Skip to main content
sharethis

18 ส.ค. 2558 มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ส่งใบแจ้งข่าวว่า ศาลปกครองสงขลากำหนดวันนัดอ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขดำที่ 39/2553 ในวันที่ 21 สิงหาคม  2558  เวลา 10.00น. ณ  ห้องพิจารณาที่ 1 ศาลปกครองสงขลา   โดยคดีดังกล่าว นางแบเดาะ สะมาแอ ในฐานะผู้ฟ้องคดี ได้ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายทางละเมิดจากกระทรวงกลาโหม ที่ 1 กองทัพบก ที่ 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 3 และสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 4 เป็นผู้ถูกฟ้องคดี เนื่องจากเจ้าหน้าที่ในสังกัดของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสี่ได้กระทำละเมิดในระหว่างปฏิบัติหน้าที่โดยใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกควบคุมตัวนายอัสฮารี สะมาแอ บุตรชายของผู้ฟ้องคดี กับพวก และได้ซ้อมทรมานทำร้ายร่างกายในระหว่างการควบคุมตัวจนเป็นเหตุให้นายอัสฮารี สะมาแอ เสียชีวิตในเวลาต่อมา จึงขอเชิญท่านที่สนใจเข้าฟังคำพิพากษาของศาลร่วมกันตามวันและเวลาดังกล่าวข้างต้น
   
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ระบุว่า ข้อเท็จจริงกรณีนี้ เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 เวลาประมาณ 11.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารหน่วย เฉพาะกิจที่ 11 กับหน่วยเฉพาะกิจที่ 13 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา ร่วมกันปิดล้อม ตรวจค้น และควบคุมตัวนายอัสอารี สะมาแอ กับพวก บริเวณสวนยางพารา หมู่ที่ 5 บ้านจาเราะซีโป๊ะ ต.สะเอะ อ.กรงปินัง จ.ยะลา โดยอาศัยอำนาจตามกฎอัยการศึก ปรากฏว่าเวลาประมาณ 19.00 น. เจ้าหน้าที่ไดนำตัวนายอัสฮารีฯ ไปส่งที่โรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหาร .ปัตตานี เนื่องจากนายอัสฮารีฯ ได้รับบาดเจ็บสาหัส และแพทย์ได้ส่งไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลปัตตานี และโรงพยาบาลศูนย์ยะลาตามลำดับ โดยได้เสียชีวิตในวันที่ 22 กรกฎาคม 2550 เวลาประมาณ 05.20 น. ที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา โดยใบความเห็นแพทย์ระบุว่า เสียชีวิตเนื่องจากสมองบวม ตามร่างกายมีรอยฟกช้ำ ต่อมาผู้ถูกจับกุมและควบคุมตัวพร้อมนายอัสฮารีฯ ได้ร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่า ถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายร่างกายในระหว่างการควบคุมตัวทำให้ได้รับบาดเจ็บ และเจ้าหน้าที่ได้ทำร้ายร่างกายนายอัสฮารีจนเป็นเหตุให้นายอัสฮารีฯเสียชีวิต

นางแบเดาะ สะมาแอ มารดา จึงฟ้องเรียกค่าเสียหายจากหน่วยงานต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ผู้กระทำละเมิดในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ต่อศาลแพ่ง แต่เนื่องจากคดีอยู่ในเขตอำนาจของศาลปกครองสงขลา ศาลแพ่งจึงมีคำสั่งโอนคดีไปศาลปกครองสงขลา

ศาลปกครองสงขลา ได้มีคำพิพากษาในคดีวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2555 ให้สำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะหน่วยงานต้นสังกัดของกอ.รมน  ชดใช้ค่าเสียหายทางละเมิดแก่นางแบเดาะ สะมาแอ มารดาของนายอัสฮารี  สะมาแอ  ผู้เสียชีวิต  เนื่องจากเชื่อว่าบาดแผลตามร่างกายของนายอัสฮารีกับพวกไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เองโดยไม่ถูกทำร้ายร่างกาย  และเกิดขึ้นในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ทำการจับกุมและควบคุมตัวการจับกุมและควบคุมตัวนายอัสฮารีฯ ดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย นอกจากนี้ ข้ออ้างของผู้ถูกฟ้องคดีที่ว่าผู้ฟ้องคดีไม่มีอำนาจฟ้องเนื่องจากมาตรา 16 พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พ.ศ. 2457 ที่บัญญัติว่าความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นอย่างหนึ่งอย่างใดในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารบุคคลจะร้องขอค่าเสียหายไม่ได้นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าหากเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารได้ใช้อำนาจไปโดยมิชอบด้วยกฎหมายและเป็นการละเมิดต่อบุคคลอื่นแล้วจะไม่ต้องรับผิดแต่อย่างใด อีกทั้งผู้ถูกฟ้องคดีเป็นหน่วยงานของรัฐมิใช่เจ้าหน้าที่ตามที่กฎหมายดังกล่าวกำหนดไว้ ดังนั้นจึงสามารถฟ้องคดีเรียกค่าเสียหายจากต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารและตำรวจที่กระทำละเมิดได้พิพากษาให้สำนักนายกรัฐมนตรีชดใช้ค่าเสียหายให้แก่นางแบเดาะ สะมาแอ จำนวน 534,301 บาท  ซึ่งเป็นจำนวนเพิ่มเติมจากจำนวนที่ทางราชการได้เยียวยาให้กับญาติไปก่อนหน้านี้

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net