Skip to main content
sharethis

กกต.เห็นชอบตาม ครม. ได้อนุมัติให้ 'คลัง' ใช้จ่ายงบกลาง 200.6 ล้าน ชดเชยการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนในการชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนกลุ่มธนาคารโลก 2 แห่ง พร้อมอนุมัติงบกลางวงเงิน 107.24 ล้าน ให้พาณิชย์เบิกจ่ายสำหรับโครงการติดตั้งเครื่องมือวัดปริมาณน้ำมันปาล์ม และให้เสนอ กกต. เห็นชอบก่อน นอกจากนี้ยังอนุมัติงบกลางให้ กกต. 19.96 ล้าน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของ 2 หน่วยงานในการควบคุมและจัดการเลือกตั้ง และอีก 17.38 ล้าน ให้ กสม. สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายบุคลากร

5 ก.ค.2566 เว็บไซต์สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล รายงานว่า ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่  5 ก.ค. 66 ได้รับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ได้เห็นชอบตาม ครม. ได้อนุมัติในหลักการให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลังใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงินทั้งสิ้น 200.6 ล้านบาท  เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับชดเชยการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนในการชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนแบบสามัญและเฉพาะเจาะจงของกลุ่มธนาคารโลก ปี 2561
 
สำหรับการพิจารณาของ กกต. นี้สืบเนื่องจากที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 66 ได้อนุมัติหลักการให้ สศค. ใช้จ่ายงบกลางเพื่อวัตถุประสงค์และวงเงินข้างต้น และต้องดำเนินการเพื่อให้ได้รับความเห็นชอบจาก กกต. ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตรา 169(3) จึงจะสามารถใช้จ่ายงบประมาณได้

ไตรศุลี กล่าวว่า การดำเนินการซื้อหุ้นเพิ่มทุนในกลุ่มธนาคารโลกของประเทศไทย เป็นไปตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 61 ที่ได้เห็นชอบให้กระทรวงการคลังซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบสามัญและแบบเฉพาะเจาะจงของธนาคารในกลุ่มธนาคารโลก 2 แห่ง (จากทั้งหมด 5 แห่ง) ได้แก่ ธนาคารระหว่างประเทศเพื่อการบูรรณะและวิวัฒนาการ (International Bank for Reconstruction :IBRD) และบรรษัทการเงินระหว่างประเทศ (International Finance Corporation :IFC) รวมวงเงิน  78 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2,652 ล้านบาท  ซึ่งผลการเพิ่มทุนดังกล่าวจะส่งผลให้ประเทศไทยมีอำนาจการออกเสียงใน IBRD เพิ่มเป็นร้อยละ 0.5 จากเดิม ร้อยละ 0.49  และใน IFC เพิ่มเป็นร้อยละ 0.52 จากเดิมร้อยละ 0.46
 
โดยระหว่างมีงบประมาณ 63-65  กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนของ IBRD และ IFC มาแล้ว 3 ครั้งรวมทั้งสิ้น 54.64 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมียอดคงเหลือที่ต้องชำระในปีงบประมาณ 66 เป็นงวดสุดท้ายจำนวน 23.35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
 
อย่างไรก็ตาม ณ วันที่ชำระค่าหุ้นจริงในปีงบประมาณ 63-65 ค่าเงินบาทได้อ่อนค่ากว่าที่สำนักงบประมาณได้ประมาณการไว้  ทำให้เกิดการชำระค่าหุ้นน้อยกว่าแผน ดังนั้นในปีงบประมาณ 66 จึงคาดว่าตามงบประมาณที่ได้รับจัดสรรไว้กระทรวงการคลังจะชำระเงินค่าหุ้นได้ 17.33 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ยังขาดอีก 6.02 ล้านดอลลาร์ หรือ ประมาณ 200.6 ล้านบาท กระทรวงการคลังจึงจำเป็นต้องขอรับการจัดสรรเงินงบประมาณเพิ่มเติมตามวงเงินตามที่ได้รับอนุมัติในครั้งนี้

อนุมัติงบกลางวงเงิน 107.24 ล้าน ให้พาณิชย์เบิกจ่ายสำหรับโครงการติดตั้งเครื่องมือวัดปริมาณน้ำมันปาล์ม และให้เสนอ กกต. เห็นชอบก่อน

รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ยังระบุว่า ครม.  อนุมัติงบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นสำหรับเบิกจ่ายโครงการติดตั้งเครื่องมือวัดปริมาณน้ำมันปาล์ม เพื่อบริหารจัดการและควบคุมสต๊อกน้ำมันปาล์ม งวดที่3 และงวดสุดท้าย จำนวนเงินรวม 107.24 ล้านบาท และให้ดำเนินการเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาต่อไป
 
สำหรับโครงการติดตั้งเครื่องมือวัดปริมาณน้ำมันปาล์มฯ เคยได้รับอนุมัติจาก ครม. เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 63 และ 14 ก.ค. 63 ให้กระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าภายในเป็นผู้ดำเนินโครงการภายในกรอบงบประมาณ 372.52 ล้านบาท เพื่อให้สามารถนำข้อมูลปริมาณน้ำมันปาล์มดิบไปใช้ในการกำกับดูแลและบริหารจัดการสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบได้รวดเร็ว ทันสถานการณ์ สามารถรักษาสมดุลและพยุงราคาผลปาล์มน้ำมันภายในประเทศให้มีเสถียรภาพมากขึ้น

ไตรศุลี กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินการขอรับจัดสรรงบจากสำนักงบประมาณเพื่อจ่ายค่าจ้างตามสัญญาจ้างแก่ผู้รับจ้างตามงวดงานแล้ว 2 งวด  ยังเหลืองวดที่3 จำนวน 69.71 ล้านบาท และงวดสุดท้าย 37.53 ล้านบาท รวม 107.24 ล้านบาทซึ่งไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ทัน ทำให้วงเงินที่เคยได้รับอนุมัติไว้ถูกพับไปโดยกฎหมาย ดังนั้นกระทรวงพาณิชย์จึงมีความจำเป็นต้องขอรับจัดสรรงบประมาณเพื่อชดเชยงบประมาณดังกล่าว

โดยในเรื่องนี้กระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า หากไม่มีเงินรองรับการเลิกจ่ายงวดงานตามสัญญาจ้างอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการได้  ดังนั้น ภายหลังได้รับอนุมัติจาก ครม. แล้วจึงให้ดำเนินการตามมาตรา169(3) และเมื่อ กกต. ให้ความเห็นชอบแล้ว สำนักงบประมาณจึงจะจัดสรรงบประมาณตามโครงการการต่อไป

อนุมัติงบกลางให้ กกต. 19.96 ล้านบาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของ 2 หน่วยงานในการควบคุมและจัดการเลือกตั้ง และอีก 17.38 ล้านบาท ให้ กสม. สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายบุคลากร

ครม. ยังได้เห็นชอบการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เสนอ เพื่อใช้จ่ายในการควบคุมการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไป (เพิ่มเติม) รวมทั้งสิ้น 19.96 ล้านบาท ของหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจที่ร่วมดำเนินการ 2 หน่วยงาน  ได้แก่  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 10.50 ล้านบาท และ บริษัทโทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) จำนวน 9.45 ล้านบาท
 
พร้อมกันนี้ ครม. ได้อนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลางฯ วงเงิน 17.38 ล้านบาท ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (สำนักงาน กสม.) ขอรับการจัดสรร เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายบุคลากรภาครัฐของสำนักงาน กสม.  เนื่องจากปีงบประมาณ 2566 สำนักงาน กสม. ได้เสนอคำของบประมาณรายจ่ายตามแผนงานบุคลากรภาครัฐ 204.67 ล้านบาท และได้รับการจัดสรร 151.74 ล้านบาท  แยกเป็นค่าใช้จ่ายบุคลากร 149.94 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายดำเนินงาน 1.8 ล้านบาท ซึ่งไม่เพียงพอไปจนสิ้นปีงบประมาณ 2566 จึงมีความจำเป็นต้องเสนอให้ ครม. พิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลางฯ เพิ่มในวงเงิน 17.38 ล้านบาท แยกเป็น ค่าใช้จ่ายบุคลากร 16.69 ล้านบาท และ ค่าใช้จ่ายดำเนินงาน 6.82 แสนบาท
 
ทั้งนี้ หลังจากได้รับอนุมัติจาก ครม. แล้วหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง 2 กรณีที่ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลางฯ  ในครั้งนี้ จะต้องให้ดำเนินการตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญมาตรา 169(3) และเมื่อ กกต.ให้ความเห็นชอบแล้วสำนักงบประมาณจึงจะสามารถจัดสรรงบประมาณให้ได้ต่อไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net