับขั้วรัฐบาลและการประกาศจุดยืนของพรรคก้าวไกลในประเด็นต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อการร่วมรัฐบาลของพรรคนั้น เอ มองว่า พรรคควรรักษาจุดยืนที่ชัดเจนมากกว่าลดเพนดานข้อเรียกร้องเพื่อที่จะได้มีอำนาจ
 
"มาเป็นฝ่ายค้านดีกว่า ถ้าสมติว่าจะลดเพดานข้อเรียกร้อง เรารู้สึกว่าเรามาไกลเกินกว่าที่จะกลับไปในจุดนั้นแล้ว คือเราชัดเจนว่าเราไม่เอาระบอบประยุทธ์หรืออะไรพวกนั้น ถ้า (ผู้สื่อข่าว - เพดาน) จะลดลง เราก็คงลดลงกับเขา (พรรค) ไปด้วย" นักศึกษา ม.ขอนแก่น กล่าว

ด้านบี (นามสมมติ) ชายวัย 30 ปีชาวขอนแก่น ที่ตั้งใจมาฟังปราศรัยในวันนี้ ระบุว่า ตนติดตามพรรคก้าวไกลมาตั้งแต่สมัยเป็นพรรคอนาคตใหม่และชื่นชอบจุดยืน "ไม่เอาเผด็จการ ไม่ร่วมกับเผด็จการ" ของพรรคและมองว่าทุกๆ นโยบายของพรรคนั้นตอบโจทย์ชีวิตของตน

"ผมไม่รู้ว่าคนอื่นจะเลือกแนวไหนหรือเลือกใคร แต่ตัวเราจะยึดมั่นอย่างนี้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม" ชายชาวขอนแก่น กล่าว

บี (นามสมมติ) ชายอายุ 30 ปี ผู้เข้าร่วมงานเปิดตัว ส.ส.ขอนแก่น พรรคก้าวไกล

สำหรับกรณีฐานเสียงของพรรค ชายอายุ 30 ปี มองว่า คนน่าจะกังวลเรื่อง ‘งูเห่า’ มากกว่า เพราะอย่างกรณี ส.ส.ขอนแก่นเขต 1 ที่ชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ก็ย้ายพรรคหลังจากที่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ แต่ตนยังเชื่อว่า นโยบายของพรรคจะช่วยรักษาฐานเสียงที่มีอยู่ และจะสามารถเพิ่มฐานเสียงในอนาคตได้

"ส่วนตัวผม ไม่ว่าเขาจะเป็นรัฐบาลหรือเป็นฝ่ายค้าน ผมก็จะสนับสนุนเหมือนเดิม" ชายคนเดิม กล่าว พร้อมระบุว่า ตนไม่มีปัญหา หากก้าวไกลจะเป็นฝ่ายค้านแต่ยังสามารถรักษาจุดยืนเดิมของพรรคไว้ได้

"ไม่ลดและเป็นฝ่ายค้านดีกว่า ถ้าสมมติว่าเราลดแล้วแนวทางมันผิดครรรลอง ผมว่านั่นก็ไม่ใช่ก้าวไกลแล้ว แต่ถ้าได้ร่วมรัฐบาลแล้วจำเป็นต้องลด ผมว่า ณ ปัจจุบันยังไม่จำเป็นต้องลด[เพดานข้อเรียกร้อง] แต่ถ้าต้องลดจริงๆ ผมว่าก็ต้องมาดูตรรกะว่าลดเพื่ออะไร เพื่อคนหมู่มาก หรือเพื่อประโยชน์ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่ควรจะลด" บี ทิ้งท้าย

ไม่ติดใจถ้าก้าวไกลลดเพดานเพื่อเป็นรัฐบาล

ริน (นามสมมติ) ชาวขอนแก่น ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขต 1 กล่าวว่า วันนี้ตนตั้งใจมาฟังปราศรัยใหญ่ของพรรคก้าวไกล เพราะเมื่อวาน (2 มี.ค. 2566) ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น เขต 1 พรรคก้าวไกล เดินทางไปแจกใบปลิวหาเสียงถึงที่บ้าน เมื่อศึกษานโยบายแล้วรู้สึกพอใจ จึงเดินทางมาในวันนี้ โดยเขาบอกว่าชื่นชอบนโยบายเบี้ยเลี้ยงคนชรา 3,000 บาทของพรรคมากที่สุด

ริน (นามสมมติ) ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเขต 1 จ.ขอนแก่น

ริน มองว่า ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงนี้ พรรคก้าวไกลมีโอกาสสูงที่จะได้ร่วมรัฐบาล และเชื่อว่าผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น พรรคก้าวไกล จะทำผลงานได้ดี

"ผมชอบนโยบาย ผมชอบคนรุ่นใหม่ที่กล้าหาญ แล้วก็มีความรู้ความสามารถ ไม่เหมือนแบบที่เราเห็นอยู่ทุกวัน ดีแต่พูด พูดแล้วทำไม่ได้ ชาวบ้านก็เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า" ริน กล่าว

สำหรับประเด็นผู้สนับสนุนพรรคที่มีข้อวิจารณ์ว่า ‘เต็มแก้ว’ จนอาจทำให้ยากต่อการขยายฐานเสียงได้นั้น ริน มองว่า ฐานเสียงพรรคก้าวไกลยังมีโอกาสไปต่อได้ เพราะบุคลากรของพรรคเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง และยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย ส่วนการยอมลดเพดานของพรรคเพื่อเข้าร่วมรัฐบาลนั้น ตนไม่มีปัญหา เพราะกฎหมายปัจจุบันทำให้เกิดรัฐบาลผสม จึงต้องสร้างข้อตกลงบางอย่างร่วมกันระหว่างพรรคการเมือง

"ถ้าได้เข้าร่วมรัฐบาล อย่างน้อยก็ต้องหลายพรรคถึงจะเข้าร่วมได้ เพราะว่าเราไม่ใหญ่จริง เราไม่ได้เป็นรัฐบาลแค่พรรคเดียว เราก็ต้องปรับจูนนโยบายของเราที่หาเสียงไว้ให้เข้ากับนโยบาย (พรรคอื่น) เพื่อปฏิบัติต่อไป แต่ถ้าต้องเป็นพรรคฝ่ายค้าน ผมก็เชื่อว่าเราทำสุดความสามารถแล้ว" ริน กล่าว พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า เขาเชื่อมั่นว่าผลการเลือกตั้งครั้งนี้จะทำให้ก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลอย่างแน่นอน

ซี (นามสมมติ) ชาวมุกดาหารวัย 49 ปีที่มาฟังการปราศรัยของพรรคก้าวไกลที่ขอนแก่นในวันนี้ ระบุว่า ตนมาเยี่ยมบุตรที่ศึกษาอยู่ จ.ขอนแก่น และทราบข่าวว่าพรรคก้าวไกลจะตั้งเวทีปราศรัยใญ่จึงเดินทางมาร่วมรับฟัง โดยบอกว่าตนติดตามมาตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่และชื่นชอบนโยบายเรื่องที่ดินทำกินและหนี้สิน

บรรยากาศฟังการเปิดตัว ส.ส.ขอนแก่น พรรคก้าวไกล

ชาวมุกดาหารคนเดิม กล่าวว่า ในส่วนของผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล จ.มุกดาหาร มีการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และเอาใจใส่ปัญหาด้านที่ดินทำกินของประชาชนในพื้นที่อย่างมากเมื่อเทียบกับพรรคอื่น โดยเฉพาะประเด็นเรื่องที่ดินทำกินซึ่งพรรคก้าวไกลมีความชัดเจนที่จะแก้ปัญหานี้

สำหรับข้อวิจารณ์เรื่องฐานเสียงของพรรคก้าวไกลที่เพิ่มขึ้นไม่มากเมื่อเทียบกับสมัยอนาคตใหม่นั้น ซี มองว่าเป็นเรื่องของช่วงเวลา การขับเคลื่อนของพรรคน่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ฐานเสียงกายเป็นน้ำที่ลดลงหรือล้นแก้ว แต่จะมองว่าฐานเสียงของพรรค ‘เต็มแก้ว’ จนขยายไม่ได้นั้น ตนมองว่าอาจไม่ถูกต้องเสียทีเดียว เพราะถ้าหากพรรคเสนอนโยบายดีๆ เสนอผู้แทนที่ดี และขยันลงพื้นที่ จากน้ำที่เต็มแก้วก็กลายเป็นน้ำที่ล้นแก้ว มีฐานเสียงเพิ่มขึ้นมาได้ เพราะความคิดคนเปลี่ยนไปเรื่อยและสามารถเปรียบเทียบนโยบายกับพรรคอื่นได้

"ทุกพรรคเขาก็งัดนโยบายดีๆ ออกมา ยิ่งช่วงใกล้เลือกตั้งยิ่งเอาออกมา แต่ก้าวไกลเขาจะไม่ทิ้งเรื่องที่ดิน และหนี้สิน ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ของชาวไทยอยู่แล้ว พี่ว่าไม่มีปัญหาหรอกกับตรงนี้ พี่ว่าเขาไปได้ต่อ" ซี กล่าว

"พี่ว่าเขาไปไกลกว่าอนาคตใหม่เดิมนะ คนเขาเรียนรู้ขึ้นเยอะ แล้วการสื่อสารทุกวันนี้มันกว้าง เขาไม่ปิดหูปิดตาเหมือนแต่ก่อน คนเขาตื่นตัวกับการเลือกตั้งที่จะมาถึง โดนส่วนตัวนะ พี่ก็มั่นใจว่าพรรคก้าวไกลน่าจะเข้าไปสู่รัฐบาลด้วยซ้ำ เพราะเขาทำงานตลอด ลงพื้นที่ตลอด"

"พี่มั่นใจในอุดมการณ์พรรค ถ้าเกิดว่าเงื่อนไขใดๆ ก็ตามที่เอื้อประโยชน์ให้ประชาชนได้อยู่ดีกินดีขึ้น พี่เชื่อว่าก้าวไกลเขาทำ และเขาคงทำให้ชาวบ้านที่เลือกเขาเข้ามา ไม่ผิดหวัง พี่มั่นใจในเหตุผลและแนวคิดของเขา" ชาวมุกดาหาร วัย 49 ปี ทิ้งท้าย

ออฟ (นามสมมติ) ชาวนครราชสีมา ที่มาทำงานใน จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ตนตั้งใจมาฟังปราศรัยในครั้งนี้ เพราะชื่นชอบพรรคก้าวไกลมาตั้งแต่สมัยอนาคตใหม่ โดยมองว่าเป็นพรรคที่มีแนวคิดก้าวหน้า และกล้าที่จะพูดในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้าพูด

ออฟ ชาวโคราช มองภาพการเลือกตั้งที่จะมาถึงช่วงกลางปีนี้ว่า คะแนนเสียงของพรรคก้าวไกลอาจจะยังสู้พรรคใหญ่บางพรรคที่มีผลงานในอดีตไม่ได้ แต่การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้พรรคก้าวไกลขยับขึ้นมามีบทบาทมากขึ้น ส่วนกรณีฐานเสียง ‘เต็มแก้ว’ ของก้าวไกลนั้น ตนมองว่าเป็นการเติมฐานเสียงเดิมจากสมัยอนาคตใหม่ขึ้นมาให้เต็ม และมีโอกาสไปได้อีกหากพรรคก้าวไกลได้แสดงบทบาทในฐานะรัฐบาล ซึ่งตนไม่ติดใจหากพรรคต้องปรับลดเพดานข้อเรียกร้องในบางประเด็นเพื่อสร้างผลงานในภาพรวม

"เพนดานมีแน่นอน แต่ต้องดูระดับแรกก่อนว่า เสียงส่วนใหญ่ของประชาชนเขายอมรับไหม และถ้าจะขยับขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง เสียงสะท้อนกลับมาว่าอย่างไร ถ้าสะท้อนกลับมาว่าไม่โอเค อาจจะดึงลงมาในระดับที่ทำได้ ก็ต้องดูสถานการณ์อีกครั้ง" ออฟ กล่าว

สวิงโหวต…ขอรับฟังและเลือกจากนโยบาย

ดี และเอฟ (นามสมมติ) คู่สามีภรรยาที่ประกอบธุรกิจส่วนตัวใน อ.พระยืน จ.ขอนแก่น บอกว่าชื่นชอบพรรคการเมืองในฟังประชาธิปไตย จึงเดินทางมาฟังการปราศัยใหญ่ของพรรคก้าวไกลในวันนี้ เพื่อสำรวจนโยบายและแนวคิดของพรรคไปประกอบการตัดสินใจในการเลือกตั้งที่จะมาถึง โดยทั้งสองเชื่อว่าพรรคฝ่ายค้านจะสามารถพลิกขั้วเป็นรัฐบาลได้

"ประเทศไทยควรดีกว่านี้ มันควรจะไปไกลกว่านี้ ชีวิตของคนไทยมันควรจะดีกว่านี้ ถึงเวลามันควรจะต้องเปลี่ยน แต่จะเปลี่ยนอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละพรรค ถ้านโยบายใครโดนใจเรา เราคงจะเลือกอันนั้น"

ดี และเอฟ บอกว่าอยากให้พรรคการเมืองผลักดันนโยบายเกี่ยวกับการเกษตร โดยเฉพาะเกษตรกรพืชไร่ โดยพวกเขามองว่าหากเกษตรกรมีรายได้ดี ภาคธุรกิจอื่นๆ น่าจะดีตามไปด้วย

"อยากให้ดูแลพื้นล่างก่อน เพราะข้างบนน่าจะดูแลตัวเองได้ ถ้าชาวบ้านมีสตางค์ ร้านค้าทุกอย่างก็จะขายดี อย่าไปช่วยแต่คนข้างบน ให้ดูแลข้างล่างให้ดีที่สุด" ทั้งคู่ทิ้งท้าย
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net