23 เม.ย. 54 - นับเป็นวันที่ 2 ที่มีการเปิดฉากปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชา บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ปราสาทตาควาย ต.บักได และตาม ตะเข็บแนวชายแดนไปจนถึงปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ โดยวันนี้ (23 เม.ย.) ทั้ง 2 ฝ่ายต่างเปิดฉากปะทะกันขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่เวลา 06.00 น. ที่บริเวณปราสาทตาควาย และเริ่มหนักขึ้นจนมีการใช้อาวุธหนักตอบโต้กันตั้งแต่ปราสาทตาควาย ต.บักได ไปจนถึงปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ นอกจากนี้ยังพบว่ามีการใช้อาวุธประจำกาย ปืนกล และเครื่องยิงลูกระเบิด ค.60 แล้ว ยังเพิ่มการตอบโต้กันด้วยอาวุธหนักและรุนแรงขึ้น
ขณะเดียวกันชาวบ้านที่หมู่บ้านที่อยู่ใกล้แนวชายแดน ทั้ง อ.พนมดงรัก และอ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ยังอพยพออกจากหมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัย เนื่องจากมีเสียงอาวุธหนักตอบโต้กัน ได้ยินชัดเจนและหนักขึ้น ทำให้ศูนย์อพยบทั้ง 6 แห่ง ที่จังหวัดจัดตั้งขึ้นประกอบด้วยศูนย์อพยพโรงเรียนบ้านโคกกลาง บ้านโนนสมบูรณ์ บ้านโคกโบสถ์ นิคมสร้างตนเองปราสาท โรงเรียนประสาทวิทยาคารและโรงเรียนโสตศึกษาสุรินทร์ มีชาวบ้านอพยพมาอยู่เพิ่มขึ้นแล้วกว่า 25,000 คน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องดูแลอำนวยความสะดวกมากขึ้น
นอกจากนี้ที่อำเภอกาบเชิง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ติดกับแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทางอำเภอทำการอพยพชาวบ้านใน 5 หมู่บ้าน จำนวน 15,000 คน ออกไปอยู่ที่ศูนย์อพยพ 2 แห่ง คือที่โรงเรียนสังขะ อ.สังขะ และที่โรงเรียนบ้านคูตัน เนื่องจากว่าอาจจะเกิดความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ ในขณะนี้
จากการปะทะกันที่เกิดขึ้นในช่วงเช้าที่ผ่านมาส่งผลให้ทหารไทย เสียชีวิต 1 ราย คือพลทหารสมคิด สมศรี ทหารพรานสังกัดกองร้อยทหารพรานจู่โจมที่ 2606 กรมทหารพรานที่ 26 ได้รับบาดเจ็บถึง 11 ราย ทั้งหมดถูกนำตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรักและส่งต่อรักษาที่โรงพยาบาลศูนย์สุรินทร์ ซึ่งโรงพยาบาลอำเภอพนมดงรักขณะนี้ได้ปรับเปลี่ยนเป็นศูนย์เพื่อรองรับผู้บาดเจ็บ จากการปะทะ ซึ่งมีแพทย์ทหารและพยาบาลอยู่ดูแล ส่วนแพทย์ พยาบาลบางส่วนไปประจำอยู่โรงพยาบาลข้างเคียงเพื่อรักษาผู้ป่วยที่อพยบออกไป ไม่มีการปิดโรงพยาบาลแต่อย่างใดและส่งต่อเข้ารักษาที่โรงพยาบาลศูนย์สุรินทร์
ส่วนด่านผ่านช่องจอม-โอร์เสม็ด ต.ด่าน อ.กาบเชิง แหล่ง สร้างรายได้ จากการค้าขายชาวไทยกับชาวกัมพูชา ก็ปิดหลัง เงียบเหงา หลังการสู้รบเกิดขึ้น กองทัพภาคที่ 2 สั่งปิดด่านถาวรอย่างไม่มีกำหนด อย่างไรก็ตามมีกระแสข่าวจากพื้นที่ ชายแดน บริเวณ อ.พนมดงรักว่า จะมีการปะทะกันเกิดขึ้นอีก ในบริเวณปราสาทพระวิหาร ซึ่งสถานการณ์ รบจะหนักและรุนแรง เช่นเดียวกับพื้นที่ อ.พนมดงรัก ซึ่งกระแสข่าวดังกล่าวเป็นจริงหรือไม่ หลายฝ่ายกำลังติดตามสถานการณ์ อย่างใกล้
ขณะเดียวกันในช่วงเช้าวันนี้ กองทัพภาคที่ 2 ได้สนับสนุนกระสุน และอาวุธหนัก เข้าเสริมหน่วยรบหลัก ตามแนวชายแดน อย่างต่อเนื่องเต็มอัตรากำลัง คาดการสู้รบครั้งนี้ยาวนาน ยื้ดเยื้อ และแตกหักอย่างแน่นอน
เมื่อวันที่ 23 เม.ย. สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เหตุการณ์ทั่วไปยังคงเป็นปกติ แต่ชาวบ้านนอนผวาตลอดทั้งคืน หลังเห็นข่าวการปะทะที่ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา พร้อมเตรียมตัวเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ทันทีหากได้รับคำสั่งจากทางการ
นางสัมฤทธิ์ แสนประดับ ชาวบ้านภูมิซรอล ม. 2 ต.เสาธงชัย 1 ใน 7 ครอบครัวที่ได้รับความเสียหายจากเหตุปะทะเมื่อต้นเดือน ก.พ. 54 ที่ผ่าน กล่าวว่า เมื่อคืนเป็นคืนแรกที่ได้รับมอบโทรทัศน์มา ก็เปิดดูข่าวเหตุปะทะที่สุรินทร์ ชาวบ้านที่นี่ก็นอนไม่หลับกันเท่าไหร่ ยังสองจิตสองใจอยู่กลัวว่าจะลามมาที่เขาพระวิหาร เพราะปกติเกิดเรื่องทางโน้นแล้วจะลามมาที่เขาพระวิหารเป็นส่วนใหญ่ ชาวบ้านก็ตกใจ แต่ก็ยังไม่ได้รับคำสั่งให้เตรียมพร้อมอพยพแต่อย่างใด
นางสัมฤทธิ์ กล่าวต่อว่า เห็นภาพการอพยพของชาวบ้านที่จ.สุรินทร์แล้ว นึกถึงภาพของตัวเองและชาวบ้านที่นี่ และอยากฝากความคิดถึง หวังว่าคงจะไม่ร้ายแรงเหมือนกันภูมิซรอล ขอให้พี่น้องเชื่อฟังเจ้าหน้าที่เขาแนะนำอย่างไรก็ปฏิบัติตาม และหวังว่าทางรัฐบาลจะสามารถเจรจาประนีประนอมได้ในระดับหนึ่ง
“อยากฝากไปถึงนายกอภิสิทธิ์ ให้ช่วยเร่งรัดให้สงครามยุติโดยเร็วที่สุด ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็แล้วแต่ ขอให้ชาวบ้านมั่นใจเต็มร้อยว่าจะไม่เกิดสงคราม จะไม่ให้เราแตกตื่นอีก เพราะที่ผ่านมาบอกว่าจะไม่เกิดขึ้นแต่ก็เกิด เหมือนที่สุรินทร์ที่เกิดขึ้นมาแล้วในขณะนี้ ที่ชายแดนเขาพระวิหารก็ไม่แน่ว่าจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาบอกว่าจะไม่เกิดมันก็เกิดขึ้นมาแล้ว ” นางสัมฤทธิ์ กล่าว
นางชันยภัทร์ ประดับศรี อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58 ม. 12 บ.ซำร่อง ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ได้เห็นข่าวการอพยพของชาวบ้านที่ จ.สุรินทร์แล้วนึกถึงภาพตอนที่คนที่นี่อพยพหนีการปะทะ เขาคงจะมีความรู้สึกไม่ต่างจากเรา เห็นแล้วก็รู้สึกสงสารเขาเหมือนกัน
ในฐานะที่เคยประสบเหตุการณ์อพยพหนีการปะทะมาก่อน อยากฝากไปยังพี่น้องทางสุรินทร์ให้ติดตามข่าวเรื่อย ๆ ให้ตื่นตัวตลอด เวลามีเหตุการณ์อะไรให้เคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด เพราะว่าลูกปืนไม่เข้าใครออกใคร เหมือนวันนั้นถ้าตนและคนในครอบครัวออกไม่ทันก็คือตายหมดบ้าน เพราะเขาไม่ได้แจ้งมาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์ขึ้นมาเมื่อไหร่
“ทางที่ดีเราต้องเตรียมพร้อมไว้ดีที่สุด สิ่งสำคัญคือบัตรประชาชน เอกสารสำคัญต่าง ๆจะต้องเก็บเตรียมพร้อมไว้ น้ำมันรถต้องเติมเต็มไว้ เพราะหากเกิดเหตุการณ์ 4 - 5 ทุ่มก็ต้องออกไป หากน้ำมันกลางทางจะหาปั้มเติมไม่ได้เพราะฉะนั้นน้ำมันรถเป็นสิ่งสำคัญทั้งรถเล็กรถใหญ่ต้องเติมให้เต็มไว้ตลอด ” นางชันยภัทร์ กล่าว
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ว่า รายงานล่าสุดของกระทรวงสาธารณสุขนั้นมีทหารไทยเสียชีวิตแล้ว 3 คน บาดเจ็บ 15 คน แต่การปะทะล่าสุดในช่วงเช้าวันที่ 23 เมษายนยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ส่วนการรักษาพยาบาลนั้น เบื้องต้นกระทรวงสาธารณสุขได้สั่งการให้สำรองเวชภัณฑ์และบุคลากรทางการแพทย์ ใน 5 โรงพยาบาลพื้นที่ใกล้เคียง คือโรงพยาบาลพนมดงรัก โรงพยาบาลกาบเชิง โรงพยาบาลบัวเชษฐ์ โรงพยาบาลปราสาทและโรงพยาบาลจังหวัดสุรินทร์ จ.สุรินทร์ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเหตุฉุกเฉิน พร้อมทั้งมีการจัดชุดแพทย์เคลื่อนที่ไปยังศูนย์อพยพ 10 ศูนย์ที่ได้มีการก่อตั้งขึ้น โดยหน่วยแพทย์เคลื่อนที่นั้นจะมีทั้งแพทย์ พยาบาลและผู้เชี่ยวชาญในการดูแลสุขภาพจิตประชาชน เพื่อให้ดูแลประชาชนที่มีความเครียดและกลุ่มเสี่ยงที่จะตัดสินใจกระทำการในสิ่งที่ไม่ถูกต้องทั้งหมด
ที่มาข่าว: คม ชัด ลึก
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)