Skip to main content
sharethis


มะรีกี ดอเลาะ หนึ่งในผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม หน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2547

“ผมถูกนำตัวไปยังค่ายอิงคยุทธบริหารบนรถบรรทุกทหารจนเกือบเสียชีวิต เพราะถูกสั่งให้นอนคว่ำหน้าซ้อนกันกับคนอื่นๆ บนรถบรรทุกทหาร โดยถูกมัดมือไขว้หลังด้วย”

“ผมถูกซ้อนอยู่ชั้นที่ 2 คนที่อยู่ด้านล่างเสียชีวิต ส่วนคนที่อยู่ด้านบน ได้ยินเขาพูดเสียงพูดเบาๆ ว่าไม่ไหวแล้ว”

นั่นคือเหตุการณ์เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว มะรีกี ดอเลาะ ในวัย 27 ปี หนึ่งในผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม หน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2547 จากการเข้าร่วมชุมนุมโดยบังเอิญ เพราะกำลังจะไปซื้อเสื้อผ้าชุดรายอที่ตลาดนัดในช่วง 10 วันสุดท้ายของเดือนถือศีลอด

มะรีกี บอกว่าตอนนั้น ตนเองพยายามเกร็งไหล่ทั้งสองข้างเพื่อไม่ให้หน้าอกถูกทับ ไม่งั้นก็คงจะขาดอากาศหายใจตายไปแล้วเขาเกร็งอยู่นานหลายชั่วโมงจนคิดว่าน่าจะไม่รอดแล้ว พยายามนึกถึงพระเจ้า รู้สึกเหมือนถูกทิ้งให้ตายคนเดียวกลางป่าเขา

แม้สุดท้ายมะรีกีจะรอดชีวิตกลับมาได้ แต่ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง จนต้องพิการที่ขาและมือทั้งสองข้าง ร่างกายช่วงล่างตั้งแต่เอวลงไปไร้ความรู้สึก

มะรีกี ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เช่นเดียวกับผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกันอีก 4-5 คนที่มีอาการหนัก เขารักษาตัวในห้องผู้ป่วยวิกฤตอยู่นานถึง 2 เดือน กว่าจะกลับบ้านได้ในสภาพที่ไม่ปกติอีกต่อไป

มะรีกี บอกว่า แม้เวลาที่ผ่านมา 20 ปีจะนานมาก แต่ไม่เคยลืม ยิ่งมีการพูดถึงเรื่องนี้อยู่ตลอดก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่ามันเพิ่งผ่านมาไม่นานนี้เอง “แม้ผมจะลืม แต่พอเจอคนอื่นที่ร่วมชะตากรรมเดียวกัน เราก็จะนึกถึงมันขึ้นมาอีก หรือมีข่าวปรากฏในสื่อต่างๆ เพราะฉะนั้นคงจะไม่มีไม่มีวันลืม”

0000


โจทก์และทนายโจทก์คดีตากใบ

มะรีกี เป็นหนึ่งในโจทก์ 48 คนที่ยื่นฟ้องเอาผิดทางอาญาในคดีตากใบต่อเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมเพื่อพิสูจน์ความจริงและคืนความยุติธรรมให้กับผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่คดีจะหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค. 2567 นี่ ซึ่งเป็นคดีที่ผู้เสียหายใช้สิทธิ์ฟ้องเองต่อเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะอัยการไม่ฟ้อง

“แม้รัฐจะให้เงินเยียวยาแล้ว แต่นั่นคือการเยียวยาความเสียหาย แต่ความรู้สึกภายในของหลายๆคนโดยเฉพาะญาติผู้เสียชีวิตยังอยู่ นั่นเป็นความรับผิดชอบของจำเลย” นั่นคือความยุติธรรมที่เขาและชาวบ้านกำลังรอคอย แม้ว่าผลคดีจะเป็นอย่างไรชาวบ้านก็สามารถยอมรับได้

“ผมมาศาลทุกครั้งไม่เคยขาด ผมจะสู้จนถึงที่สุด ตอนนี้ไม่กลัวอะไรแล้ว หมดความรู้สึกกลัวไปแล้ว และไม่รู้จะกลัวไปทำไม ในเมื่อเราไม่ได้ผิด”

ทว่า พวกเขาต้องผิดหวังเพราะในวันที่ศาลจังหวัดนราธิวาสนัดจำเลย 7 คนให้มาให้การต่อศาลในวันที่ 12 ก.ย. 2567 ที่ผ่านมา ไม่มีจำเลยมาศาลแม้แต่คนเดียว ทำให้ศาลต้องออกหมายจับจำเลย 6 คน ส่วนจำเลยที่ 1 คือ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 อายุ 74 ปี เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.)บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งได้รับความคุ้มกันตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 125 ในระหว่างสมัยประชุมสภาฯ ศาลจะมีหนังสือด่วนที่สุดถึงประธานสภาฯ ขอให้สภาฯอนุญาตให้จับจำเลยที่ 1 มีหมายเรียกมาศาลในนัดหน้าวันที่ 15 ต.ค. 2567 และมีหนังสือขอให้จำเลยสละความคุ้มกันเพื่อมาสู้คดี

“เรารอมา 20 ปี สุดท้ายวันนี้ เขาก็ไม่มา ก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจ แม้ศาลจะออกหมายจับก็ยังไม่พอใจ อยากเห็นจำเลยมาศาล แม้เขามั่นใจว่าไม่ผิดก็ตาม ถ้าบริสุทธิ์จริงก็ขอให้มาพิสูจน์กันที่ศาล”

คดีนี้ยังมีเวลาอีก 40 กว่าวันคดีก็จะหมดอายุความ และมีแนวโน้มว่าจำเลยอาจจะไม่มาปรากฏตัวต่อศาล มะรีกีบอกว่า “จะอย่างไรก็แล้วแต่ ผมก็จะสู้จนถึงที่สุด เดินหน้าต่อไป”

เปิดรายชื่อจำเลย

จำเลยที่ 1 พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ปัจจุบันอายุ 74 ปี เป็น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้รับความคุ้มกันตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 125 และอยู่ระหว่างสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร ศาลมีหนังสือด่วนที่สุดถึงประธานสภาฯขอให้สภาฯอนุญาตให้จับจำเลยที่ 1 และมีหมายเรียกมาศาลในวันที่ 15 ต.ค. 2567 และมีหนังสือขอให้จำเลยที่ 1 สละความคุ้มกันเพื่อมาสู้คดี

ส่วนจำเลยที่เหลืออีก 6 คน ศาลต้องออกหมายจับ ได้แก่ 

จำเลยที่ 3 พล.อ เฉลิมชัย วิรุฬห์เพชร อดีตผู้บัญชาการพล.ร.5 อายุ 73 ปี 

จำเลยที่ 4 พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า อายุ 73 ปี

จำเลยที่ 5 พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 อายุ 77 ปี

จำเลยที่ 6 พล.ต.ต.ศักดิ์สมหมาย พุทธกูล อดีตผู้กำกับสถานีตำรวจภูธร อ.ตากใบ จ.นราธิวาส อายุ 70 ปี

จำเลยที่ 8 นายศิวะ แสงมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้และอดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย อายุ 78 ปี

จำเลยที่ 9 นายวิชม ทองสงค์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส อายุ 78 ปี 
 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net