Skip to main content
sharethis

กสม.ไทยแสดงความห่วงใยต่อความปลอดภัยของผู้หนีภัยจากพม่าและขอให้ไทยยึดมั่นหลักไม่ส่งกลับไปเผชิญภัยตามพันธกรณีระหว่างประเทศ ส่วนรัฐสภาอาเซียนฯ ประณามไทยที่ส่งกลับ 3 นักสู้ PDF ที่หนีภัยมารับการรักษาอาการบาดเจ็บให้กองทัพพม่า

12 เม.ย.2566 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ออกแถลงการณ์ต่อกรณีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจับกุมชาวพม่า 3 คนที่เป็นนักสู้จากกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (People's Defence Force - PDF) ขณะเข้ามารักษาตัวที่แม่สอด จ.ตากก่อนผลักดันกลับไปเผชิญอันตรายที่ประเทศต้นทาง

ในแถลงของ กสม.ระบุว่าได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 มีรายงานการปะทะของกองกำลังต่าง ๆ บริเวณฝั่งตรงข้าม จ.แม่ฮ่องสอน และ จ.ตาก ทำให้มีผู้หนีภัยความไม่สงบข้ามมาฝั่งไทยเป็นระยะและ อาศัยในพื้นที่พักพิงชั่วคราว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงต้นเดือนเมษายน 2566 ที่ผ่านมาได้เกิดการปะทะอย่างรุนแรง ส่งผลให้มีชาวพม่าอพยพหนีภัยเข้ามายังฝั่งไทยจำนวนมาก

กสม. มีความห่วงใยเป็นอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและต่อความปลอดภัยของชาวพม่าที่หนีภัยความไม่สงบเข้ามาในประเทศไทย จึงขอเน้นย้ำให้รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลผู้หนีภัยชาวพม่าโดยจัดให้อยู่ในที่พักพิงที่ปลอดภัย รวมทั้งให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดยจัดหาอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในระหว่างที่พักพิงในประเทศไทย

อีกทั้ง กสม.ยังขอให้รัฐบาลไทยยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชนที่จะไม่ส่งผู้หนีภัยชาวพม่ากลับประเทศ หากสถานการณ์ยังไม่ปลอดภัยและอาจทำให้ผู้ถูกส่งกลับได้รับอันตรายต่อชีวิตตามหลักการห้ามผลักดันกลับ (non-refoulement principle) ซึ่งเป็นพันธกรณีของประเทศไทยตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) อนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (CAT) และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

ในขณะเดียวกัน ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลความปลอดภัยของประชาชนคนไทยที่อาศัยในบริเวณใกล้แนวชายแดนไทย-พม่าที่อาจได้รับผลกระทบจากการสู้รบด้วย โดยเฉพาะเด็ก ผู้หญิง คนพิการ และผู้สูงอายุ

นอกจากนี้ กสม.ขอให้รัฐบาลเร่งรัดหน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการให้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการคัดกรองคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรและไม่สามารถเดินทางกลับประเทศอันเป็นภูมิลำเนาได้ พ.ศ. 2562 มีผลใช้บังคับในทางปฏิบัติโดยเร็วเพื่อเป็นหลักประกันในการคุ้มครองบุคคลไม่ให้ถูกส่งกลับตามหลักการ non-refoulement

ทั้งนี้ กสม. จะติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด และประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของผู้ได้รับผลกระทบจากการสู้รบทุกกลุ่มต่อไป

สภาอาเซียนออกแถลงการณ์ประณามไทย

นอกจาก กสม.ของไทยแล้ววันนี้ กลุ่มสมาชิกรัฐสภาอาเซียนเพื่อสิทธิมนุษยชน (APHR) ยังออกแถลงการณ์ประณามรัฐไทยต่อกรณีเดียวกันนี้ด้วยเช่นกัน

เมอร์ซี บาร์เรนด์ คณะกรรมการ APHR จากอินโดนีเซียระบุในแถลงการณ์ว่า ตลอดที่ผ่านมารัฐไทยยังคงบังคับส่งกลับผู้แสวงหาที่ลี้ภัยและผู้ลี้ภัยสู่ประเทศพม่าซึ่งต้องเผชิญกับความเสียงต่อการถูกประหัตประหาร ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศและหลักปฏิบัติที่เป็นสากล

นอกจากนั้นรัฐไทยยังถูกองค์กรสิทธิมนุษยชนวิพากษ์วิจารณ์ซ้ำๆ ต่อการไม่ต้อนรับผู้ลี้ภัยชาวพม่าที่หนีภัยจากการใช้ความรุนแรงของกองทัพพม่าอีกทั้งยังผลักดันเขาเหล่านี้กลับไปและพวกเขายังต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัยจากการไม่ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายและอาจถูกส่งกลับได้ทุกเมื่อ

อีกทั้งในแถลงการณ์ยังกล่าวถึงว่าเมื่อต้นปีที่ผ่านมาไทยยอมรับอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมานฯ แต่การส่งตัว PDF ทั้ง 3 คนกลับให้รัฐบาลทหารพม่าที่มีการควบคุมตัวบุคคลโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซ้อมทรมาน และยังมีการประหารนอกกระบวนการยุติธรรม การส่งกลับของไทยครั้งนี้จึงถือเป็นการละเมิดต่ออนุสัญญาดังกล่าว

“เราขอย้ำให้รัฐบาลไทยยินยอมให้ผู้ที่ลี้ภัยความขัดแย้งในพม่าเข้ามาในประเทศได้อย่างปลอดภัยและให้ความสำคัญกับการปกป้องคุ้มครองพวกเขา และทางการไทยต้องยุติการส่งตัวชาวพม่าที่กำลังเผชิญความเสี่ยงต่อสวัสดิภาพกลับสู่มือของรัฐบาลทหารโดยทันที” บาเรนด์ กล่าว

บาเรนด์ยังเรียกร้องถึงพรรคการเมืองต่างๆ ของไทยที่ลงสนามการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นด้วยว่าต้องนำประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชนมาเป็นนโยบายของพรรคด้วย สุดท้ายนี้เขายังได้เรียกร้องไปถึงประเทศสมาชิกอาเซียนและประชาคมระหว่างประเทศจะต้องกดดันประเทศไทยต้องรองรับชาวพม่าที่หนีภัยมาอย่างมีเกียรติและเคารพสิทธิของพวกเขา อีกทั้งไม่ควรมีใครถูกคุมขังและถูกบังคับส่งกลับไปเผชิญหน้ากับการประหัตประหารในประเทศที่พวกเขาหนีมา

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net