Skip to main content
sharethis

พรรคชาติไทยพัฒนา ลั่นลงเรือลำเดียวกันแล้ว 22 ส.ค.นี้ พร้อมโหวตเลือกนายกแคนดิเดตจากเพื่อไทย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุไม่เกิน 21 ส.ค.นี้ ชัดรูปร่าง ครม. ก่อนแถลงร่วมกัน เชื่อพรรคร่วมรัฐบาลเยอะไม่เป็นปัญหา - เลขาธิการ รทสช. โพสต์เหตุผลร่วมรัฐบาลเพื่อไทย พยายามตัดสินใจบนทุกความเป็นไปได้แล้ว ขอโอกาสถอยความรู้สึกขัดแย้งส่วนตัว ยุติสงครามสีเสื้อ ให้ประเทศเดินหน้าต่อได้

19 ส.ค. 2566 ที่วัดปราสาททอง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นประธานพิธีบำเพ็ญกุศล 91 ปี ชาตกาลนายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 21 โดยมี น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค นายประภัตร โพธสุธน สส.สุพรรณบุรี และเลขาธิการพรรค นายอนุชา สะสมทรัพย์ สส.นครปฐม นายธีระ วงศ์สมุทร ที่ปรึกษาพรรค นายอนุรักษ์ จุรีมาศ สส.ร้อยเอ็ด นายนิกร จำนง ผอ.พรรค นายสรชัด สุจิตต์ สส.สุพรรณบุรี นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ สส.สุพรรณบุรี นายเสมอกัน เที่ยงธรรม สส.สุพรรณบุรี และโฆษกพรรค นายกนก วงษ์ตระหง่าน นายสันติ กีระนันทน์ นายยุทธพล อังกินันทน์ นายสัมพันธ์ แป้นพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค นายอุดม โปร่งฟ้า กรรมการบริหารพรรค น.ส.อรุณี ปริศนานันทกุล กรรมการด้านวิชาการ พรรค ชทพ. และนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีต รมว.ศึกษาธิการ นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย

น.ส.กัญจนา กล่าวว่า หากวันนี้นายบรรหารยังอยู่มีอายุครบ 91 ปี เราได้มาสืบสานงานนายบรรหารด้วยการมอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ หลายโรงเรียนใน จ.สุพรรณบุรี

นายวราวุธ กล่าวว่า คนที่เคยทำงานกับนายบรรหารมาปีหนึ่งจะมาทำบุญเพื่อรำลึกถึงนายบรรหาร นึกถึงสิ่งดีๆ ที่นายบรรหารได้ฝากไว้กับแผ่นดินไทยและชาว จ.สุพรรณบุรี โดยเฉพาะเรื่องรัฐธรรมนูญปี 40 ถือเป็นมรดกชิ้นสำคัญที่นายบรรหารได้ให้ไว้กับการเมืองไทย และเชื่อว่าแบบอย่างหนึ่งในแกนที่จะร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมา โดยรับฟังเสียงของประชาชน เพื่อให้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนอย่างแท้จริง

เมื่อถามว่าได้คุยกับพรรคเพื่อไทยแล้วใช่หรือไม่ว่าเมื่อตั้งคณะรัฐมนตรีได้ให้เริ่มแก้รัฐธรรมนูญ นายวราวุธ กล่าวว่า ให้เกียรติทางพรรคเพื่อไทยในการดำเนินการว่าจะทำในลักษณะอย่างไร เมื่อครั้งหาเสียงเลือกตั้งทุกพรรคการเมืองได้พูดทำนองเดียวกันในแนวทางที่จะดำเนินการแก้ไข

ผู้สื่อข่าวถามถึงท่าทีของพรรคชาติไทยพัฒนาในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี นายวราวุธ กล่าวว่า การโหวตถือเป็นเอกสิทธิ์ของ สส. ไม่สามารถเป็นมติพรรคได้ จากการที่ได้พูดคุยกับพรรคเพื่อไทยในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาที่เราเห็นพ้องต้องกันว่าทำงานร่วมกัน พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง จะสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ขณะนี้มีความมั่นใจว่าเสียงสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคนั้นเพียงพอตามที่พรรคเพื่อไทยได้ให้ข่าวไว้ จับมือกันแล้ว ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ต้องไปในทางที่เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน

เมื่อถามถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ ซึ่งตรงกับวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีพอดี มองอย่างไร นายวราวุธ กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องส่วนตัวของนายทักษิณ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 22 สิงหาคมนั้น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็มีภารกิจที่สำคัญ

ผู้สื่อข่าวถามว่าจนถึงขณะนี้หลายฝ่ายยังติดใจในคุณสมบัติของนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนาเห็นอย่างไร นายวราวุธ กล่าวว่า แน่นอนว่าคนเราทุกคนมีด้านบวกและด้านด้อย แต่คิดว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่ มีบุคลากรที่มีศักยภาพมากมาย กว่าจะได้แคนดิเดตมานั้นเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยคัดสรร คัดเลือกมาแล้ว ดังนั้น พรรคร่วมให้เกียรติพรรคใหญ่ในการที่เสนอชื่อ และเราจะสนับสนุน

ผู้สื่อข่าวถามว่าสำหรับโผ ครม. ล่าสุด ดูเหมือนชาติไทยพัฒนาได้ดูแลกระทรวงเดิม นายวราวุธ กล่าวว่า นั่นก็เป็นโผ แต่เรายังไม่ได้มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้

'เพื่อไทย' เชื่อพรรคร่วมรัฐบาลเยอะไม่เป็นปัญหา

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลและการหารือตำแหน่งคณะรัฐมนตรีว่า ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดวันที่แน่นอนว่าจะมีการพูดคุยกันเมื่อไร แต่อย่างช้าไม่เกินวันจันทร์ที่ 21 ส.ค. นี้ และจะต้องมีการแถลงข่าวร่วมกัน ซึ่งสัดส่วนจะอยู่ที่จำนวน สส. 9 คนต่อ 1 เก้าอี้รัฐมนตรี การพูดคุยกันในรายละเอียดโดยรวมการตกลงเป็นไปได้ด้วยดี เชื่อว่าไม่เกิดแรงกระเพื่อม

ส่วนที่หลายคนมองว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยมีพรรคร่วมรัฐบาลจำนวนมากจะก่อให้เกิดปัญหาหรือไม่ นายประเสริฐ มั่นใจว่าไม่เป็นปัญหา เพราะเป็นไปตามสัดส่วนจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

'ภูมิธรรม' ยังมั่นใจ 'เพื่อไทย' ได้ 375 เสียง โหวตนายกฯ ไม่มีปัญหา

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความระบุว่าจะเดินทางไปรับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่สนามบินดอนเมือง ในวันที่ 22 สิงหาคม เวลา 09.00 น. ว่าเป็นเรื่องของครอบครัว ให้ครอบครัวเขาตัดสินใจ ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทยเลย เรื่องนี้ควรไปถาม น.ส.แพทองธาร

ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาล นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการ ไม่น่ามีปัญหาอะไร ยังมั่นใจมาตลอดว่าจะได้เสียงโหวตถึง 375 เสียง ไม่มีอะไรไขว้เขว

เมื่อถามถึงกระแสข่าวโผเก้าอี้รัฐมนตรีที่ปรากฏบนโซเชียลมีเดีย นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ทราบเลย เป็นข่าวโคมลอย ไม่มีอะไรหลุด ตอนนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้า

เมื่อถามว่ามีการเทียบเชิญพรรคพลังประชารัฐ ร่วมรัฐบาลแล้วหรือยัง นายภูมิธรรม กล่าวว่า คุยกันมาต่อเนื่องอย่างที่ตนได้เคยรายงานไป

'นพดล' มั่นใจโหวต 'เศรษฐา' ราบรื่น ไร้ข้อกังขาเรื่องจริยธรรม

นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการโหวตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 22 ส.ค. นี้ ว่าเชื่อและหวังว่านายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย จะได้เสียงสนับสนุนเกิน 375 เสียง เนื่องจากการรวบรวมเสียงของ สส. ได้จำนวนเกิน 300 เสียง และเชื่อว่าจะมีเสียงจาก สว. เติมให้จนถึงเกณท์ที่กำหนดโดยรัฐธรรมนูญ เนื่องจากประชาชนต้องการให้มีรัฐบาลใหม่เข้าทำงานแก้ปัญหาและขับเคลื่อนประเทศโดยเร็ว

ส่วนข้อกล่าวหาของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่กล่าวหานายเศรษฐา เรื่องที่ดิน 2 แปลง คือ ที่ดินแปลงถนนสารสิน และที่ดินแปลงซอยทองหล่อ จะกระทบการโหวตในสภาฯ หรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า คำชี้แจงของแสนสิริและนายเศรษฐา ประกอบกับข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ แสดงให้เห็นว่าข้อกล่าวหาของนายชูวิทย์ไม่มีมูล เลื่อนลอย และสามารถชี้แจงได้ทุกประเด็น คนกล่าวหาเสนอเรื่องให้ดูซับซ้อน เหมือนมีอะไรไม่ชอบมาพากล แต่จริงๆ แล้วไม่มีอะไรในกอไผ่ ที่ดินแปลงถนนสารสินเป็นเรื่องการวางแผนภาษีตามกฎหมายของฝ่ายผู้ขายที่เกิดขึ้นหลายเดือน ก่อนโอนที่ดินให้แสนสิริซึ่งเป็นฝ่ายผู้ซื้อ และแสนสิริไม่ได้เกี่ยวข้องในการดำเนินการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ที่ดินของฝ่ายผู้ขาย แล้วจะมาเกี่ยวกับนายเศรษฐาตรงไหน ส่วนที่ดินแปลงซอยทองหล่อนั้น แสนสิริซื้อที่ดินมาทำคอนโดฯ ในราคาตลาดที่เหมาะสม จากบริษัทผู้ขาย ส่วนผู้ถือหุ้นในบริษัทผู้ขายจะเป็นใคร มีอาชีพอะไร ไม่ใช่เรื่องของแสนสิริ และบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่นอมินีของแสนสิริซึ่งเป็นฝ่ายผู้ซื้อ จะเป็นไปได้อย่างไรที่ผู้ถือหุ้นในบริษัทผู้ขายจะเป็นนอมินีของแสนสิริซึ่งเป็นผู้ซื้อ ขัดสามัญสำนึกโดยแท้

“เชื่อว่าสมาชิกรัฐสภาที่จะเป็นผู้โหวตนายกฯ ในวันที่ 22 ส.ค. มีวุฒิภาวะและสามารถแยกแยะข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลและเลื่อนลอย กับความจริงได้ ตนเชื่อในวิจารณญาณของทุกท่าน และการลงมติในสภาฯ จะดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย เนื่องจากนายเศรษฐาไร้ข้อกังขาเรื่องจริยธรรม” นายนพดล ระบุ

เลขาธิการ รทสช. โพสต์เหตุผลร่วมรัฐบาลเพื่อไทย พยายามตัดสินใจบนทุกความเป็นไปได้แล้ว

เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ (ขิง) ระบุ "รวมไทยสร้างชาติ" ตัดสินใจไม่ง่าย เข้าร่วม "รัฐบาลเพื่อไทย" รับไม่สามารถลบอดีตที่เคยบาดหมางกับสมาชิกพรรคเพื่อไทยได้ แต่เมื่อประเทศมาถึงจุดเปลี่ยน จึงจำเป็นต้องจับมือร่วมกัน 

ถึงสมาชิกและผู้สนับสนุนพรรครวมไทยสร้างชาติทุกท่านครับ

ก่อนอื่น ผมขอขอบคุณทุกๆกำลังใจ ขอบคุณทุกๆความคิดเห็น ทุกเสียงสะท้อน ทั้งที่เข้าใจ คาใจ หรือกังวลใจ ผมขอน้อมรับฟัง ทุกคำติชม คำแนะนำ หรือแม้แต่การระบายออก จากใจของทุกท่านครับ

ยอมรับว่าการตัดสินใจที่จะร่วมทำงานเป็นรัฐบาล เป็นการตัดสินใจที่ไม่ง่ายเลยครับ

ด้วยผลเลือกตั้งที่ออกมา พรรคฯมีจำนวน ส.ส.ในสภา 36 ที่นั่ง ต้องคิดไตร่ตรองช่างน้ำหนักผลลัพธ์ของทางเลือกต่างๆ อย่างละเอียด เพื่อตัดสินใจเลือกทางที่ดีที่สุด "บนความเป็นไปได้"

วันนี้ประเทศไทยเดินมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ ความพยายามที่จะเคลื่อนไหวแก้กฏหมายอาญามาตรา 112 ถึงขั้นนำมาบรรจุเป็นวาระสำคัญของพรรคการเมืองใหญ่ในสภา ถือเป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นในการเมืองไทย หากไม่ระงับยับยั้ง จะบานปลายเป็นชนวนไปสู้ความขัดแย้งระลอกใหม่ในสังคมไทย

การแก้ไขปัญหาของประชาชนนั้นรอไม่ได้ และการเดินหน้าทำงานร่วมกันเป็นรัฐบาล ก็มีเงื่อนไขอยู่บนหลักการที่พรรคฯ ยึดมั่น เป็นไปตามแนวทางที่เคยได้ประกาศไว้

จุดยืนเรื่อง ม.112 ถือเป็นเงื่อนไขสำคัญ และเมื่อพรรคเพื่อไทยได้ประกาศชัดว่าจะไม่แก้ ม.112 และจะไม่ร่วมกับพรรคที่ประกาศแก้ ม.112 เป็นอันขาด ก็ต้องนับว่าพรรคเพื่อไทยเป็นแนวร่วมสำคัญ ที่จะต้องรวมกันปักหลัก สู้กันต่อไปในเรื่องนี้

ส่วนเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ สำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติ จะต้องไม่แตะ หมวด 1 หมวด 2 ส่วนการแก้ไขในประเด็นอื่นๆนั้น ไม่ได้มีข้อตกลงที่ผูกมัดว่าเราจะต้องร่วมด้วย การแก้ไขรายมาตรายังเป็นเอกสิทธิของเรา ซึ่งจะร่วมมือแก้ก็เฉพาะส่วนที่ไม่สร้างปัญหาและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมเท่านั้น

และหากมีการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ยังไงก็หนีไม่พ้นการทำประชามติ ที่จะต้องถามความเห็นคนไทยทั้งประเทศ ไม่เกี่ยวกับการร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาล

ส่วนเรื่องตำแหน่งหรือโควต้ารัฐมนตรีนั้น ไม่มีความสำคัญเท่ากับหลักการที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้ครับ

โดยเฉพาะตัวผมเอง ที่ได้ประกาศชัดเจนไปแล้วว่า ติดคดี ซึ่งอาจจะทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี ถึงแม้ไม่มีบรรทัดฐานในเรื่องนี้ แต่ก็ขอไม่รับตำแหน่งเพื่อให้ไม่ต้องมีปัญหาในการตีความ ให้รัฐบาลใหม่ได้เดินหน้าทันที

มองอีกมุม รทสช.จะเป็นหลักประกันให้รัฐบาลเดินหน้าทำงานเพื่อส่วนรวมอย่างสุจริตโปร่งใส ไม่แก้กฏหมายอาญามาตรา 112 ไม่แก้รัฐธรรมนูญในหมวด 1 หมวด 2 และในส่วนที่ดีอยู่แล้ว

ทั้งหมดนี้ คงหนีไม่พ้นประเด็นปัญหาระหว่างคนในพรรคเพื่อไทยและตัวผมเองในอดีต ซึ่งผมไม่สามารถไปลบอดีต หรือลืมประวัติศาสตร์ได้ แต่ก็มีสิทธิที่จะ "เลือก"

ผมขอเลือกที่จะให้โอกาส เลือกที่จะถอยความรู้สึกขัดแย้งส่วนตัว เพื่อให้การรวมกันถือเป็นสัญญาณการยุติสงครามระหว่างสีเสื้อ เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าด้วยความปรองดองสมานฉันท์ ตามปณิธานของพรรค “รวมไทย”สร้างชาติครับ
#พรรครวมไทยสร้างชาติ #รวมไทยสร้างชาติ #เลขาขิง #จัดตั้งรัฐบาล

 

ที่มาเรียบเรียงจาก: สำนักข่าวไทย [1] [2] [3] | Thai PBS


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net