เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สำนักพิมพ์ฃอคิดด้วยฅน เจ้าของหนังสือ "รู้ทันทักษิณ" ได้จัดเสวนาสาธารณะ ในหัวข้อ "พ.ต.ท.
โจทย์ในการเสวนาวันนั้น ก็สืบเนื่องมาจากดำริของ พ.ต.ท.
ในวงเสวนาวันนั้น ทำให้ผมได้เรียนรู้หลายประการ
1) ผู้ทรงคุณวุฒิต่างมีความรู้สึกร่วมกันว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีเจตนามุ่งมั่นอยากจะเดินตามรอยของ ดร.ปรีดี พนมยงค์ รัฐบุรุษอาวุโส อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สำเร็จราชการแทนฯ โดยความสัตย์จริงแล้ว ทุกคนก็ขออนุโมทนา ขอให้กำลังใจ และสนับสนุนให้ประสบความสำเร็จ แต่ทั้งหมดก็ไม่เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีความอยากเช่นนั้นจริง ที่พูดก็คงเป็นเพียงสร้างภาพ หาเสียงกับคนในงานที่ธรรมศาสตร์ ซึ่งรักอาจารย์ปรีดี
ผมเชื่อว่า หากสังคมไทยในปัจจุบัน มีนายกรัฐมนตรีที่มีเจตนาบริสุทธิ์ มุ่งรักษาผลประโยชน์ส่วนรวม มีจิตวิญญาณประชาธิปไตย มีสำนึกถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของพี่น้องร่วมแผ่นดินทุกชั้นชน มีคุณธรรมจริยธรรม มีความกล้าหาญ เสียสละผลประโยชน์ส่วนตัวเพื่อประโยชน์ส่วนรวม อย่างที่ ดร.
2) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อาจจะสามารถเดินตามรอยรัฐบุรุษ ดร.ปรีดีพนมยงค์ ได้ หากว่ามีจุดเปลี่ยนของชีวิตครั้งใหญ่ ที่ช่วย "พลิกความคิด" ทำให้มองเห็นสัจธรรม ความไม่เที่ยงแท้ของอำนาจ ทรัพย์สิน และลูกเมีย เครือญาติ หรือพวกพ้อง
การ "อภิวัฒน์ทักษิณ" จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ "หลุดพ้น" จากอำนาจและความมั่งคั่งนี้เสียก่อน เพราะในสังคมไทยนั้น คนที่อยู่ในอำนาจ และความมั่งคั่ง จะไม่มีทางได้สัมผัสกับสัจธรรมที่แท้จริง เพราะนอกจากจะหูอื้อตามัวเพราะฤทธิ์ของอำนาจและผลประโยชน์แล้ว ยังต้องถูกผู้คนที่ไม่มีความจริงใจห้อมล้อม เยินยอ ปิดบังจากความจริง เพื่อหวังปอกลอกเอาผลประโยชน์ของสังคมเข้าพกเข้าห่อของตน
การหลุดพ้นนั้น อาจมีความหมายได้กว้างขวาง นับตั้งแต่การพ้นจากตำแหน่งทางการเมืองไปสัก 5-6 ปี, การประสบปัญหาทางธุรกิจหรือการเมืองจนทำให้สูญเสียทรัพย์, การสูญเสียในด้านอื่นๆ รวมไปถึงการต้องเดินทางออกนอกประเทศ ต้องไปพำนักอยู่ในต่างประเทศ
3) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นคนต่างจังหวัด และเป็นนักเรียนทุนรัฐบาลเช่นเดียวกันกับ ดร.ปรีดี พนมยงค์ เมื่อสำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศ ทั้งคู่ก็เดินทางกลับมาทำงานบนแผ่นดินเกิด เพียงแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกจากราชการเพื่อไปทำธุรกิจผูกขาดส่วนตัว ในขณะที่ ดร.ปรีดี ยังคงทำงานใช้ทุนแผ่นดินต่อไป
เมื่อ ดร.
ในประการสำคัญ อาจารย์
น่าสังเกตว่า พ.ต.ท.
4) ดร.ปรีดี พนมยงค์ เป็นผู้วางหลักการปกครองแบบประชาธิปไตย และการแบ่งแยกอำนาจในการปกครอง โดยที่เคยชี้แนะไว้ว่า
"อำนาจสูงสุดในประเทศนั้น แยกออกได้ 3 ประการ คือ
(1) อำนาจในการบัญญัติกฎหมาย หรืออำนาจนิติบัญญัติ
(2) อำนาจในการปฏิบัติตามกฎหมาย หรืออำนาจบริหาร
(3) อำนาจในการวินิจฉัยกฎหมาย หรืออำนาจตุลาการ"
การวางหลักในการแบ่งแยกอำนาจทั้ง 3 ออกจากกัน เพื่อให้เกิดการคานและดุลย์อำนาจ นอกจากนี้ ดร.
ยิ่งกว่านั้น ดร.
แต่น่าแปลกใจ พ.ต.ท.
ยิ่งกว่านั้น รัฐบาลทักษิณ ได้ออก พรก.สถานการณ์ฉุกเฉินฯ อันเป็นการตอนอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ และล่วงละเมิดทำลายอำนาจฝ่ายตุลาการ ที่กำหนดไว้ใน พรก.สถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ไม่สามารถเอาผิดผู้สั่งการและเจ้าหน้าที่ทางแพ่ง อาญา และวินัย นับเป็นกฎหมายที่ลิดรอนอำนาจตุลาการยิ่งกว่าประกาศคณะปฏิวัติ ที่ยังให้ฝ่ายตุลาการคงอำนาจอยู่เหมือนเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยังได้เป็นการทำลายฐานอำนาจของศาลปกครองเป็นการเฉพาะอีกด้วย!
5) ในแง่ของการเป็นนักคิดและความกล้า ดร.ปรีดี พนมยงค์ กล้าคิดเปลี่ยนแปลงการปกครองมาสู่ประชาธิปไตย เพื่อให้ประชาชนได้มีสิทธิและเสรีภาพ มีการเสนอเค้าโครงเศรษฐกิจ ตลอดจนหลัก 6 ประการ เพื่อให้ประเทศชาติและประชาชนได้มีเอกราชและมีส่วนร่วมที่แท้จริง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็กล้าคิดใหม่ กล้าเสนอและดำเนินการหวยบนดิน และกำลังจะเสนอบ่อนการพนัน ในขณะที่ ดร.ปรีดี พนมยงค์ เลิกสิทธิสภาพนอกอาณาเขตของต่างชาติ แต่พ.ต.ท.ทักษิณ กลับไปจับคู่ตกลงการค้าระหว่างประเทศ (FTA) และการใช้กลวิธีการตลาดมารับใช้การเมืองได้อย่างแยบยล
ข้อนี้ ความกล้าจึงมีอยู่แล้ว ความฉลาดก็มีอยู่แล้ว ขอเพียง พ.ต.ท.ทักษิณ "พลิกความคิด" พบสัจจธรรมด้วย "จุดเปลี่ยนชีวิต" เกิดการหลุดพ้นจากอำนาจและผลประโยชน์ของคนรอบตัว เท่านั้น!
หาก พ.ต.ท.
พ.ต.ท.
คนรอบข้าง ไม่ว่าจะเจ๊ นายหญิง หรือคุณหนู ก็จะต้องช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วย โดยเลิกเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์จากอิทธิพลและอำนาจของ พ.ต.ท.ทักษิณ และดูท่านผู้หญิงพูนสุข พนมยงค์ และครอบครัวเป็นแบบอย่าง
จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะต้องเคารพและปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด หมั่นรับฟังกัลยาณมิตร และประชาชนผู้หวังดีต่อบ้านเมือง มุ่งลดอำนาจของตน แต่เพิ่มอำนาจให้แก่ประชาชน
รีบเปลี่ยนแปลงด้วยตัวเอง ก่อนที่ผู้อื่นจะมาบังคับให้เปลี่ยน
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)