Skip to main content
sharethis

นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันบาฮูของอิสราเอลและเจ้าหน้าที่รัฐอิสราเอลจำนวนหนึ่งทั้งจากในอดีตและที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันถูกทางการสเปนออกหมายจับ จากกรณีที่พวกเขาสั่งโจมตี 'กองเรือเสรีภาพ' ที่กำลังจะเข้าเทียบท่าฉนวนกาซาในปี 2553

เรือมาวี มาร์มารา เดินทางจากท่าเรือ Antalya ไปยังฉนวนกาซา เมื่อ 22 พฤษภาคม 2553 เพื่อปฏิบัติการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ก่อนถูกกองเรืออิสราเอลโจมตีเมื่อ 31 พฤษภาคม 2553 จนมีผู้เสียชีวิต 10 ราย (ที่มา: Wikipedia/แฟ้มภาพ)

 

19 พ.ย. 2558 หลังจากมีการรื้อฟื้นคดีนี้ขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง ผู้พิพากษาสเปน โฮเซ เดอ ลา มาตา สั่งให้ตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแจ้งต่อเขาด้วยถ้าหากพบว่าเนทันยาฮูหรือผู้กระทำความผิดอื่นๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเดินทางเข้าประเทศสเปน เพื่อนำตัวพวกเขามาดำเนินคดีสืบเนื่องจากปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลปี 2553 ที่มีการโจมตีกองเรือของนักกิจกรรมพลเรือนที่กำลังนำความช่วยเหลือไปยังฉนวนกาซา

เหตุการณ์โจมตีกองเรือเสรีภาพดังกล่าวคือกรณีที่กองทัพอิสราเอลใช้กำลังโจมตีเรือ 'มาวี มาร์มารา' ซึ่งเป็นเรือบรรทุกพลเรือนที่มีนักกิจกรรมโดยสารอยู่บนเรือ มาพร้อมกับเรือลำอื่นๆ ที่บรรทุกความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและวัสดุก่อสร้างไปช่วยเหลือพื้นที่ฉนวนกาซา แต่พวกเขากลับถูกกองทัพอิสราเอลโจมตีด้วยการให้หน่วยคอมมานโดเข้าไปในเรือแล้วยิงใส่ผู้โดยสารหลังจากที่เรือพยายามฝ่าแนวกั้นของกองกำลังอิสราเอลทำให้มีนักกิจกรรมด้านสิทธิมนุษยชนเสียชีวิตรวม 10 ราย

เรือมาวี มาร์มาราเป็นของมูลนิธิให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไอเอชเอชซึ่งเป็นองค์กรเอ็นจีโอในตุรกีพวกเขานำเรือนี้ไปใช้ในโครงการเรียกร้องปลดปล่อยกาซาจนกระทั่งเกิดเหตุถูกกองกำลังของอิสราเอลสังหารเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2553 ในน่านน้ำสากล ซึ่งรายงานของสหประชาชาติระบุว่านักกิจกรรมทุกคนเสียชีวิตจากการถูกยิงด้วยกระสุนปืนซึ่งถือเป็น "การสังหารนอกกฎหมายตามอำเภอใจ" และถึงแม้ฝ่ายอิสราเอลจะกล่าวหาว่าองค์กรไอเอชเอชเป็นองค์กรก่อการร้ายและบนเรือมาวี มาร์มารา มี "พวกฮาร์ดคอร์" อยู่ทำให้กองกำลังอิสราเอลต่อสู้เพื่อ "ป้องกันตนเอง" แต่อาวุธที่นักกิจกรรมใช้ปกป้องตัวเองก็มีเพียงมีดและท่อนเหล็กเท่านั้น

การสืบสวนของฝ่ายสิทธิมนุยชนของยูเอ็นระบุอีกว่าการโจมตีเรือมาวี มาร์มารา ดังกล่าวมีหลักฐานชัดเจนว่าสามารถดำเนินคดีในฐานะอาชญากรรมสงครามได้ภายใต้สนธิสัญญาเจนีวา ซึ่งเหยื่อรายหนึ่งอายุเพียง 18 ปีเสียชีวิตจากการถูกยิง 5 นัด และถูกยิงอีก 1 นัดที่ใบหน้าในขณะที่นอนอยู่กับพื้น องค์กรสิทธิมนุษยชนของยูเอ็นยังกล่าวในทำนองเดียวกับองค์กรสิทธิมนุษยชนอื่นๆ ทั่วโลกว่าการปิดล้อมฉนวนกาซาของอิสราเอลถือเป็นเรื่องที่ "ยอมรับไม่ได้และยอมให้เกิดขึ้นต่อไปไม่ได้ในคริสตศตวรรษที่ 21 นี้"

ทางด้านเอมมานูเอล แนชชอน โฆษกกระทรวงต่างประเทศของอิสราเอลกล่าวว่าพวกเขามองการตัดสินครั้งนี้ถือเป็น "การท้าทาย" แนชชอนอ้างอีกว่าพวกเขากำลังพยายามติดต่อกับทางการสเปนเพื่อให้มีการยกเลิกคำตัดสินดังกล่าวนี้และหวังว่าเรื่องจะจบโดยเร็ว

 

เรียบเรียงจาก

Spain ‘issues arrest warrant’ for Israeli PM Benjamin Netanyahu over 2010 Gaza flotilla attack, The Indeoendent, 18-11-2015 http://www.independent.co.uk/news/world/europe/spain-issues-arrest-warrant-for-israeli-prime-minister-benjamin-netanyahu-over-2010-gaza-flotilla-a6736436.html

Benjamin Netanyahu Will Be Arrested If He Ever Sets Foot in Spain Again, AntiMedia, 17-11-2015 http://theantimedia.org/benjamin-netanyahu-will-be-arrested-if-he-ever-sets-foot-in-spain-again/

ข้อมูลเพิ่มเติมจาก

https://en.wikipedia.org/wiki/Gaza_flotilla_raid

https://en.wikipedia.org/wiki/MV_Mavi_Marmara

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net