สรุปท่าที 3 ส.ว. เรื่องจุดยืนโหวตเลือกนายกฯ  ‘วันชัย’ ยืนยันเคารพเสียงประชาชน แต่ต้องขอดูเรื่องอื่นประกอบ ด้าน ‘กิตติศักดิ์’ ชี้ยังไม่ใช่เวลาจะพูด เผยสเป็กนายกฯ ต้องจงรักภักดี ส่วน ‘เสรี’ ไม่ตอบ หนุนพิธานั่งนายกฯ หรือไม่ ขอดูการตั้งรัฐบาลก่อน

15 พ.ค. 66 หลังจากพรรคก้าวไกลคะแนนนำมาเป็นอันดับ 1 หลายฝ่ายต่างจับตาไปที่ท่าที ส.ว. ว่าจะโหวตเลือกนายกฯ ตามเสียงข้างมากใช่หรือไม่ ‘ส.ว.วันชัย’ ยืนยันเคารพเสียงประชาชน แต่ต้องขอดูเรื่องอื่นประกอบ ด้าน ‘ส.ว.กิตติศักดิ์’ ชี้ยังไม่ใช่เวลาจะพูด เผยสเป็กนายกฯ ต้องจงรักภักดี ส่วน ‘ส.ว.เสรี’ ไม่ตอบ หนุนพิธานั่งนายกฯ หรือไม่ ขอดูการตั้งรัฐบาลก่อน

‘วันชัย’ ยืนยันเคารพเสียง ปชช.

แต่ขอดูเรื่องอื่นประกอบ

ข่าวสดออนไลน์รายงานคำพูดของ วันชัย สอนศิริ หนึ่งใน ส.ว. ที่กล่าวถึงการร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของ ส.ว. ว่า หากใครสามารถรวบรวมเสียง ส.ส.ได้เกินกว่ากึ่งหนึ่ง ส.ว.ก็ต้องเคารพเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน พร้อมกันนี้ยังกล่าวว่า พรรคก้าวไกลได้เสียงมาเป็นอันดับ 1 ก็จริงแต่ตนไม่แน่ใจว่าจะได้เป็นรัฐบาลเสมอไป ขึ้นอยู่กับว่ารวมเสียงข้างมากในสภาได้หรือเปล่า 

“ผมก็ไม่แน่ใจว่าคนได้เสียงอันดับ 1 จะต้องเป็นรัฐบาลเสมอ ครั้งที่แล้วพรรคเพื่อไทยมีเสียงมาอันดับ 1 แต่ต้องเป็นฝ่ายค้าน แต่ถ้ารวมเสียงได้มาก โดยหลักการแล้วคิดว่าต้องเคารพเสียงตรงนี้ ครั้งนี้พรรคก้าวไกลได้เสียงอันดับ 1 ก็จริงแต่ไม่ได้คะแนนเสียงเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเกินกว่า 251 เสียง ก็ต้องดูต่อไป ถ้าเขาประสานกับพรรคเพื่อไทยได้อันนี้ก็มีสิทธิได้เกิน 300 เสียง ซึ่งก็ต้องดูว่าเขาตกลงกันได้หรือเปล่าว่าใครเป็นนายกฯ และการทำนโยบายต่างๆ นั้นรวมกันได้หรือเปล่า เราไม่รู้ เพราะ ส.ว.อยู่ข้างหลัง ไม่ใช่คนที่จะต้องเสนอใครมาเป็นนายกฯ มันอยู่ที่ ส.ส.ก่อน” วันชัย กล่าว

เมื่อถามว่าส่วนตัวมีเงื่อนไขในการตัดสินใจเลือกนายกรัฐมนตรีอย่างไร วันชัยกล่าวว่า ส่วนตัวยังยืนยันในหลักการเดิมหากพรรคการเมือง สามารถประสานและรวมกันได้เสียงข้างมาก ตนก็ไม่ขัดข้อง ยืนยันใช้หลักการเดิม แต่ยอมรับว่าต้องนำเรื่องอื่นๆ มาประกอบ ซึ่งโดยหลักแล้วเคารพเสียงของประชาชนเป็นสำคัญ

‘กิตติศักดิ์’ ชี้ยังไม่ใช่เวลาจะพูด

เผยสเป็กนายกฯ ต้อง “จงรักภักดี”

ขณะที่มติชนออนไลน์รายงานคำพูดของอีกหนึ่ง  ส.ว. นั่นก็คือ กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ที่กล่าวถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคฝ่ายประชาธิปไตยว่า ขอรอดูให้พรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งตั้งรัฐบาลให้ได้ก่อน เพราะยังไม่ถึงขั้นตอนของ ส.ว. ถ้าตั้งรัฐบาลได้แล้วถึงจะเข้าสู่กระบวนการเลือกประธานสภาและเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่ง ส.ว.  ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องหรือยุ่งเกี่ยวกับสภาผู้แทนราษฎร เพราะไม่ใช่อำนาจหน้าที่ เป็นเรื่องของสภาผู้แทนฯ ในการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้

ส่วนกรณีที่ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุจะตั้งรัฐบาล 309 เสียง กิตติศักดิ์กล่าวว่า ต้องรอให้ถึงเวลาพิจารณาก่อน เพราะขั้นแรก ส.ส.ต้องไปรวมเสียงให้ได้มากกว่า 250 เสียง แต่ส่วนตัวมองว่าเมื่อมาถึงขั้นตอนเลือกนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 272 ส.ว.จะพิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คือจะต้องมีคุณสมบัติเบื้องต้น จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์เป็นหลัก ถ้าใครมีคุณสมบัติตรงนี้ ส.ว.จะพิจารณา ซึ่ง ส.ว.ทุกคนมีคุณวุฒิ วัยวุฒิที่จะตัดสินใจด้วยตัวเองได้ แต่ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลหรือองค์กรอิสระต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติทุกคนทุกองค์กร และทิศทางของการโหวตส่วนตัวมองว่าที่ผ่านมาเกือบจะเอกฉันท์ แน่นอนอาจมีบางส่วนเห็นต่างก็งดออกเสียงหรือโดดไปฝ่ายตรงข้ามก็เคยมี เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีทั้ง ส.ว.เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย

‘เสรี’ ปัดตอบ หนุนพิธานั่งนายกฯ หรือไม่

ขอดูการตั้งรัฐบาลก่อน

สำนักข่าวไทยสัมภาษณ์ความคิดเห็นอีกหนึ่ง ส.ว. นั่นก็คือ เสรี สุวรรณภานนท์ สำหรับเรื่องทิศทางการจัดตั้งรัฐบาลของขั้วประชาธิปไตย เสรีกล่าวว่า ต้องรอติดตามเพราะ ส.ว. ไม่สามารถให้ความเห็นใดๆ ได้ อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ต้องพิจารณาคือจะตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ เพราะแต่ละพรรคมีเงื่อนไขที่ต้องพูดคุยว่าจะรับกันได้หรือไม่ อย่างไรก็ดี คิดว่าเงื่อนไขของพรรคการเมืองต่างๆ จะไม่ทำให้เกิดเดดล็อกทางการเมือง หรือก่อให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมือง ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการเมือง เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นประเด็นที่ ส.ว. ร่วมสนับสนุน ขณะที่การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อาจทำให้เกิดเรื่องได้ เพราะมีคนไม่เห็นด้วย

เมื่อถามว่าสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลหรือไม่ เสรี ปฏิเสธให้ความเห็น โดยระบุว่ารอดูความชัดเจนของพรรคการเมืองที่จะจับมือตั้งรัฐบาลก่อน