‘โจเซฟ’ ผู้ลี้ภัยการเมืองชาวลาวเผย แจ็ค-อนุซา นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในลาวที่ถูกยิงในกรุงเวียงจันทน์ เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ที่ผ่านมา ถูกย้ายไปรักษาที่ต่างประเทศแล้ว

10 พ.ค. 66 จากกรณี แจ็ค-อนุซา หลวงสุพม นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในลาว เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก “ขับเคลื่อนด้วยคีย์บอร์ด” ถูกยิงในกรุงเวียงจันทน์ เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ที่ผ่านมา โจเซฟ อัครวงศ์ นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยที่ปัจจุบันลี้ภัยการเมืองอยู่ฝรั่งเศส โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เช้านี้ (10 พ.ค.) ระบุว่า “แจ็คถูกนำตัวไปรักษาที่ต่างประเทศแล้ว ขอบใจทุกคนที่เป็นห่วง และติดตามสถานการณ์ลาวมาโดยตลอด” 

ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน สำนักข่าวเรดิโอฟรีเอเชีย ภาคภาษาลาวรายงานว่า โจเซฟ ได้โพสต์เฟซบุ๊กอัปเดตอาการของแจ็คว่า แจ็คฟื้นตัวแล้ว แต่ว่าเสียเลือดมากเนื่องจากถูกยิงถึง 2 นัด นัดหนึ่งที่บริเวณแก้มขวาทะลุซ้าย และอีกนัดหนึ่งยิงเข้าทะลุหน้าอก ลูกกระสุนยังคาอยู่ที่ปอด ลิ้นขาด พูดไม่ได้ แต่สามารถพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์มือถือได้ 

สำหรับความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวน เมื่อ 5 พ.ค. เวลาประมาณ 16.09 น. เจ้าหน้าที่ป้องกันความสงบ นครหลวงเวียงจันทน์ ได้ออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าว โดยระบุข้อสันนิษฐานเบื้องต้นว่าอาจเป็นเพราะข้อขัดแย้งทางธุรกิจหรือปัญหาชู้สาว โดยจะทำการสืบสวนสอบสวนต่อไป

ขณะที่ ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอชท์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บอกกับเรดิโอฟรีเอเชียเมื่อวันที่ 8 พ.ค ว่า ผลการสืบสวนของทางการลาวชี้ว่า ทางการลาวไม่ได้เอาใจใส่ในการสืบสวนกรณีของแจ็คอย่างละเอียดเลย

“ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับแจ็คนั้นเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ทางธุรกิจหรือเรื่องชู้สาว สิ่งที่พันเอกอุบน แถลงข่าวออกมานั้นดูเหมือนว่าเป็นความพยายามที่จะบิดเบือนใส่ร้ายป้ายสีแจ็ค เพื่อให้ประชาชนชาวลาวสนใจเรื่องนี้น้อยลง” 

“มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แจ็คเป็นผู้ดูแลเพจเฟซบุ๊กที่วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลลาวอย่างรุนแรง ทั้งในเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ การทุจริตคอร์รัปชั่น และการละเมิดสิทธิมนุษยชน แจ็คเป็นหนึ่งในบุคคลที่รัฐบาลลาวไม่ต้องการให้ออกความคิดเห็น”

เรดิโอฟรีเอเชียรายงานเพิ่มเติมว่า แจ็ค-อนุซา หาเลี้ยงชีพด้วยการขายแซนวิชอยู่ในตัวเมืองเวียงจันทน์ เขาไม่เคยมีปัญหาเรื่องธุรกิจและไม่เคยมีปัญหาเรื่องชู้สาวกับใคร ไม่เหมือนกับที่ทางการลาวได้แถลงผลการสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าวแต่อย่างใด

รองผู้อำนวยการองค์กรฮิวแมนไรท์วอชท์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวเพิ่มเติมว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุมาจนถึงขณะนี้ องค์การที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนจากต่างชาติหลายหน่วยงานก็พยายามติดตามความคืบหน้าของเรื่องนี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่การทำงานกลับเป็นไปด้วยอุปสรรค ปัญหาก็คือว่าตำรวจลาวพยายามที่จะปกปิด ซึ่งมันก็เป็นเรื่องยากที่จะทราบความคืบหน้าได้