กษิต ยกย่องสมเด็จฮุน เซน จากกุ๊ยกลายเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ให้คำปรึกษา มีอาวุโส แถมชมเป็นสุภาพบุรุษ ปี๊ดแตก เจอนักข่าวถามแล้วของขึ้น เตือนสื่ออย่าถามตอแย ให้ช่วยกันสร้างสรรค์ความสัมพันธ์ให้เดินหน้า เมินหนังสือพิมพ์ยุแยงตะแคงรั่ว พร้อมอัดกลับฝ่ายค้านยกเมฆ ท้าพูดของจริงดีกว่า
กษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย (ขวา) เข้าพบกับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่กรุงพนมเปญ เมื่อ 26 ม.ค. ที่ผ่านมา (ที่มา: Daylife.com/Reuters/Chor Sokunthea)
เมื่อเวลา 17.10 น. วันที่ 26 ม.ค. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ (โฟนอิน) จากประเทศกัมพูชาถึงผลการเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการเพื่อแนะนำตัวในฐานะเข้ารับตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศคนใหม่ ว่าตนเข้าพบบุคคลสำคัญทั้งหมดของกัมพูชาซึ่งการเยือนเป็นไปด้วยบรรยากาศที่เป็นมิตร ฝ่ายกัมพูชากล่าวว่าถึงเวลาแล้วที่จะดำเนินความสัมพันธ์อย่างสร้างสรรค์และหาทางเจรจาข้อยุติโดยสัญญาว่าจะไม่มีการใช้กำลังใดๆ ทั้งสิ้น ขณะเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายจะไม่หวั่นไหวต่อเสียงนกเสียงกาที่มาจากองค์กรที่ตั้งใจจะบิดเบือนหรือทำให้เกิดความเข้าใจผิด
นายกษิตกล่าวว่า สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาจะร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 14 ที่หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีการพูดคุยว่าจะจัดเวลาให้ผู้นำสองประเทศมีการพบและหารือทวิภาคีนอกรอบซึ่งตนจะหารือกับนายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศในกรอบการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชา (เจซี) ในเดือน มี.ค.นี้
นอกจากนั้นสมเด็จฮุน เซน ยังหยิบยกเรื่องการสร้างสนามกอล์ฟ 27 หลุมซึ่งมีพื้นที่ติดต่อระหว่างไทย กัมพูชาและลาว ซึ่งเป็นความฝันและเป็นความหวังที่เป็นไปได้เพราะไม่มีปัญหาทางเทคนิคแต่อย่างใด
นายกษิตกล่าวต่อว่าสมเด็จฮุน เซน พูดกับตนเป็นประโยคแรกว่าเราเคยทำงานร่วมกันในการเจรจาสันติภาพที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อ ค.ศ.1979 เป็นเวลากว่า 1 เดือนซึ่งพอจะรู้จักมักจี่กันและในวันสุดท้ายของการประชุมดังกล่าว ตนเดินไปหาสมเด็จฮุน เซนพร้อมกับกล่าวว่าปรารถนาที่จะร่วมมือกันในอนาคต
"ผมขอวิงวอนและฝากให้สังคมไทยร่วมกัน ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาจะต้องเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และขับเคลื่อนโดยสันติวิธีซึ่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชายืนยันว่าหากจะต้องดำเนินการร่วมกันอีกหลายเรื่อง จะไม่นำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มาเป็นอุปสรรคต่อความร่วมมือระหว่างกันเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน" นายกษิตกล่าว
นายกษิตกล่าวอีกว่า ระดับผู้นำทั้งสองประเทศมีความคิดความอ่านและความมุ่งมั่นที่จะทำให้ดีขึ้น
"ท่านฮอร์ นัมฮงก็ดี ท่านสมเด็จฮุนเซนก็ดี ท่านก็ยังพูดอีกว่ามีอะไรก็อยากให้โทรศัพท์ถึงกัน และก็ไม่อยากให้เรื่องข่าวในหนังสือพิมพ์ ที่อาจจะมีการลงข่าวที่คลาดเคลื่อน หรือมีการยุแยงตะแคงรั่วอะไรต่างๆ เหล่านี้มาเป็นอุปสรรค เราต้องมีความอดทนอดกลั้นและนิ่งเฉย ทำแต่สิ่งที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อทั้ง 2 ประเทศ" นายกษิต กล่าวและว่า ในวันที่ 2-4 ก.พ. จะเริ่มเจรจาคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ส่วนการปักปันเขตแดนทางทะเลต้องรอให้ ครม.แต่งตั้งนายวศิน ธีรเวชญาน เป็นหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายไทย
ต่อข้อถามว่า ให้ความมั่นใจได้หรือไม่ว่าในช่วงนี้จะไม่เกิดการกระทบกระทั่งกันตามแนวชายแดน นายกษิตกล่าวตอบรับว่า ได้ ทั้งในระดับการเมืองและระดับกลางคือ กระทรวงกลาโหมและระดับแม่ทัพมีการพูดคุยกันตลอดเวลาและรับทราบนโยบายของรัฐบาลที่ให้มีการปรับกำลังและมีการเจรจาว่าจะใช้สันติวิธี ซึ่งระดับปฏิบัติก็ต้องทำตาม
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการหารือถึงกระแสข่าวที่ว่ามีการสร้างถนนเข้าสู่พื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหาร และตาเมือนธม ด้วยหรือไม่ นายกษิตตอบว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคง ซึ่งตนคิดว่าฝ่ายทหารคงพูดจากันมาตลอด
เมื่อถามว่าสมเด็จฮุนเซนได้สอบถามถึงสิ่งที่นายกษิต เคยกล่าวปราศรัยโจมตีสมเด็จฮุน เซน บนเวทีพันธมิตรฯ อย่างรุนแรงหรือไม่ นายกษิตตอบว่า "ผมคิดว่าท่านฮุนเซน ท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ครับ และท่านได้พูดกับผมประโยคแรกว่า เราเคยรู้จักกันเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เพราะฉะนั้น ท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่พอ แล้วก็เป็นสุภาพบุรุษ เป็นผู้อาวุโสสูงสุดในแวดวงการเมืองของอาเซียน คิดว่าท่าน (สมเด็จฮุนเซน) ก็คงจะมองไปข้างหน้าในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน ผมคิดว่าท่านไม่ใช่เป็นเด็กตอแย และผมคิดว่าพวกเรา (ผู้สื่อข่าว) ก็อย่าทำหน้าที่หรือพูดตอแยนะครับ เราควรจะรุดหน้าและช่วยกันสร้างสรรค์ ให้ความสัมพันธ์เดินไปข้างหน้าได้" นายกษิตกล่าว
เมื่อถามว่าฝ่ายค้านได้มีการอภิปรายถึงตัวนายกษิตว่าไม่มีความเหมาะสมในการดำเนินการทางการทูตกับกัมพูชา เพราะเคยวิจารณ์สมเด็จฮุนเซนไว้อย่างรุนแรง นายกษิตตอบว่า "ฝ่ายค้านทั้งหมด ก็ไม่ใช่สมเด็จฮุนเซนนะครับ เพราะท่านสมเด็จฮุนเซนได้ประพฤติตนปฏิบัติตนต่อผมเยี่ยงผู้หลักผู้ใหญ่ในทางการเมือง ให้ความกรุณาและการปรึกษาหารือร่วมชั่วโมง เป็นไปด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส และเต็มไปด้วยความสร้างสรรค์นะครับ ส่วนฝ่ายค้านจะพูดอะไรและยกเมฆขึ้นมา ผมขอไม่ขอรับฟังนะครับ ขอพูดแต่ของจริงนะครับ เอาของแท้มาพูดกัน"
ผู้สื่อข่าวถามว่าภายหลังเดินทางกลับจากกัมพูชาแล้ว จะเข้าร่วมประชุมรัฐสภาในวันที่ 27 ม.ค.นี้ เพื่อชี้แจงถึงเรื่องที่ถูกพาดพิงหรือไม่ นายกษิต ตอบอย่างมีอารมณ์ว่า "แน่นอน แน่นอนครับ ท่านอภิสิทธิ์ ก็พูดในสภาฯ แล้ว ผมไม่หนีสภาครับ ผมเป็นส่วนหนึ่งของครรลองทางประชาธิปไตย แต่การที่ผมมากัมพูชาครั้งนี้เพราะเป็นมติของพรรค และเราให้ความเคารพ เราให้เกียรติต่อรัฐบาลกัมพูชาที่เขาได้เชิญและเมื่อผมตอบรับแล้วก็ต้องเดินทางมา ผมคิดว่าผู้ที่มีความรับผิดชอบต่อประเทศไทย ทั้งในและนอกสภาฯ ก็ต้องเห็นความจำเป็นอันนี้ ผมไม่ได้หนีสภาฯ แต่ผมมาปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติ พรุ่งนี้ผมก็พร้อมที่จะพบกับพรรคฝ่ายค้านทุกท่าน ไม่หนีไปไหน ผมไม่หนีไปไหน พร้อมที่จะเผชิญกับทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นในสภาฯ พรุ่งนี้ (27ม.ค.) ไม่หนีครับ ไม่กลัวและก็ไม่โดดด้วยครับ" นายกษิตกล่าว
ต่อข้อถามถึงกรณีการดำเนินการขออภัยโทษให้กับนักโทษชาวไทยมุสลิม 2 คนที่ถูกพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต นายกษิตตอบว่า ตนได้ไปเยี่ยมนักโทษไทยทั้งสองคนที่สถานที่กักกัน โดยได้พาภรรยาของนักโทษทั้งสองเดินทางไปยังกัมพูชาด้วย และตนได้แจ้งอย่างเป็นทางการต่อฝ่ายรัฐมนตรีของกัมพูชาแล้วเกี่ยวกับกระบวนการการขออภัยโทษ เพราะกระบวนการทางศาลได้ถึงที่สุดแล้วคือศาลฎีกาลงโทษแล้ว จากนี้ก็เข้าสู่กระบวนการขออภัยโทษ ก็ต้องไปตามครรลองซึ่งขึ้นอยู่กับกระบวนการของฝ่ายกัมพูชาที่จะรับไปพิจารณา และรัฐบาลไทยก็จะติดตามเรื่องนี้ต่อไป อย่างไรก็ตามจะดูแลครอบครัวของนักโทษทั้งสองคน และดูแลนักโทษทั้งสองคนนี้ต่อไปด้วย ซึ่งที่ผ่านสถานเอกอัครราชทูตไทยในกัมพูชาได้เดินทางไปเยี่ยมนักโทษทั้งสองคนนี้โดยตลอด
ในช่วงท้ายของการโฟนอิน ขณะที่ผู้สื่อข่าวกำลังถามถึงการเข้าเฝ้ากษัตริย์กัมพูชา ปรากฏว่า ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศซึ่งเดินทางไปกัมพูชาร่วมกับนายกษิต ได้ตัดบท ตอบคำถามแทนรัฐมนตรีในการโฟนอินว่า พอดีท่านรัฐมนตรีติดภารกิจอื่น จึงขอยุติการให้สัมภาษณ์เพียงแค่นี้
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)