Skip to main content
sharethis

‘สถานเสาวภา’ ประชาสัมพันธ์ผู้ต้องการรับบริการฉีดวัคซีนฝีดาษลิงด้วยวิธีฉีดเข้าใต้ชั้นผิวหนัง 0.1 มล. 2 เข็ม จำกัดเฉพาะผู้มีความเสี่ยงตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป ราคาเข็มละ 2,200 บาท ให้บริการเฉพาะวันจันทร์-ศุกร์ งดบริการฉีดวัคซีนเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์

 

22 ส.ค. 2567 เพจเฟซบุ๊ก "สถานเสาวภา สภากาชาดไทย" เผยแพร่ประชาสัมพันธ์วันนี้ (22 ส.ค.) ถึงเงื่อนไขและข้อกำหนดการรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษวานร เนื่องด้วยมีผู้สนใจเข้ารับการบริการจำนวนมาก แต่วัคซีนมีจำนวนจำกัด ทางสถานเสาวภาจึงขอให้บริการเฉพาะผู้มีความเสี่ยงตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป จึงจะสามารถรับวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษวานร

สถานเสาวภา สภากาชาดไทย ให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษวานรเฉพาะวิธีฉีดเข้าชั้นผิวหนัง (Intradermal) ขนาด 0.1 ML เท่านั้น โดยฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 28 วัน ราคาเข็มละ 2,200 บาท

โดยมีค่าบริการทางการแพทย์ ครั้งละ 100 บาท และค่าทำบัตรใหม่ 20 บาทสำหรับกรณีมารับบริการครั้งแรก

โดยให้บริการที่ตึกราชูทิศ สถานเสาวภา สภากาชาดไทย ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30-12.00 น. (ปิดรับบัตรคิว เวลา 11.30 น.) และตั้งแต่เวลา 13.00-16.30 น. (ปิดรับบัตรคิวเวลา 16.00 น.)

วันเสาร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ งดให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษวานร และปิดทำการ วันอาทิตย์

วันเดียวกัน เว็บไซต์มติชนออนไลน์ รายงานว่า กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันผลตรวจร่างกายผู้ป่วยชายชาวยุโรป ติดเชื้อฝีดาษลิงสายพันธุ์ เคลด 1 บี (clade 1b) รายแรกในประเทศไทย หลังเดินทางกลับมาจากทวีปแอฟริกา โดย สธ.มอบหมายให้ นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้เร่งดำเนินการและเข้มงวดมาตรการการป้องกันควบคุมโรค พร้อมประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นพ.ธงชัย กล่าวว่า ผลตรวจจากห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์มีรายงานออกมา และยืนยันผลพบเชื้อฝีดาษวานร สายพันธุ์ clade Ib ถือเป็นผู้ป่วยรายแรกที่ได้รับการวินิจฉัยในประเทศไทย ซึ่งต่อจากนี้ต้องรายงานผลไปยังองค์การอนามัยโลกตามมาตรฐาน IHR พร้อมกันนี้ ได้กำชับไปยังกองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรคทุกด่าน โดยเฉพาะด่านที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้เข้มงวดมาตรการ ในผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาด และไม่ว่าจะเปลี่ยนเครื่องที่ไหน หากต้นทางเป็นประเทศที่มีการระบาด ต้องลงทะเบียนผ่านระบบ “Thai Health Pass” และต้องผ่านกระบวนการคัดกรองกับเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศฯ สำหรับการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายดังกล่าว จำนวน 43 ราย ขณะนี้ยังไม่พบรายใดมีอาการป่วย ซึ่งกรมควบคุมโรคยังคงเฝ้าระวังและติดตามอาการอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะครบ 21 วัน หากมีอาการไข้ มีผื่น ต่อมน้ำเหลืองโต ให้รีบเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลทันที

"โรคฝีดาษวานร ส่วนใหญ่มักมีอาการผื่นขึ้นตามร่างกาย ไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่มีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น อาการไอหรือมีน้ำมูก จึงมีโอกาสแพร่กระจายเชื้อได้น้อยกว่าโรคโควิด 19 หรือไข้หวัดใหญ่ ซึ่งมีอาการไอและมีน้ำมูก การติดเชื้อโรคฝีดาษวานร ยังเป็นการสัมผัสใกล้ชิด ดังนั้นการล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจล หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับคนไม่รู้จัก หลีกเลี่ยงไปยังพื้นที่ที่มีการระบาด และหลีกเลี่ยงสัตว์ฟันแทะที่นำเข้าจากประเทศที่มีการระบาด เช่น กระรอก หนู จะเป็นวิธีที่ป้องตนเองได้" นพ.ธงชัย กล่าว

ด้าน นพ.อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในปัจจุบันประเทศไทยมีมาตรการคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากในพื้นที่เขตติดโรคไข้เหลือง 42 ประเทศ โดยกำหนดให้ผู้ที่เดินทางลงทะเบียนผ่านระบบ Thai Health Pass และต้องผ่านกระบวนการคัดกรองกับเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคฯ ซึ่งผู้โดยสารจะได้รับการวัดอุณหภูมิร่างกาย สอบถามอาการ และสังเกตผื่นตามร่างกาย หากมีอาการเข้าได้กับโรคฝีดาษวานรจะมีการแยกกักผู้เดินทาง ซักประวัติ ตรวจร่างกายเพิ่มเติม พร้อมเก็บสิ่งส่งตรวจ เพื่อส่งห้องปฏิบัติการของด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศฯ และส่งผู้ป่วยต่อไปยังสถาบันบำราศนราดูร นอกจากนี้ ยังมีมาตรการที่เตรียมพร้อมสำหรับการคัดกรองและกักกันโรคเพิ่มเติม ดังนี้

1. ให้ผู้เดินทางที่เดินทางมาจาก 42 ประเทศเขตติดโรค และประเทศที่มีการระบาดของโรคฝีดาษวานร ลงทะเบียนระบบ Thai Health Pass ล่วงหน้า ก่อนเข้าสู่ระบบ Check in ของสายการบิน ณ ประเทศต้นทาง

2. เมื่อผ่านด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศฯ จะต้องผ่านการคัดกรอง และวัดอุณหภูมิร่างกายด้วย ‘handheld thermoscan’ หากอุณหภูมิเกิน 36.8 องศาเซลเซียส จะต้องวัดอุณหภูมิทางหูซ้ำอีกครั้ง ซักประวัติอาการเพิ่มเติม จึงจะผ่านไปยังพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และหากเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองพบเจอผู้โดยสาร ที่มีอาการเข้าได้กับโรคฝีดาษวานร ให้ส่งกลับมารับการตรวจเพิ่มเติม ณ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศฯ

3. มีการแจก Health Beware Card สำหรับผู้เดินทางทุกคนจากประเทศเสี่ยง กรณีมีอาการหลังจากเข้าประเทศ ให้รายงานอาการผ่าน QR code ที่ปรากฏบน Health Beware Card เพื่อให้ทางกรมควบคุมโรคได้ติดตามต่อเนื่อง และเข้ารับการรักษา ณ สถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุด

4. กองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค เตรียมความพร้อมสำหรับการกักกัน หากมีการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง โดยเตรียมอาคารกักกันโรค 4 ชั้น จำนวน 60 ห้อง หากมีการเดินทางแบบครอบครัวจะมีห้องกักกันแบบกลุ่มเตรียมสำรองไว้พร้อม 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net