- สืบเนื่องจากเมื่อ 31 ส.ค. 2566 เป็นวันสืบพยานนัดสุดท้ายคดี ‘บิลลี่’ พอละจี รักจงเจริญ นักรณรงค์เพื่อสิทธิชาวกะเหรี่ยง ปกาเกอะญา บางกลอย-ใจแผ่นดิน ซึ่งถูกบังคับสูญหาย เมื่อ 9 ปีที่แล้ว
- ล่าสุด มูลนิธิผสานวัฒนธรรม แจ้งว่า วันที่ 28 ก.ย. 2566 จะมีการอ่านคำพิพากษาในคดีดังกล่าว จึงเชิญชวนให้ประชาชนช่วยกันจับตากระบวนการยุติธรรมอย่างใกล้ชิด และหว้งว่าครอบครัวผู้เสียชีวิตจะได้รับความยุติธรรมในเร็ววันนี้
31 ส.ค. 2566 มูลนิธิผสานวัฒนธรรม รายงานวันนี้ (31 ส.ค.) ระบุว่า ตอนนี้การสืบพยานคดีอุ้มฆ่า ‘บิลลี่’ พอละจี รักจงเจริญ นักรณรงค์สิทธิชาติพันธุ์ชาวบางกลอย ทั้งหมด 10 นัด ตั้งแต่ 22 เม.ย. 2566 จนถึง 30-31 ส.ค. 2566 ณ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้มีการสืบโจทก์ทั้งสิ้น 22 ปาก และสืบพยานจำเลยทั้ง 4 ปาก ทั้งหมดใช้ระยะเวลารวม 4 เดือนในการไต่สวน พยานที่จำเลยอ้างเพิ่มเติมอีก 3 ปากในวันนัดครั้งสุดท้ายนี้ ทนายจำเลยทั้ง 4 แถลงต่อศาลหมดพยานที่จะนำเข้าสืบ ศาลจึงกำหนดนัดฟังคำพิพากษา ในวันที่ 28 ก.ย. 2566 เวลา 09.30 น. ณ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ห้อง 303
นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ระบุด้วยว่า คดีนี้มีองค์กรระหว่างประเทศให้ความสนใจ อาทิ สถานทูตอังกฤษ และสวีเดน สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หรือ UNOHCR คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (International Commission of Jurists หรือ ICJ) ตัวแทนสภาชนเผ่าพื้นเมือง เครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิงแวดล้อมเขตแดนตะนาวศรี ตัวแทนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการทำให้บุคคลสูญหาย เจ้าหน้าที่สื่อมวลชนต่างๆ รวมถึงประชาชนที่สนใจ และกลุ่มชาวบ้านบ้านโป่งลึก-บางกลอยที่เดินทางเข้าร่วมรับฟังอย่างใกล้ชิด อีกทั้ง ‘มึนอ’ พิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยาซึ่งเป็นผู้แทนของโจทก์ร่วมทั้งสองก็ได้เข้าร่วมการสืบพยานทุกครั้ง
คดีนี้สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2557 พอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ นักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง "บางกลอย-ใจแผ่นดิน" ได้ถูกจับกุมและถูกควบคุมตัวไปโดยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ในขณะนั้น กับพวก หลังจากนั้นไม่มีใครทราบชะตากรรมของบิลลี่อีกเลย จนกระทั่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และอัยการ ได้ร่วมกันติดตามสอบสวนคดีดังกล่าวจนได้พยานหลักฐานเพิ่มเติมอันควรเชื่อได้ว่ากลุ่มเจ้าหน้าที่อุทยาน ฯ ที่จับกุมบิลลี่ไปนั้นได้ร่วมกันกระทำผิดต่อบิลลี่ ในคดีร่วมกันฆาตกรรมอำพรางโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
โดยนัดสืบพยาน 3 นัดสุดท้าย เมื่อวันที่ 28, 30-31 สิงหาคม ที่ผ่านมานี้ ทนายจำเลยทั้งสี่ได้นำพยานเข้าสืบในประเด็นดังต่อไปนี้ จำเลยทั้งสี่ให้การอ้างว่าในวันเกิดเหตุได้ปล่อยตัวบิลลี่ ไปแล้ว และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของบิลลี่
นอกจากนี้ การสืบพยานจำเลยทั้ง 4 คนแล้ว ยังมีการเบิกตัว อดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในประเด็นเรื่องของการพิสูจน์หลักฐาน และการตรวจ DNA อดีตรองอธิบดีกรมอุทยานฯ และต่อมาปฏิบัติหน้าที่ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ปัจจุบันเกษียณราชการเบิกความยืนยันเรื่องการปฎิบัติหน้าที่ยุทธการตะนาวศรีว่ากระทำไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่รู้เรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชุมชนกะเหรี่ยงที่เกิดขึ้น และพยานปากสุดท้าย เป็นช่างปูนปั้นยืนยันเรื่องการพบเห็นของจำเลยที่ 1 ที่ไร่ชัยราชพฤกษ์ในวันเกิดเหตุ
เนื่องด้วยในวันที่ 28 ก.ย.นี้ จะเป็นวันนัดฟังคำพิพากษา ทางมูลนิธิฯ จึงอยากเชิญชวนประชาชน และสื่อมวลชน จับตาการอ่านคำพิพากษาอย่างใกล้ชิด โดยหวังว่า กระบวนการยุติธรรมจะอำนวยความยุติธรรมให้แก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิต และชุมชนกะเหรี่ยง ปกาเกอะญา บางกลอยใจแผ่นดิน
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ขอเชิญชวนสื่อมวลชนและผู้สนใจร่วมติดตามอย่างใกล้ชิดและเข้าร่วมฟังคำพิพากษาคดีบิลลี่ที่ยืดเยื้อมานานเกือบสิบปีตามวันและเวลาที่ระบุไว้ข้างต้น เพื่อให้มั่นใจว่ากระบวนการยุติธรรมจะอำนวยความยุติธรรมให้แก่ครอบครัวของนายบิลลี่ และชุมชนกะเหรี่ยงบางกลอย-ใจแผ่นดินอย่างเต็มที่และเป็นธรรม นำเจ้าหน้าที่ที่กระทำผิดมารับโทษตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด ทั้งยุติวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดได้อย่างเป็นจริง