Skip to main content
sharethis

ศาลฎีกายกฟ้อง "สุชานันท์" คดีโพสต์ว่า รอง ผบ.ตร.อยู่เบื้องหลังการทำร้าย "จ่านิว-เอกชัย-ฟอร์ด" โดยศาลให้เหตุผลว่าข้อความของจำเลยไม่ได้กระทบความมั่นคง ตามมาตรา 14 พ.ร.บ.คอมฯ

19 เม.ย.2566 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนทวีตรายงานว่าวันนี้ที่ศาลอาญามีนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีของสุชานันท์ (สงวนนามสกุล) ถูกดำเนินคดีข้อหานำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่สร้างความเสียหายต่อความมั่นคง จากกรณีแช์โพสต์ข้อความว่ารองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและกองปราฯ เกี่ยวข้องกับการทำร้ายร่างกายนักกิจกรรมเมื่อช่วงปี 2562

ศูนย์ทนายความฯ ระบุว่าศาลฎีกามีคำพิพากษายกฟ้องเนื่องจากเห็นว่าข้อความของสุชานันท์ไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ไม่เห็นพ้องกับคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ให้ลงโทษจำคุกสุชานันท์เป็นเวลา 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา

คดีนี้อัยการฟ้องสุชานันท์ด้วยข้อหานำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่สร้างความเสียหายต่อความมั่นคง ตามมาตรา 14(2) พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 พร้อมกับประชาชนอีก 12 คน แต่มีเพียงสุชานันท์ที่สู้คดีศาลจึงให้แยกฟ้องเธอเพียงคนเดียว

ข้อความที่ทำให้สุชานันท์ถูกดำเนินคดีมีดังนี้

“รองช้าง หรือ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย หัวหน้าแก็งค์สีกากี ตามกระทืบนักกิจกรรม เอกชัย (หงส์กังวาน), ฟอร์ด(อนุรักษ์ เจนตวนิชย์),จ่านิว(สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์)”

“เรื่องใหญ่ที่ท่านผู้การกองปราบ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ต้องแก้ปัญหา.. ที่มีตำรวจชั้นประทวนในสังกัด “กองปฏิบัติการพิเศษกองปราบ 4 คน ไปช่วยพล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร.เคยคุมกองปราบมาก่อน เลี้ยงตำรวจโจรในกองปราบไว้ใช้ ได้ก่อเหตุไปดักตีหัว “จ่านิว” และ “ฟอร์ด” กลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านเผด็จการ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์เป็นลูกน้องแขนซ้ายของ พล.ต.อ.ประวิตร นั่นเอง”

ทั้งนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่เคยพิพากษาลงโทษเคยให้เหตุผลไปทำนองเดียวกันว่าจากพยานหลักฐานของฝ่ายโจทก์เชื่อได้ว่าข้อความของจำเลยไม่เป็นความจริงและโพสต์ของสุชานันท์ทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งยังมีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นจำนวนมากเป็นข้อมูลอันเป็นเท็จและยังมีการเชื่อมโยงกับรัฐบาลทำให้เกิดการต่อต้านตำรวจซึ่งมีหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยและดูแลประชาชนการทำให้เข้าใจว่าตำรวจทำร้ายผู้เห็นต่างย่อมทำให้เกิดความกระด้างกระเดื่องเกิดความสั่นคลอนในบ้านเมือง

อย่างไรก็ตามคดีนี้ไม่ได้มีการดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาท โดยทราบจำคำให้การของพล.ต.ต.สุรินทร์ ทับพันบุปผา ผู้บังคับการกองตรวจราชการไทย สำนักงานจเรตำรวจ ซึ่งเป็นผู้กล่าวหาว่าคดีนี้พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ ไม่ดำเนินคดีผิดต่อส่วนตัวแต่เป็นความผิดพ.ร.บ.คอมฯ เป็นความผิดต่อแผ่นดินกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และทำให้ประชาชนตื่นตระหนกตกใจ จึงแจ้งให้ตนไปกล่าวโทษที่ ปอท.

คดีสืบเนื่องมาจากช่วงต้นเดือนกรกฎาคมปี 2562 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการดำเนินการออกหมายเรียกผู้ต้องหาจำนวน 13 ราย จากการแชร์โพสต์ของ “เจ๊แน๊ต สุชานันท์” ที่มีข้อความข้างต้น โดยสุชานันท์เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเมื่อ 22 ก.ค.2562 และเธอได้ให้การปฏิเสธและต่อสู้คดีมาจนถึงชั้นศาลฎีกา

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net