Skip to main content
sharethis

เมื่อต้นเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ทางการรัสเซียมีการปล่อยตัวนักโทษการเมืองครั้งใหญ่จากรัสเซีย เพื่อแลกเปลี่ยนกับนักโทษจากรัสเซียที่ถูกคุมขังในชาติตะวันตก นี่เป็นการแลกเปลี่ยนนักโทษครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์หลังสงครามเย็น บางคนอยากเรียกมันว่าเป็น "การแลกเปลี่ยนนักโทษ อเล็กซี นาวาลนี" เพื่อสื่อถึงฝ่ายค้านที่เป็นคู่ปรับตลอดกาลของประธานาธิบดีปูติน ที่ได้เสียชีวิตขณะถูกคุมขังก่อนที่การเจรจาแลกเปลี่ยนนักโทษจะบรรลุ

โดยนักโทษที่ได้รับการปล่อยตัวจากรัสเซีย ได้แก่ อีวาน เกิร์ชโกวิช นักข่าวชาวอเมริกัน, พอล วีแลน อดีตทหารนาวิกโยธินสหรัฐฯ, วลาดิเมียร์ คารา-มูร์ซา นักกิจกรรมฝ่ายต่อต้านรัฐบาลชาวรัสเซีย-อังกฤษ และ อัลซู เคอมาเชวา นักข่าวชาวอเมริกัน-รัสเซีย

นอกจากนักโทษทั้ง 4 คนนี้แล้วยังมีการปล่อยตัวนักโทษอื่นๆ อีกสิบกว่าราย ทั้ง ผู้สื่อข่าว, ผู้ต่อต้านรัฐบาล และนักโทษการเมืองอื่นๆ ในรัสเซีย เพื่อแลกกับการปล่อยตัวนักโทษชาวรัสเซียที่ชาติตะวันตกคุมขังไว้ รวมถึงนักโทษในกรณีการฆาตกรรมและอาชญากรรมไซเบอร์ด้วย

แถลงการณ์ทำเนียบขาวระบุว่า "ข้อตกลงให้มีการปล่อยตัวพวกเขาเป็นอิสระนั้นมาจากความสำเร็จทางการทูต โดยทั้งหมดนั้นพวกเราได้เจรจาต่อรองเพื่อปล่อยตัวผู้คน 16 คนจากรัสเซีย ในจำนวนนี้มีชาวเยอรมัน 5 ราย และชาวรัสเซีย 7 รายผู้ที่เป็นนักโทษการเมืองในประเทศของพวกเขาเอง"

มีการแลกเปลี่ยนตัวนักโทษทั้งหมดรวมแล้ว 24 รายที่สนามบิน ในกรุงอังคารา ประเทศตุรกี โดยที่มีผู้นำตุรกีเป็นคนทำหน้าที่ตัวกลางในการแลกเปลี่ยนนักโทษซึ่งมาจากสหรัฐฯ, เยอรมนี, โปแลนด์, สโลวีเนีย, นอร์เวย์, รัสเซีย และเบลารุส

ในหมู่คนที่ได้รับการปล่อยตัวจากรัสเซียประกอบด้วย อิลยา ยาชิน และ อังเดร พิโววารอฟ นักกิจกรรมฝ่ายต่อต้าน, โอเลก ออร์ลอฟ ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มสิทธิมนุษยชนชื่อ "เมมโมเรียล", ลิเลีย ชานิสเชวา กับ คเซเนีย ฟาเดเยวา และ วาดิม ออสตานิน อดีตผู้ประสานงานของอเล็กซี นาวานี ฝ่ายค้านรัสเซียผู้เสียชีวิตเมื่อต้นปีที่ผ่านมา, ซาชา สโกชิเลนโก ศิลปิน, เฮอร์มัน มอยเซส นักกิจกรรมชาวเยอรมัน-รัสเซีย และ เควิน ลิก ชาวรัสเซีย-เยอรมันอายุ 19 ปี ผู้ถูกคุมขังข้อหากบฏ

ผู้คนเหล่านี้ได้รับการปล่อยตัวแลกกับชาวรัสเซีย 8 รายที่ชาติตะวันตกคุมขังไว้ คนที่น่าสังเกตที่สุดในนั้นคือ วาดิม คราซิคอฟ พันเอกจากหน่วยความมั่นคงกลางของรัสเซียผู้ที่กำลังรับโทษจำคุกตลอดชีวิตที่เยอรมนีจากกรณีการสังหารอดีตผู้บัญชาการกลุ่มกบฏเชเชนเมื่อปี 2562 ที่รัฐบาลเยอรมนีบอกว่าเป็นปฏิบัติการตามคำสั่งของรัฐบาลรัสเซีย

ในช่วงที่นักโทษเหล่านี้ลงจากเครื่องบินที่สนามบินนูโคโว ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ได้เดินทางไปต้อนรับนักโทษรัสเซียที่ได้รับการปล่อยตัวกลับประเทศด้วยตัวเขาเอง หลังจากนั้นปูตินก็เดินนำนักโทษเหล่านี้บนพรมแดงที่ปูบนทางลาดยางก่อนที่จะให้สัญญาว่าจะมอบรางวัลจากรัฐบาลให้พวกเขา

หนึ่งในนักโทษที่ถูกปล่อยตัวจากเรือนจำรัสเซียคือ เกิร์ชโกวิช เป็นนักข่าววอลล์สตรีทเจอนัลและเป็นอดีตนักข่าวมอสโกไทม์ เขาเพิ่งจะถูกตัดสินเมื่อหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาให้ต้องโทษจำคุก 16 ปี จากข้อหาที่เขา, นายจ้างของเขา และสหรัฐฯ ปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าไม่เป็นความจริง

อัลมาร์ ลาทัวร์ ซีอีโอของดาวโจนส์และผู้จัดพิมพ์ของวอลล์สตรีทเจอนัล กับ เอ็มมา ทักเกอร์ บรรณาธิการใหญ่ของวอลล์สตรีทเจอนัลแถลงว่า พวกเขารู้สึกโล่งใจและยินดีกับ อีวาน เกิร์ชโกวิช และครอบครัวของเขา รวมถึงคนอื่นๆ ที่ได้รับการปล่อยตัว ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ประณามอย่างหนักจากการที่รัฐบาลของ วลาดิเมียร์ ปูติน "ยัดข้อหาเท็จและมีการดำเนินคดีแบบปลอมๆ ในฐานะส่วนหนึ่งของการโจมตีอย่างหมดหน้าตักต่อเสรีภาพสื่อและต่อความจริง"

ทางการรัสเซียไม่ได้เผยแพร่หลักฐานใดๆ เกี่ยวกับข้อกล่าวหาต่อ เกิร์ชโกวิช พวกเขาแถลงเพียงว่า "ศาลได้ยืนยันและบันทึกไว้" ว่าเกิร์ชโกวิชนั้น "ทำการเก็บข้อมูลราชการลับ" เกี่ยวกับโรงงานรถถังที่เขตเทือกเขาอูราลในภูมิภาคสเวียร์ดลอฟสค์ "ตามคำสั่งจากซีไอเอ"

วีแลน อีกคนหนึ่งที่ได้รับการปล่อยตัวเป็นผู้ถูกลงโทษจำคุก 16 ปีข้อหาจารกรรม ซึ่งทางการสหรัฐฯ บอกว่าเป็นข้อหาที่ไม่มีมูลความจริง วีแลนเป็นอดีตนาวิกโยธินสหรัฐฯ เขาถือหนังสือเดินทางของอังกฤษ, ไอร์แลนด์ และแคนาดา เขากำลังทำงานเป็นยามรักษาความปลอดภัยให้กับบริษัทชิ้นส่วนยานยนต์สัญชาติสหรัฐฯ ในตอนที่เขาถูกจับกุมที่กรุงมอสโกเมื่อปี 2561

เกิร์ชโกวิช กับ วีแลน ต่างก็เป็นผู้ที่สหรัฐฯ ระบุว่าเป็น "ผู้ถูกคุมขังอย่างมิชอบด้วยกฎหมาย" ที่ผู้จับตามองรัสเซียบอกว่า พวกเขาเป็นชาวอเมริกันสองคนในอีกหลายๆ คนที่ถูกคุมขังในรัสเซียในฐานะส่วนหนึ่งของแผนการ "การทูตโดยอาศัยตัวประกัน" เพื่อเป็นเครื่องมือต่อรองกับตะวันตก

วลาดิเมียร์ คารา-มูร์ซา 

คารา-มูร์ซา เป็นนักการเมืองฝ่ายค้านและนักข่าวที่ต้องโทษจำคุก 25 ปีในข้อหากบฏและข้อหาอื่นๆ เนื่องจากเขาวิพากษ์วิจารณ์การที่รัสเซียรุกรานยูเครนและเรียกร้องให้ชาติตะวันตกคว่ำบาตรต่อรัสเซีย

ครอบครัวของเขาและผู้สนับสนุนเขาได้เตือนเรื่องสุขภาพของคาซา-มูร์ซาที่ถดถอยลงในคุกเพราะเขามีอาการเกี่ยวกับระบบประสาทที่เกิดจากการถูกวางยาพิษสองครั้งเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้และเมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมาคาซา-มูร์ซาก็ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล

บิล บราวเดอร์ ผู้ที่เคยทำงานกับคาซา-มูร์ซาในการล็อบบีให้สหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายแม็กนิตสกีที่เป็นกฎหมายคว่ำบาตรผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชน ได้แถลงว่าเขายินดีกับการที่คาซา-มูร์ซาได้รับการปล่อยตัว

"วลาดิเมียร์ (คาซา-มูร์ซา) ได้ประท้วงอย่างเปิดเผยในเรื่องที่ปูตินทำสงครามรุกรานต่อยูเครนรวมถึงเรื่องเผด็จการกดขี่ของปูติน เรื่องนี้เองทำให้เขาถูกจับกุมและได้รับการตัดสินลงโทษยาวนานที่สุดเมื่อเทียบกับนักโทษการเมืองอื่นๆ คือจำคุก 25 ปี และเผชิญกับการทารุณกรรม, ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าถึงบริการสุขภาพ, ถูกขังเดี่ยวและเผชิญกับสภาพที่ไร้มนุษยธรรมอื่นๆ ในการที่(รัสเซีย)พยายามจะบั่นทอนสุขภาพและจิตใจของเขา" บราวเดอร์กล่าว

"ตลอดช่วงที่มีการดำเนินคดีวลาดิเมียร์ได้ยืดอกอย่างผ่าเผย จิตใจเขาเข้มแข็งและไม่เคยยอมลดราความแน่วแน่ของเขาเองที่มองว่ารัสเซียควรจะเป็นประเทศเสรี การต่อสู้ของวลาดิเมียร์ได้กลายเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมให้กับชาวรัสเซียหลายล้านคนผู้ที่อยากให้รัฐบาลปูตินล่มสลายและเพื่อให้เกิดระบอบประชาธิปไตยและสันติภาพในประเทศของพวกเขา" บราวเดอร์กล่าว

การประท้วงป้ายราคา

ศิลปินชาวเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซาชา สโกชิเลนโก เคยถูกตัดสินเมื่อปี 2566 ให้ต้องจำคุก 7 ปีจากข้อหาแพร่กระจาย "ข่าวปลอม" เกี่ยวกับกองทัพรัสเซียหลังจากที่เธอสับเปลี่ยนป้ายราคาสินค้าในซุปเปอร์มาร์เก็ต 6 ป้ายให้เป็นป้ายที่ดูคล้ายกันแต่ระบุข้อมูลเกี่ยวกับสงครามยูเครนและการเสียชีวิตของพลเรือนในยุทธการปิดล้อมเมืองมาริอูโปลของยูเครน

นาเดซดา แม่ของสโกชิเลนโกบอกว่าเธอไม่ได้หวังอะไรแต่แรกอยู่แล้วแต่ข่าวการปล่อยตัวลูกสาวของเธอก็ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจ ในตอนแรกซาชาถูกนำตัวไปที่ใดที่หนึ่งแล้วพวกเขาก็ตามหาเธอเป็นเวลา 2 วัน พวกเขาตื่นตระหนกแล้วก็กลัว นาเดซดาบอกว่าการแลกเปลี่ยนปล่อยตัวนักโทษที่เกิดขึ้นนี้ดูเหลือเชื่อ และทำให้รู้สึกกังวลในช่วง 2 วันแรก

นาเดซดาเล่าต่อว่าหลังจากที่การแลกเปลี่ยนมีความเป็นไปได้พวกเขาก็ยังกังวลว่าจะเกิดความเสี่ยงอะไรหรือไม่ หรือถ้าหากว่าไม่มีการทำตามข้อตกลงจะเกิดอะไรแย่ๆ ขึ้นหรือไม่ ถึงจะกังวลแต่นาเดซดาก็บอกว่ามันทำให้เธอมีความสุขมากที่เธอจะบินไปยังเยอรมนีและได้เห็นหน้าลูกอีกครั้ง เธอไม่เคยมีวันที่ทำให้รู้สึกยินดีมากเท่านี้มาก่อน

"ซาชาเป็นแค่พลเมืองธรรมดา ในการแลกเปลี่ยน ถ้าให้พูดเปรียบเปรยแล้วพวกเรามีคนที่พิเศษที่เป็นวีรชนอย่างแท้จริงของรัสเซียอย่างออร์ลอฟและยาชิน แต่ฉันก็ไม่ได้คิดว่าซาชาด้อยไปกว่าคนอื่นเลย ฉันเชื่อว่าเธอเป็นหนึ่งในพวกเขาเพราะมันน่ายกย่องที่เธอพูดเกี่ยวกับสันติภาพและความรักในประเทศที่มีสงคราม" นาเดซดากล่าว

นักกิจกรรมผู้เชี่ยวกรำประสบการณ์

ในหมู่คนที่ได้รับการปล่อยตัวยังมี โอเลก ออร์ลอฟ ผู้ร่วมก่อตั้งองค์กรสิทธิมนุษยชนที่ชื่อ "เมมโมเรียล" ซึ่งเคยได้รับรางวัลโนเบลมาก่อน ออร์ลอฟถูกลงโทษในปี 2567 เนื่องจากพูดวิพากษ์วิจารณ์สงครามในยูเครน

สมาชิกกลุ่มเมมโมเรียล อเล็กซานเดอร์ เชอกาซอฟ บอกว่า การปล่อยตัวออร์ลอฟนั้น "เป็นเรื่องที่ดีมากเพราะโอเลกเป็นคนที่ไม่ได้ก่ออาชญากรรมใดๆ และได้พูดความจริง นอกจากนี้แล้วยังมีการยืนยันว่าคำพูดของเขาเป็นเรื่องสัตย์จริงในตอนที่เขาถูกดำเนินคดี"

เชอกาซอฟ กล่าวย้ำอีกว่ายังคงมีนักโทษการเมืองประมาณ 700 รายที่ติดอยู่ในเรือนจำของรัสเซีย และแสดงความกังวลว่าการแลกเปลี่ยนเช่นนี้มีทั้งช้อดีและข้อเสีย

"ในแง่หนึ่ง คนที่ยอดเยี่ยมที่ไม่ได้ก่ออาชญากรรมใดๆ จะได้รับการปล่อยตัว ในอีกแง่หนึ่ง พวกเขาก็ปล่อยตัวฆาตกรและสายลับที่ทำภารกิจไม่สำเร็จ สำหรับปูตินแล้ว ผู้คนเหล่านี้มีค่าสำหรับเขา เขาต้องการรักษาความรู้สึกและแรงจูงใจของสายลับคนอื่นๆ เอาไว้ว่าพวกเขาจะทำอะไรก็ได้และพวกนั้น(รัฐบาลรัสเซีย)จะช่วยเหลือพวกเขา" เชอกาซอฟกล่าว

"การแลกเปลี่ยน อเล็กซี นาวาลนี"

ถึงแม้ว่าการแลกเปลี่ยนตัวนักโทษการเมืองจะสร้างความโล่งอกให้กับครอบครัวและเพื่อนฝูงของผู้ที่ได้รับการปล่อยตัว แต่มันก็เป็นช่วงเวลาที่ดีใจได้ไม่สุดสำหรับกลุ่มผู้ที่สนับสนุน อเล็กซี นาวาลนี ฝ่ายค้านที่มีชื่อเสียงที่เสียชีวิตไปในปีนี้

ไม่นานหลังจากที่นาวาลนีเสียชีวิตในเรือนจำอาร์คติกเมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา พันธมิตรของเขาก็บอกว่าการหารือเรื่องการแลกเปลี่ยนนักโทษที่มีนาวาลนีกับเกิร์ชโกวิชรวมอยู่ด้วยนั้นมาถึงขั้นตอนสุดท้ายพอดีในตอนที่นาวาลนีเสียชีวิต

แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับรัสเซียเคยเปิดเผยต่อสื่อเมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมาว่าทางการรัสเซียและชาติตะวันตกได้เห็นด้วยกับ "แนวทางในการแลกเปลี่ยนซึ่งรวมถึงนาวาลนีกับเกิร์ชโกวิช" แต่ในตอนนั้นยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงขั้นตอนสุดท้ายได้

เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของทำเนียบขาวได้ยืนยันว่า ตามแผนการเดิมแล้วนาวาลนีเป็นหนึ่งที่ผู้ที่ควรจะได้รับการปล่อยตัวตามแผนการแลกเปลี่ยนด้วย

ลิวบอฟ โซโบล นักกิจกรรมฝ่ายค้านที่เป็นพรรคพวกเดียวกับนาวาลนีมาเป็นเวลานานบอกว่า การแลกเปลี่ยนนักโทษในครั้งนี้เป็น "การแลกเปลี่ยนครั้งประวัติศาสตร์" ที่ควรจะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ในนามว่า "การแลกเปลี่ยน อเล็กซี นาวาลนี"

"ฉันยินดีกับทุกคนที่ได้รับการปล่อยตัวในวันนี้ แต่พวกเรารู้ว่าอเล็กซีควรจะได้รับการปล่อยตัวตั้งแต่เดือน ก.พ. เขาเป็นคนที่ควรจะได้รับการแลกเปลี่ยนกับฆาตกรของปูตินที่ชื่อคราซิคอฟ แต่ปูตินก็ตัดสินใจจะสังหารนาวาลนี ทุกวันฉันคิดถึงนาวาลนีและมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่คิดถึงเขาในวันนี้เช่นกัน" โซโบลกล่าว

 

เรียบเรียงจาก

Russia Frees Political Prisoners, Journalists in Landmark Exchange With West, The Moscow Times, 01-08-2024

https://www.themoscowtimes.com/2024/08/01/russia-frees-political-prisoners-journalists-in-landmark-exchange-with-west-a85895

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net