Skip to main content
sharethis

เลขาธิการพรรคก้าวไกลยืนยัน 313 เสียง เพียงพอตั้งรัฐบาล และเสียงตอบรับจาก ส.ว.เป็นไปในทิศทางที่ดี - ‘ไพศาล’ อ้างรู้มาว่า ส.ว.75 คน จ่อโหวต ‘พิธา’ นั่งนายก ‘ไพบูลย์’ เห็นด้วย ร่าง รธน.ใหม่


ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล

20 พ.ค. 2566 ทีมสื่อพรรคก้าวไกลรายงานว่านายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล เปิดเผยในฐานะผู้จัดการตั้งรัฐบาล ว่าขณะนี้พรรครวบรวมเสียงได้ 313 เสียง ถือว่ามีเพียงพอและมั่นคงแล้วตามหลักการประชาธิปไตยสากลทั่วไป

ดังนั้น หลังจากนี้ จะเดินหน้าคุยกับ ส.ว. ต่อ เพื่อทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน แล้วพาบ้านเมืองไปต่อตามครรลองประชาธิปไตย ไม่ไปสู่ทางตัน โดยจากที่ตนได้พูดคุยกับ ส.ว. จำนวนหนึ่ง หลายท่านมีความกังวลเรื่องทิศทางนโยบายต่างประเทศ การรักษาสมดุลของไทยในเวทีการเมืองโลก และ ส.ว. ไม่ต้องการเห็นรัฐบาลชุดใหม่ทำให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองเพิ่มขึ้น เมื่อได้พบกันและอธิบายจุดยืนและแนวทางของพรรคก้าวไกล ทาง ส.ว. ก็เข้าใจมากขึ้น

“โดยวันที่ 23 พฤษภาคม 2566 จะมีประชุมวิสามัญวุฒิสภา และทราบมาว่าหลังการประชุมวุฒิสภา น่าจะมีการประชุมกันอย่างไม่เป็นทางการของ ส.ว. เรื่องแนวทางการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ผมเชื่อว่าเมื่อ ส.ว. ได้เห็นข้อตกลงร่วม (MOU) ในการจัดตั้งรัฐบาลในวันที่ 22 พฤษภาคมแล้ว จะมีความเข้าใจต่อพวกเราดีขึ้นและนำไปสู่การตัดสินใจในเชิงบวกเพื่อผลักดันประเทศไปข้างหน้า” ชัยธวัชกล่าว

เลขาธิการพรรคก้าวไกลยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ขณะนี้กระบวนการเจรจาร่าง MOU เดินหน้าไปได้ด้วยดี ตอนนี้ทุกพรรคกำลังพิจารณาและนำเสนอวาระสำคัญของแต่ละพรรคเพื่อมารวมกันเป็นข้อตกลงร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาล โดยในวันพรุ่งนี้ (21 พฤษภาคม 2566) จะมีการพูดคุยกับแต่ละพรรคอีกครั้ง เพื่อให้ได้ข้อสรุปร่วมกันในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้

ชัยธวัชยืนยันว่า วาระสำคัญใน MOU จะตอบสนองต่อเสียงประชาชนที่แสดงออกผ่านการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า ประชาชนต้องการความเปลี่ยนแปลงทั้งในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างเป็นธรรม และปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตย มีนิติรัฐ โปร่งใส ปราศจากการทุจริต และแก้ไขความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมาเพื่อให้ประเทศสามารถเดินหน้าไปสู่อนาคตได้

‘ไพศาล’ อ้างรู้มาว่า ส.ว.75 คน จ่อโหวต ‘พิธา’ นั่งนายก ‘ไพบูลย์’ เห็นด้วย ร่าง รธน.ใหม่

มติชนออนไลน์ รายงานว่าเมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2566 ในการเสวนาหัวข้อ “อนาคตประเทศไทย จุดเปลี่ยนที่ท้าทาย” ซึ่งจัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน และ สมาคมวารสารศาสตร์ ธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในตอนหนึ่ง นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกฯ  กล่าวว่า ในการจัดตั้งรัฐบาลขณะนี้ ยังคงมีความพยายามที่จะตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยแข่งกับเสียงข้างมาก ซึ่งอาจจะสร้างวิกฤตให้ประเทศ ขณะที่ท่าทีของส.ว. ที่มีต่อแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคก้าวไกล นั้น ยังคงมีประเด็นว่าสุดท้าย การตัดสินใจของ ส.ว.จะเป็นอย่างไร แต่ยังเชื่อว่าก่อนที่จะทำหน้าที่ ส.ว.ต้องถวายสัตย์ปฏิญาณว่าจะทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของประเทศ ดังนั้นหากส.ว.ยึดมั่นในคำถวายสัตย์ปฏิญาณบ้านเมืองจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ได้

“สัญญาณที่เกิดขึ้น ผมทราบว่า ส.ว.ส่วนหนึ่งรู้ชะตากรรม มีอย่างน้อย 75 คนจะโหวตให้พรรคการเมืองที่รวบรวมเสียงข้างมากได้ เพื่อเคารพฉันทามติของประชาชน และเพราะนายพิธามีความชอบธรรมที่จะตั้งรัฐบาล”นายไพศาล กล่าว

ด้าน นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า การจัดตั้งรัฐบาลไม่ว่าแบบไหน ประเทศไปได้ เพราะทุกพรรคบริหารงานในภาครัฐ แต่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจคือ เอกชนที่มีความต้องการมั่นคง ราบรื่น ไม่มีความวุ่นวาย ซึ่งมองว่า ขณะนี้ไม่มีความวุ่นวาย สำหรับ ในขั้นตอนหลังเลือกตั้งจะเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย ขณะที่การเสนอนโยบายแก้ไขเรื่องต่างๆ ต้องใช้กระบวนการนิติบัญญัติที่ไม่ง่ายและต้องใช้เวลา โดยเห็นด้วยที่จะถึงเวลาจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ เริ่มในขั้นตอนของการทำประชามติ แต่หากตั้ง ส.ส.ร. เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ก็ไม่อยากให้นักการเมืองชี้นำการทำงาน

น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองกทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ความท้าทายของประเทศไม่ใช่แค่เรื่องการเมืองเท่านั้น แต่มีส่วนสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกับหลายเรื่อง ทั้ง คุณภาพชีวิต คุณภาพของสังคมและกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งในสังคมที่ระบบอุปถัมภ์ยังไม่เสื่อมสลาย หรือคลายตัว วันนี้จึงมีโจทย์สำคัญ คือ ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ที่ขยายตัวและกดทับเยาวชน ทำให้เกิดคำถามกับสังคม เช่น การปฏิรูปกระบวนการศึกษา ระบบการเรียน รวมถึงภาวะความผันผวนในประเทศไทย ทำให้คนรุ่นใหม่ต้องการความเปลี่ยนแปลงที่สอดคล้องกับอนาคตของตนเอง

“คนรุ่นใหม่ไม่ได้ชังชาติ แต่เขามีจุดหมายเดียวกัน คือ อยากเห็นประเทศไทย เห็นคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพราะทุกคนเจอภาวะปัญหาที่แตกต่างกัน ทำให้วิธีเรียกร้องต่างกัน ส่วนผู้ใหญ่บางคนกลับมองการเรียกร้องของเด็กคือความก้าวร้าว ปิดกั้นการรับฟังความเห็นโดยไม่มองแก่นของปัญหาที่เกิดขึ้น”น.ส.วทันยา กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net