มูลนิธิผสานวัฒนธรรมเผยศาลอาญาคดีทุจริต ภาค 5 สืบพยานโจทก์ จำเลย รวมทั้งสิ้น 13 ปาก เลื่อนสืบพยานจำเลยที่เหลือ 11 พ.ย. 67 คดี 'พลทหารกิตติธร เวียงบรรพต' เสียชีวิตหลังเข้ารับการเกณฑ์ทหารผลัด 1/66 ค่ายเม็งรายมหาราช

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม แจ้งว่าเมื่อวันที่ 10-12 ก.ย. 2567 ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ นัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ร่วมและจำเลยบางส่วน รวม 13 ปาก โดยศาลยกเลิกนัดสืบพยานจำเลยในวันที่ 13 และ 17-18 ก.ย. เนื่องจากได้รับแจ้งว่าพยานจำเลยมีภารกิจต้องช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ประกอบกับต้องรอฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมเกี่ยวกับเขตอำนาจศาล จึงยกเลิกนัดวันพิจารณาที่เหลือ และให้เลื่อนไปนัดรอฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและสืบพยาน ในวันที่ 11 พ.ย. 2567 เวลา 09.30 น. ในคดีหมายเลขดำที่ ปท. 1/2566 ข้อหาร่วมกันกระทำการโหดร้ายฯ ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราม การทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 กรณีพลทหารกิตติธร เวียงบรรพตเสียชีวิต หลังเข้ารับการเกณฑ์ทหารใหม่ ผลัดที่ 1/66 ค่ายเม็งรายมหาราช จังหวัดเชียงราย

วันที่ 10-11 ก.ย. 2567  มีพยานโจทก์ พยานโจทก์ร่วม และจำเลยเบิกความ 10 ปาก ได้แก่ นางสาวแก้วกัญญา แซ่ลี ภริยาของพลทหารกิตติธร นายสุวิทย์ เวียงบรรพต (บิดา) นางสาวประภัสสร เวียงบรรพต  (มารดา)ของผู้ตาย แพทย์ผู้ทำการรักษาที่โรงพยาบาลค่ายเม็งราชมหาราช และเพื่อนพลทหารร่วมกองร้อยที่ 4 จำนวน 3 คน อัยการจังหวัดเชียงราย ผู้ทำการสอบสวนและสรุปการสั่งฟ้องตามมาตรา 6 ข้อหากระทำย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และจำเลยทั้ง 2 ปาก มาเบิกความต่อศาล

วันที่ 12 ก.ย. 2567 มีพยานโจทก์ร่วมและพยานจำเลยเบิกความ 3 ปาก ได้แก่ นายสมชาย หอมลออ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ  แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพยาธิวิทยา สถาบันจากนิติวิทยาศาสตร์  และนายทหารพระธรรมมนูญ ค่ายเม็งรายมหาราช เป็นปากสุดท้าย

ก่อนการสืบพยานในวันที่ 9 ก.ย. 2567 จำเลยทั้งสองได้ยื่นคำร้องขอวินิจฉัยชี้ขาดเขตอำนาจและคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยขัดหรือแย้งตามมาตรา 121 ฯ โดยศาลยกคำร้องทั้งสอง เนื่องจาก ก่อนการกำหนดนัดสืบพยานคดีนี้ จำเลยได้ยื่นคำร้องดังกล่าวมาเพื่อขอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องเขตอำนาจศาลแล้ว ต่อมาจำเลยได้ยื่นอีกครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้สำนักงานศาลยุติธรรมได้ยื่นคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยแล้ว ตามคำสั่งศาลในทำนองว่า “จำเลยทั้งสองใช้สิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในเรื่องเดียวกัน อยู่ระหว่างการวินิจฉัย  จึงให้รอการสั่งคดีเกี่ยวกับคำร้องไว้ชั่วคราว จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นเด็ดขาดมีผลผูกพันศาล และทนายจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องนี้ก่อนสืบพยานโจทก์เพียงหนึ่งวัน พฤติการณ์นี้มีลักษณะประวิงคดีให้ชักช้า จึงให้ยกคำร้อง”

คดีนี้สืบเนื่องจากเหตุการณ์ พลทหารกิตติธร เวียงบรรพต ทหารเกณฑ์พลัดที่ 1/66 ค่ายเม็งรายมหาราช จังหวัดเชียงราย เข้ารับการเกณฑ์ทหารตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. 2566 จนกระทั่งเมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2566 ภริยาได้เดินทางไปรับพลทหารกิตติธรและพบว่ามีอาการอิดโรย ตัวซีด ไข้ขึ้น มีอาการร้อนและหนาวสลับกัน ซึ่งจากการสอบถามของญาติแจ้งว่าพลทหารกิตติธร มีอาการป่วยมาหลายวันและพยายามขอให้ทางค่ายส่งมารักษาที่โรงพยาบาล แต่ไม่ได้รับการอนุญาตให้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ภริยาของพลทหารกิตติธรเห็นอาการของพลทหารกิตติธรหนักมาก จึงยืนกรานขอให้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราชในระหว่างวันที่ 14-15 ก.ค. 2566 ก่อนที่พลทหารกิตติธรเสียชีวิตในวันที่ 16 ก.ค. 2566 ที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ด้วยภาวะคือติดเชื้อในกระแสเลือด ต่อมาเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2566 พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการ ได้สั่งฟ้องครูฝึก 2 นาย ยศร้อยโทและจ่าสิบโท เป็นผู้รับผิดชอบการฝึกพลทหารกิตติธร เวียงบรรพต คดีหมายเลขดำที่ ปท.1/2566 ในข้อหาร่วมกระทำการโหดร้ายฯ ตามข้อหาดังกล่าวข้างต้น โดยจำเลยทั้งสองได้ยื่นคำให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

มูลนิธิผสานวัฒนธรรมขอเชิญชวนสื่อมวลชนและประชาชนที่สนใจร่วมกันติดตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและการสืบพยานจำเลยในนัดถัดไป เพื่อให้มั่นใจว่าพลทหารกิตติธรและครอบครัวที่เดินหน้าต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมจะได้รับความยุติธรรมอย่างแท้จริงและได้รับการชดใช้เยียวยา รวมถึงสามารถนำผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย  เพื่อเป็นการป้องปรามไม่ให้กรณีเช่นนี้เกิดขึ้นกับพลทหารเกณฑ์คนใดได้อีก และยุติวัฒนธรรมลอยนวลของเจ้าหน้าที่รัฐได้อย่างเป็นจริง