Skip to main content
sharethis

“พี่สาววันเฉลิม” ถูกตำรวจสกัดไม่เข้าใกล้ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” เจ้าตัวหวังขอเข้าพบ “ฮุนเซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชาถามความคืบหน้าคดีอุ้มหาย “วันเฉลิม” ที่กัมพูชา พี่สาววันเฉลิมระบุ เจ้าหน้าตำรวจมีการตะโกนว่า “จับเลย เจอตัวแล้ว” เมื่อพบตนเอง ด้าน “บิ๊กโจ๊ก” รุดเข้าเจรจา รับหนังสือร้องเรียนจากพี่สาววันเฉลิม

 

21 ก.พ. 2567 เวลาประมาณ 10:00 น. สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาว “วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์” ผู้ลี้ภัยที่ถูกอุ้มหายในกัมพูชาเมื่อปี 2563 พยายามเดินทางไปที่หน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า เนื่องจากฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาเดินทางมาเยี่ยมทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

สิตานันถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดรถ ขณะกำลังเดินทางเข้าไปที่บ้านจันทร์ส่องหล้า และได้พักทำกิจกรรมที่หน้าธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาถนนสิรินธร โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบกว่า 50 นาย เฝ้าสถานการณ์

สิตานันกล่าวว่า ตนเองเดินทางมาในวันนี้เพื่อมาทวงถามความเป็นไปและความจริงเกี่ยวกับการหายตัวไปของวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อปี 2563 ที่ประเทศกัมพูชา และยังเคยได้กล่าวว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของทักษิณและฮุนเซน เนื่องจากวันเฉลิมเคยทำงานให้กับพรรคเพื่อไทยมาก่อน

สิตานันท์กล่าวด้วยว่า ขณะที่ตนกำลังขับรถมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหลายนายมาล้อมรถของตนไว้พร้อมถามว่าจะเดินทางไปไหน ตนจึงบอกว่าจะไปที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เจ้าหน้าที่อีกนายหนึ่งจึงตะโกนว่า “จับเลย เจอตัวแล้ว” ตนจึงตกใจและรีบขับรถออกมา จึงลือกมาปักหลักที่บริเวณด้านหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสิรินธร ซึ่งเป็นสถานที่ที่คนพลุกพล่าน

ต่อมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางมาพบสิตานัน ยืนยันว่าไม่มีการสั่งการให้เจอตัวแล้วจับเลย และพยายามสอบถามว่าสิตานันท์จะเดินทางไปทำอะไรที่บ้านจันทร์ส่องหล้า

สิตานัน จึงได้ยื่นหนังสือ ต่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เพื่อขอให้มีการติดตามทวงถามกรณีวันเฉลิม หลังจากที่ทางการกัมพูชายื่นรายงานต่อที่ประชุมสหประชาชาติว่า การหายตัวไปของวันเฉลิมนั้นเกิดขึ้นในกัมพูชาจริง แต่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐของกัมพูชา รวมถึงร้องเรียนการคุกคามของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อตัวสิตานันด้วย

พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรร ระบุว่า ผู้ที่ถูกอุ้มหายหลายราย มีชะตากรรมไม่ต่างกับวันเฉลิม ซึ่งทางประเทศกัมพูชาต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนให้ได้ความจริง เพราะกัมพูชาเป็นประเทศในอนุสัญญากับสหประชาชาติ ดังนั้นเป็นหน้าที่ของรัฐไทยโดยเช่นเดียวกันที่จะต้องไปสะกิดอดีตนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลรับผิดชอบเรื่องการสืบสวนสอบสวนในฝั่งกัมพูชา เพราะพวกเขามีข้อมูลเพียงพอในรูปคดีดังกล่าว เราจึงเรียกร้องให้รัฐทำหน้าที่ของตัวเองเพื่อคืนความยุติธรรมให้กับครอบครัวและผู้ที่ถูกบังคับสูญหาย

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net