พี่สาวของวันเฉลิม ยื่นหนังสือถึง กมธ.การกฎหมายฯ ช่วยรวบรวมพยานหลักฐานและสอบสวนกรณี วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ลี้ภัยทางการเมือง ถูกบังคับสูญหายที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา หลังไร้ความคืบหน้ามากว่า 3 ปี 

26 ม.ค. 2567 เพจเฟซบุ๊ก "มูลนิธิผสานวัฒนธรรม" รายงานว่า เมื่อ 24 ม.ค. 2567 สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ยื่นหนังสือถึง ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ รองประธานกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้มีการรวบรวมข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานทั้งในประเทศและต่างประเทศ กรณีบังคับสูญหาย วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ลี้ภัยทางการเมือง ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา 

สิตานัน กล่าวว่า นับตั้งแต่วันที่วันเฉลิม ถูกบังคับสูญหายมา 3 ปีแล้ว แต่หน่วยงานของรัฐไทยไม่มีการแจ้งความคืบหน้า นอกจากนี้ ประเทศไทยได้ประกาศให้มีการใช้ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและบังคับให้สูญหาย พ.ศ. 2565 แล้ว ตนก็ได้ไปยื่นเรื่องร้องเรียนให้ติดตามการหายตัวไปของวันเฉลิม แต่ก็ยังไม่ทราบความคืบหน้าในการติดตามสืบสวนสอบสวนเรื่องดังกล่าว  เธอจึงมายื่นหนังสือ เพื่อขอให้เรียกพยานหลักฐาน และพยานบุคคลทั้งในรัฐไทยและกัมพูชามาให้ข้อเท็จจริง และให้ญาติและครอบครัวได้ทราบถึงชะตากรรมของวันเฉลิม

คดีนี้สืบเนื่องจากกรณี เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2563 วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ลี้ภัยทางการเมืองถูกลักพาตัวขึ้นรถตู้สีดำที่บริเวณแม่โขง การ์เดน คอนโดมิเนียม กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ซึ่งก่อนการถูกบังคับให้สูญหาย วันเฉลิมเป็นนักกิจกรรมทางการเมืองในประเทศไทย ได้ลี้ภัยไปอาศัยอยู่ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา หลังการรัฐประหารโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอซา และพวก (คสช.) ในปี 2557 ต่อมา ครอบครัวของวันเฉลิม ในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากมารดาของวันเฉลิม ได้ออกมาต่อสู้เรียกร้องและยื่นหนังสือต่อหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องและมีหน้าที่ และอำนาจในการสืบสวนสอบสวนเกี่ยวกับเหตุการณ์การบังคับให้สูญหายดังกล่าว อาทิ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) อัยการสูงสูด ศูนย์ป้องกันการทรมานและบังคับบุคคลให้สูญหาย กระทรวงการต่างประเทศ และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นต้น