Skip to main content
sharethis

กรณีแชร์ภาพออนไลน์อ้างว่าเป็นป้าย "งดรับผู้โดยสารชาวญี่ปุ่น" ล่าสุดทั้งนายกสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่แท็กซี่ และสมาคมผู้ขับรถแท็กซี่เพื่อไทยสุวรรณภูมิซึ่งถูกอ้างชื่อ ปฏิเสธไม่เกี่ยวกับป้ายดังกล่าว ชี้ทำแบบนี้รายได้หายหมด-ทุกคนต้องเลี้ยงครอบครัว ถ้าแท็กซี่รายไหนทำจริง สมาคมจะไม่ออกหน้ารับผิดให้ ขณะที่การท่าฯ สุวรรณภูมิ สั่งลงโทษแท็กซี่ขอเหมา-ไม่เปิดมิเตอร์แล้ว โดยถูกห้ามขับแท็กซี่เข้าสนามบินตลอดไป

21 ม.ค. 2558 - กรณีที่มีผู้แชร์ภาพโดยไม่ระบุที่มา อ้างว่าเป็นป้าย "งดรับผู้โดยสารชาวญี่ปุ่น" อ้างว่าประกาศโดยสมาคมผู้ขับรถแท็กซี่เพื่อไทยสุวรรณภูมินั้น ล่าสุด ไทยรัฐออนไลน์ สัมภาษณ์ นายธารินทร์ แกมขุนทด นายกสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับคนในสมาคม หากมีแท็กซี่คนใดมีพฤติกรรมดังกล่าวจริง ก็พร้อมคัดค้าน การกระทำแบบนี้ หากมีจริงก็ถือได้ว่าเป็นการสร้างภาพลบต่อการท่องเที่ยวไทย และทำให้ประเทศชาติเสื่อมเสีย และจะใช้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้โพสต์ภาพดังกล่าว

ด้านนายศดิศ ใจเที่ยง นายกสมาคมผู้ขับรถแท็กซี่เพื่อไทยสุวรรณภูมิ ซึ่งถูกอ้างถึงในป้ายประกาศนั้น ข่าวสดออนไลน์ ได้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยนายศดิศ ระบุว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง แต่เห็นภาพจากในสื่อแล้ว ยืนยันว่าทางสมาคมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการติดป้ายงดรับผู้โดยสาร เพราะโดยข้อเท็จจริงแล้วเราไม่สามารถเกี่ยงได้ว่า จะรับหรือไม่รับผู้โดยสารชาติใด ถ้าทำอย่างนั้นรายได้จะหายหมด เราทุกคนยังต้องหาเลี้ยงครอบครัวอยู่

ส่วนสาเหตุที่มีภาพแท็กซี่ติดป้ายดังกล่าว นายกสมาคมฯ กล่าวว่า อาจมาจากกรณีที่ชาวญี่ปุ่นให้ข่าวทำนองว่า แท็กซี่ไทยเรียกเก็บเงินมหาโหด ทำให้ผู้ขับแท็กซี่เสียหาย และอาจมีบางรายไม่พอใจ จึงติดป้ายดังกล่าว ในฐานะของนายกสมาคมฯ ขอตำหนิการกระทำเช่นนี้ ยืนยันว่าทางสมาคมฯไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบหาที่มาของภาพดังกล่าว ถ้าพบว่าสมาชิกของสมาคมติดป้ายจริง ผู้นั้นจะต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยตนเอง สมาคมจะไม่ออกตัวรับผิดชอบให้ เพราะถือว่าทำให้สมาคมเสียหาย

กรณีแท็กซี่สุวรรณภูมิไม่เปิดมิเตอร์ ผอ.การท่าสุวรรณภูมิ สั่งลงโทษห้ามเข้ามารับผู้โดยสารตลอดไป

สำหรับกรณีภาพที่เผยแพร่ในโลกออนไลน์ดังกล่าว จุดเริ่มต้นเกิดตั้งแต่ กรณีที่มีชาวญี่ปุ่นชื่อ "โคกิ อากิ" ซึ่งมีชื่อเสียงจากกิจกรรมช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสในกรุงเทพมหานคร ได้ร้องเรียนในเฟซบุ๊คของเขาเมื่อวันที่ 18 ม.ค. ว่า มีแท็กซี่ที่ให้บริการในสนามบินสุวรรณภูมิ ไม่ยอมเปิดมิเตอร์ และเรียกอัตราเหมาจากสนามบินสุวรรณภูมิไปสะพานควายเป็นเงิน 700 บาท อ้างว่าเป็นรถแท็กซี่ขนาดใหญ่ ตอนหนึ่งเขาเขียนร้องเรียนว่า " ที่นี่คือสนามบินแห่งชาติของประเทศไทยนะครับและที่นี่คือสถานที่รอรถแท็กซี่ของสนามบินนานาชาติ แม้กระทั่งมีการโกง และไม่สนใจผู้โดยสาร เราคนต่างชาติจะทำยังไงได้ครับ เจ้าหน้าที่สนามบินไม่มีหน้าที่ดูแลคนขับแท็กซี่เหรอครับ แม้กระทั่งพยายามจะไม่สนใจผู้โดยสาร ทำเหมือนกับปล่อยไปเถอะ" (อ่านในข่าวสด, 19 ม.ค. 2558)

และในวันนี้ (21 ม.ค.) ในโลกออนไลน์มีการแชร์รูปที่ไม่สามารถระบุที่มาได้ อ้างชื่อสมาคมผู้ขับรถแท็กซี่เพื่อไทยสุวรรณภูมิ ระบุว่า "งดรับผู้โดยสารชาวญี่ปุ่น" จนในช่วงสายวันนี้สมาคมที่ถูกอ้างถึง และสมาคมวิชาชีพของผู้ขับรถแท็กซี่ได้ปฏิเสธข่าวดังกล่าว

ต่อมาในวันที่ 19 ม.ค.   นายประพนธ์  ปัทมกิจสกุล ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.)ได้แถลงเผยแพร่ในเว็บไซต์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระบุว่า ได้สั่งลงโทษรถแท็กซี่ที่เรียกเหมาราคาค่าโดยสารจากผู้โดยสารชาวญี่ปุ่นไม่ให้เข้ามาให้บริการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ  โดยชี้แจงว่า กรณีดังกล่าว หลังทราบเรื่องเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ได้แนะนำให้ชาวญี่ปุ่นคนดังกล่าวเขียนใบร้องเรียน เพื่อที่ ทสภ. จะได้มีหลักฐานในการดำเนินการลงโทษ แต่ชาวญี่ปุ่นไม่ได้เขียนใบร้องเรียน เจ้าหน้าที่จึงขอให้ชาวญี่ปุ่นทำการกดบัตรคิวเพื่อใช้บริการรถแท็กซี่คันใหม่

"จากกรณีดังกล่าว ทสภ. ได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าผู้ขับขี่รถแท็กซี่ที่มีการเรียกราคาเหมากับนายโคกิ อากิ นั้น ชื่อนายไชยยันต์  เจริญโสภา เป็นผู้ขับขี่รถแท็กซี่ Van ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอินโนว่า หมายเลขทะเบียนรถ มฎ-5178 กทม. หมายเลขประจำตัวผู้ขับขี่ 570297 และได้ยอมรับว่ามีการเรียกเหมาราคาจาก นายโคกิ อากิจริง ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการปฏิบัติที่ผิดระเบียบของผู้ขับขี่รถยนต์รับจ้างสาธารณะ ที่ ทสภ. กำหนดไว้เกี่ยวกับการเรียกเก็บค่าโดยสารเกินอัตราที่ปรากฏตามมาตรมิเตอร์ค่าโดยสาร และความผิดดังกล่าว ทสภ. ได้กำหนดบทลงโทษให้พักการให้บริการในเขต ทสภ. ตลอดไป ซึ่งในกรณีนี้ ทสภ. ได้มีการยกเลิกรหัสของนายไชยยันต์ เจริญโสภา และสั่งห้ามไม่ให้เข้ามาให้บริการรับผู้โดยสารที่ ทสภ. ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม 2558 เป็นต้นไป"

นายประพนธ์ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบัน ทสภ. มีรถแท็กซี่ที่ลงทะเบียนเพื่อให้บริการจำนวนทั้งสิ้น 5,014 คัน โดยมีเที่ยววิ่งเฉลี่ย 8,500 เที่ยวต่อวัน หรือเฉลี่ยประมาณ 255,000 เที่ยวต่อเดือน ซึ่งในแต่ละเดือน มีการร้องเรียนการใช้บริการรถแท็กซี่ในเรื่องต่าง ๆ ประมาณ 35 รายต่อเดือน ซึ่งหาก ทสภ. มีการตรวจสอบข้อร้องเรียนและพบว่าผู้ขับขี่รถแท็กซี่มีการกระทำความผิดจริง ทสภ. ได้มีการสั่งลงโทษทุกรายอย่างเด็ดขาดโดยไม่มีข้อยกเว้น ดังนั้น ทสภ. จึงใคร่ขอความร่วมมือหากพบเห็นผู้ขับขี่รถแท็กซี่รายใดมีการกระทำที่ไม่เหมาะสม อาทิ ไม่เปิดมิเตอร์ การพูดจาแสดงอาการไม่สุภาพต่อผู้ใช้บริการ การปฏิเสธผู้โดยสาร หรือกรณีหลงลืมทรัพย์สินไว้บนรถแท็กซี่ สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่ ฝ่ายบริหารการขนส่ง ทสภ. โทร 0 2132 9199 ตลอด 24 ชั่วโมง และเก็บสลิปการจัดคิวไว้ เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการติดตามและตรวจสอบ

ทสภ. ระบุด้วยว่า ในช่วงระหว่างเดือนตุลาคม 2557 – 18 มกราคม 2558 ทสภ. ได้มีการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (ระบบ KIOSK) เพื่อการบริหารจัดการรถรับจ้างสาธารณะ มาใช้งานแล้วนั้น ทสภ. สามารถติดตามสิ่งของที่ผู้โดยสารหลงลืมส่งคืนให้เจ้าของได้อย่างรวดเร็ว จำนวน 128 ราย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net