1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ประชาชนใน อ.แม่สาย และ อ.เมืองเชียงราย เจอวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ อันเป็นผลพวงจากหางพายุ ‘ไต้ฝุ่นยางิ’ ทำให้มีฝนตกหนักมากบริเวณต้นน้ำลำน้ำกกในฝั่งเมียนมา จนท่วมเข้าอำเภอเมืองเชียงรายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ถึงแม้ว่าระดับน้ำในตัวเมืองเชียงรายและแม่สายจะลดลง แต่สิ่งที่ไม่ได้ระบายไปพร้อมกับน้ำ คือคำถามว่าปัจจัยที่ทำให้น้ำท่วมเชียงรายครั้งนี้รุนแรงกว่าทุกครั้ง เพื่อนำมาสู่การป้องกันเหตุอุทกภัยในอนาคต
ประชาไทคุยกับ ‘มงคลกร ศรีวิชัย’ อาจารย์ประจำหลักสูตรวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโลโยลีมงคลล้านนา จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการจัดการน้ำและภัยพิบัติ เพื่อร่วมถอดบทเรียนว่า ‘การสร้างสิ่งปลูกสร้าง และพัฒนาเมืองเชียงราย’ กำลังเป็นหนึ่งปัจจัยที่ทำให้น้ำท่วมครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งอื่นๆ หรือไม่ อย่างไร
บทเรียนแม่น้ำกอน
อาจารย์จากเชียงราย วิเคราะห์ว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้น้ำท่วมครั้งนี้มาจากปริมาณฝนจำนวนมาก อันเป็นผลกระทบจากหางพายุไต้ฝุ่นยางิ และความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ ที่ภาวะโลกร้อนที่ทำให้น้ำระเหยและกลั่นตัวกลายเป็นฝนปริมาณมากกว่าแต่ก่อน
หากถามว่าปัจจัยการพัฒนาเมืองเชียงราย มีผลทำให้น้ำท่วมครั้งนี้รุนแรงขึ้นหรือไม่ อาจารย์ผู้อาศัยในเชียงรายมานานกว่า 40 ปี กล่าวว่า มีผลเหมือนกัน เนื่องจากการพัฒนาเมืองเชียงรายบริเวณรอบลำน้ำต่างๆ ส่งผลให้ทางน้ำแคบลง และทำให้พื้นที่รองรับน้ำลดลง
ก่อนหน้านี้ย้อนไปเมื่อปี 2537 เคยเกิดน้ำท่วมใหญ่เชียงราย ปัญหาคือน้ำท่วมครั้งนั้นน้ำไม่ได้ล้นมาจากลำน้ำกก แต่มาจากลำน้ำกอน โดยหนึ่งในปัจจัยคือ มีโรงแรมมาสร้างในที่ดินริมตลิ่งของ 2 ฝั่งของลำน้ำกอน ทำให้แม่น้ำแคบลงและรองรับปริมาณน้ำไม่ได้เท่าเดิม น้ำจึงเอ่อล้นเข้าท่วมตัวเมือง บทเรียนจากครั้งนั้นทำให้ทางการเชียงราย สร้างคลองผันน้ำกก-กอน เพื่อระบายน้ำไม่ให้ท่วมเขตตัวเมือง หรือเขตเศรษฐกิจ
การพัฒนาเมืองรอบลำน้ำกก มีผลต่อน้ำท่วม (?)
สำหรับน้ำท่วมครั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการน้ำ มองว่า เนื่องจากมวลน้ำขนาดใหญ่ไหลจากพม่าเข้ามาที่เชียงราย พอผ่านลำน้ำกก ซึ่งแต่เดิมรอบๆ ลำน้ำเป็นเรือกสวนไร่นา และเป็นพื้นที่รองรับน้ำ แต่ถูกประชาชนและรัฐเข้าไปใช้ประโยชน์มากขึ้น มีการถมที่สร้างสถานที่พักผ่อน โรงแรม ศูนย์ราชการ และอื่นๆ ส่งผลให้ลำน้ำแคบลงมาก
ปัจจัยที่ 2 คือการขยายเมือง การสร้างสนามบิน ถนนบายพาส หรือการสร้างบ้านจัดสรรต่างๆ ปัญหาที่เจอบ่อยๆ คือน้ำระบายไม่ทัน นอกจากนี้ เวลาน้ำหลากจากแม่น้ำหรือพื้นที่ป่า จะมาพร้อมกับดินตะกอนหรือโคลน ซึ่งจะไปอุดตันท่อระบายน้ำ ทำให้ระบายน้ำไม่มีประสิทธิภาพจากก่อนหน้านี้ที่เคยรับปริมาณน้ำฝน 30-40 มิลลิลิตร (มล.) ได้สบายๆ ก็ระบายไม่ได้
พื้นที่ห่าง ‘ลำน้ำกก’ ยังไม่รอด
“พื้นที่น้ำท่วมปีนี้เปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะเพราะว่าน้ำท่วมไหลบ่ามาไกล พื้นที่ที่เราคิดว่าไกลจากน้ำกก และปลอดภัย ต่อไปจะไม่ปลอดภัย”
มงคลกร อธิบายว่า เขาอาศัยที่บ้านดู่ ใน อ.เมือง ซึ่งห่างจากแม่น้ำกก ประมาณ 4-5 กม. ปกติคนที่บ้านดู่ ถ้าน้ำจะท่วม เขาจะสังเกตปริมาณน้ำที่น้ำตกโป่งพระบาท ถ้าน้ำที่โปร่งพระบาทเยอะ แสดงว่าต้องรีบเตรียมตัวรับน้ำท่วมแล้ว แต่ครั้งนี้เขาไม่เคยเจอสถานการณ์ที่น้ำล้นตลิ่งจากลำน้ำกก แล้วท่วมไกลถึงตำบลนางแล จ.เชียงราย
อาจารย์มงคลกร กล่าวเพิ่มว่า ปกติแม่น้ำกกมีความเสี่ยงจะล้นตลิ่ง ประมาณ 3-4 ปีจะมีสักครั้งหนึ่ง เพราะว่าแม่น้ำมีตลิ่งสูง ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำปกติ 2.8 เมตร ในฤดูน้ำหลากเจ้าหน้าที่จะทำคันดินด้วย แต่ปีนี้น้ำมาเกินพิกัดมากจริงๆ
“พ่อผมอายุ 75 ปี บอกว่าตั้งแต่เขาเล็กจนโตเขายังไม่เคยเห็นน้ำท่วม (อ.เมือง) เชียงราย แล้วลามมาถึงนางแลได้เลย นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขา” ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการน้ำ กล่าว
ทุกที่จะเผชิญความเสี่ยงเดียวกัน
ต่อไปทุกที่จะเผชิญความเสี่ยงจากอุทกภัยแบบเชียงรายมากขึ้น เนื่องจากความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการน้ำ เสนอว่า เราต้ององค์ความรู้ให้ประชาชนมากขึ้น และการสื่อสารการเตือนภัยที่เข้าใจง่าย เพื่อลดความสูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนได้
"ตอนนี้เชียงรายเละมาก น้ำท่วมหมดเลย รถยนต์ดีๆ รถมอเตอร์ไซค์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ร้านเหล้า ถ้าหากเรามีระบบการจัดการที่ดี หรือการเตือนภัยที่ดี ประชาชนสามารถรู้ข้อมูลต่างๆ และย้ายของไปยังจุดที่ปลอดภัย ความเสียหายตรงนี้จะไม่เกิด หลายคนตอนนี้ได้รับผลกระทบทางใจ เป็นภาวะซึมเศร้า" อาจารย์มงคลกร กล่าว
ข้อเสนอของอาจารย์มงคลกร เขาอยากฝากบอกถึงภาครัฐว่า ประชาชนฝากความหวังไว้กับพวกเขามาก อยากให้การพัฒนาเมืองควบคู่กับการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพราะเส้นทางน้ำ ผังน้ำ พื้นที่ชุ่มน้ำหรือพื้นที่แก้มลิง หรือเมื่อก่อนเชียงรายมีหนองบัวเยอะมาก แต่ตอนนี้ลดลงไปเรื่อยๆ สิ่งที่เกิดขึ้นคือเราต้องหาทางรักษาพื้นที่ชุ่มน้ำเหล่านี้ไว้
“เราอยากให้เศรษฐกิจเราดีขึ้น ทุกคนเข้าใจ แต่เราจะพัฒนาอย่างไรที่จะไม่ส่งผลกระทบเหมือนเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เชียงรายนี้ และเราจะพัฒนาเมืองที่จะส่งต่อให้คนรุ่นหลังอย่างไร เพราะลูกหลานคนเชียงรายจะอยู่ในพื้นที่เชียงรายต่อ” มงคลกร ทิ้งท้าย
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)