รายงานพิเศษจากสื่อ The Conversation ชี้ปี 2024 ถือเป็นปีที่เลวร้ายสำหรับแวดวงสื่อมวลชนในสหรัฐอเมริกา เกิดวิกฤตการเลิกจ้างงานภาคสื่อมวลชนจำนวนมาก หวั่นอาชีพสื่อมวลชนหมดความสำคัญ-ผู้คนไม่ได้รับข้อมูลที่รอบด้าน
ภาพโดย Engin Akyurt จาก Pixabay
ปี 2024 ถือเป็นปีที่เลวร้ายสำหรับแวดวงสื่อมวลชนในสหรัฐอเมริกา มีการเลิกจ้างพนักงานที่ Los Angeles Times, Time magazine, NBC News, Forbes, National Geographic, Business Insider และ Sports Illustrated นอกจากนี้ยังมีการตัดลดงานในห้องข่าวทั่วสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต
จำนวนผู้สื่อข่าวและบรรณาธิการที่เหนื่อยหน่ายจากการรอคอยสิ่งที่เลวร้ายที่จะเกิดขึ้น ก็กำลังทยอยออกจากอาชีพนี้ไปเป็นจำนวนมาก พวกเขาอ้างถึง 'ความเหนื่อยล้า' (burnout) เป็นเหตุผลในการลาออก
เมื่อผู้เชี่ยวชาญด้านวารสารศาสตร์ศึกษาผลกระทบของจำนวนผู้สื่อข่าวที่ลดลง พวกเขามักจะเน้นว่ามันทำร้ายสังคมพลเมืองอย่างไรบ้าง โดยบางพื้นที่ของประเทศเสี่ยงที่จะกลายเป็น "ทะเลทรายข่าว" (news deserts) ที่มีการเข้าถึงข่าวท้องถิ่นที่เชื่อถือได้น้อยลง สถานการณ์นี้ทำให้ผู้คนตัดสินใจด้วยการมีข้อมูลที่รอบด้านได้ยากขึ้น และมีส่วนร่วมทางการเมืองลดลง นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวที่น้อยลง ยังหมายถึงการตรวจสอบผู้มีอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจได้น้อยลงด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ผู้คนก็กำลังมองความสำคัญของอาชีพสื่อสารมวลชนน้อยลง ซึ่งหมายถึงคนรุ่นต่อ ๆ ไปอาจไม่อยากทำอาชีพนี้ สิ่งนี้สะท้อนถึงปัญหาที่ใหญ่ขึ้น นั่นคือวิธีที่แรงกดดันทางเศรษฐกิจอย่างไม่หยุดยั้งกำลังผลักดันผู้คนออกจากอาชีพที่มีความสำคัญต่อสังคม
มากกว่าเรื่องเงิน
ในฐานะอาชีพ งานด้านสื่อสารมวลชนเคยดึงดูดผู้คนจำนวนมาก เพราะเป็นงานที่ได้รับค่าตอบแทนที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อสังคม
ในแง่นี้ คล้ายกับงานอื่น ๆ ที่แตกต่างกันมาก เช่น พยาบาล การสอน งานสังคมสงเคราะห์ และการดูแลผู้สูงอายุ
งานเหล่านี้คือ “อาชีพที่มีความหมายและคุณค่าทางสังคม” ในความหมายที่นักสังคมวิทยา Max Weber อธิบายไว้เมื่อกว่าศตวรรษที่แล้ว
โดยอิงจากความมุ่งมั่นส่วนตัว อาชีพที่มีความหมายและคุณค่าทางสังคมเหล่านี้ ได้รับการยอมรับและความรู้สึกมีคุณค่าในตนเองจากการทำงานที่เชื่อมโยงกับคุณค่าที่กว้างขึ้น: การรักษาผู้คน ต่อสู้กับความอยุติธรรม ถ่ายทอดความรู้ และการรับใช้ระบบประชาธิปไตย
แม้ว่างานเหล่านี้จะไม่เคยมีค่าตอบแทนสูงเป็นพิเศษ แต่ผู้คนก็ยังสามารถเลี้ยงตัวเองและสร้างครอบครัวได้จากงานเหล่านี้ แต่ในปัจจุบันคนอาชีพเหล่านี้กลับลำบากลงเรื่อย ๆ
อาชีพที่มีความหมายและคุณค่าทางสังคมเหล่านี้ กำลังเผชิญปัญหาการขาดแคลนคนทำงานรวมถึงการรักษาคนทำงานเอาไว้ จนคำว่า “วิกฤต” ไม่ใช่การพูดเกินจริงอีกต่อไป
ความฝัน และความจริง
งานด้านสื่อมวลชน ในหลาย ๆ ด้านถือเป็นจุดศูนย์กลางของวิกฤตทางอาชีพในยุคปัจจุบัน
ประการแรก เงินเดือนในอุตสาหกรรมนี้คงที่
ด้วยค่าจ้างเฉลี่ยในปี 2023 ที่ 57,500 ดอลลาร์ฯ เงินเดือนของนักข่าวไม่ทันกับอัตราเงินเฟ้อ หรือเทียบเท่ากับงานในด้านประชาสัมพันธ์และการสื่อสารองค์กร
ความมั่นคงในการทำงานแทบไม่มีอยู่จริงตามการปลดพนักงานอย่างต่อเนื่อง ความพยายามจัดตั้งสหภาพแรงงานในองค์กรข่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็ช่วยหยุดยั้งการเลิอกจ้างทำได้น้อยมาก และแทบไม่ได้ช่วยนักข่าวฟรีแลนซ์ที่เริ่มมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในตำแหน่งนักข่าว – และส่วนใหญ่พวกเขาไม่ได้สังกัดสหภาพแรงงานใด ๆ เลย
ไม่ว่าจะในห้องข่าวหรือนอกห้องข่าว การทำงานมักยาวนานขึ้น และมีความต้องการปริมาณมากขึ้น
แล้วเพื่ออะไร? ในหลาย ๆ กรณี เป็นการทำงานที่ไม่ค่อยน่าสนใจ หรือไม่ค่อยมีคุณค่าทางสังคม
นักข่าวต่างแสดงความไม่พอใจกับความต้องการที่ไม่มีที่สิ้นสุด ในการผลิตเนื้อหาสำหรับเว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์ พวกเขากล่าวถึงการใช้สื่อมัลติมีเดียในการรายงานหัวข้อที่ได้รับมอบหมาย โดยเน้นที่ความสนุกสนานและบันเทิงมากกว่าการให้ข้อมูลหรือกระตุ้นความคิด พวกเขาบ่นว่าต้องใช้เวลามากขึ้นในการคัดกรองข่าวประชาสัมพันธ์ แทนที่จะรวบรวมข้อมูลจากภาคสนาม และพวกเขาอธิบายถึงโอกาสที่น้อยลงเรื่อย ๆ ในการติดตามข่าวที่น่าสนใจและมีคุณค่าต่อสังคม
ในบริบทนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายคนตัดสินใจลาออกจากงานด้านสื่อมวลชน หรือหลีกเลี่ยงอาชีพนี้ไปเลย งานในด้านประชาสัมพันธ์มีรายได้มากกว่า โดยมีค่าจ้างเฉลี่ยประจำปี 66,750 ดอลลาร์ฯ และมีชั่วโมงทำงานที่คงที่และมีความมั่นคงมากกว่า
แน่นอนว่าอาชีพทางเลือกเหล่านี้อาจไม่สัญญาถึงการผจญภัยและความตื่นเต้นแบบเดียวกับงานนักข่าว แต่ก็หมายความว่าคนทำงานในด้านประชาสัมพันธ์นั้นมีโอกาสน้อยที่จะรู้สึกหงุดหงิดจากความคาดหวังที่ไม่เป็นจริง
ที่น่าแปลกใจมากกว่า – และมีความเกี่ยวข้องกับการพิจารณาวิกฤตในอาชีพที่มากขึ้น – ก็คือความจริงที่ว่าผู้คนจำนวนมาก แม้จะมีเงื่อนไขเหล่านี้ แต่ก็ยังพบว่าอาชีพนักข่าวยังน่าสนใจ
ความสนใจนี้ไม่ได้ถือเป็นความคิดที่ไร้เดียงสา การสำรวจเป็นประจำแสดงให้เห็นว่านักข่าวที่ต้องการทราบดีถึงปัญหาที่อุตสาหกรรมเผชิญอยู่ แต่พวกเขาก็ยังเต็มใจที่จะสละเงินเดือนที่ดีกว่าและความมั่นคงในงาน เพื่อทำงานที่เปิดโอกาสให้แสดงออกและสร้างคุณค่าให้แก่สังคม
การลดทอนความเชื่อ
ภาพโดย BreakDownPictures จาก Pixabay
เช่นเดียวกับนักบวช ปัจจุบันยังมีผู้คนจำนวนมากที่ฝันอยากเป็นนักข่าว พยาบาล และครู
แต่ผู้คนที่ทำอาชีพเหล่านี้ กลับพบว่าตนเองเหนื่อยล้าและท้อแท้อยู่เสมอ
พยาบาลและผู้ดูแล ถูกรีดเค้นประสิทธิภาพในการให้บริการ เพื่อไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำกำไรของนายจ้าง ครูถูกกำหนดให้ถ่ายทอดทักษะที่เป็นประโยชน์แก่นักเรียน ในขณะที่ต้องกลายเป็นผู้ประกอบการมากขึ้น ส่วนนักข่าวถูกขอให้ผลิตข่าวที่สอดคล้องกับความคาดหวังของผู้ชม แทนที่จะท้าทายและตั้งคำถาม
เมื่อรวมกับค่าจ้างต่ำ เงื่อนไขเหล่านี้คุกคามที่จะลดความเชื่อว่างานดังกล่าวมีคุณค่า
นักข่าวหลายคนหาวิธีจัดการกับความผิดหวัง พวกเขาหลายคนปรับรูปแบบการทำงานใหม่ให้สอดคล้องกับความเป็นธุรกิจมากขึ้น
ความจริงที่ว่าผู้คนจำนวนมากยังคงอยู่ในอาชีพนี้ – อย่างน้อยก็ช่วงระยะเวลาหนึ่ง – แต่ก็ไม่ควรหันเหไปจากความคับข้องใจที่เกิดขึ้น
ในบางจุด แรงกดดันของกลไกตลาดอาจทำลายความสนใจในอาชีพเฉพาะทาง จนกระทั่งทำให้อาชีพเหล่านั้นอาจหายไปโดยสิ้นเชิง ที่จริงแล้ว อาชีพบางอย่างในปัจจุบันอาจได้รับการสนับสนุนจากภาพลักษณ์ในอุดมคติที่ปรากฏบนจอเงิน–ในภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ เช่น "Spotlight" และ "Dead Poets Society"–มากกว่าประสบการณ์จริงของนักข่าวและครูในปี 2024
ในขณะนี้–และในอนาคตอันใกล้–สิ่งที่จะเกิดขึ้น มีมากกว่าความน่าสนใจของอาชีพ แต่เป็นการดิ้นรนเพื่อให้ยังมีอาชีพเหล่านี้มากกว่า มันไม่ใช่เพียงแค่ความล้มเหลวของวิชาชีพที่ถูกครอบงำโดยระบบทุนนิยมเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงสังคมที่ไม่สามารถตอบสนองความปรารถนาขั้นพื้นฐานของพลเมือง ในการค้นหาความหมายผ่านงานที่พวกเขาทำ
![สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท](https://img.pct.fyi/uploads/big/50cd36632778858506956587c3cd91f7.png)
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)