Skip to main content
sharethis


ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ทนายความ

25 ธ.ค. 2558 กรณีธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง Insects in the Backyard ยื่นฟ้องคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ หลังมีมติ "ไม่อนุญาตให้ฉาย" ตามมาตรา 29 ของ พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551  โดยร้องขอให้ศาลตรวจสอบการใช้ดุลพินิจของคณะกรรมการ พิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ในการออกคำสั่งไม่อนุญาตให้ฉายภาพยนตร์ ทั้งนี้ คำสั่งไม่อนุญาตให้ฉายภาพยนตร์ ของคณะกรรมการฯ ระบุเหตุผลว่าภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวมีเนื้อหา "ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน"

ศาลปกครองอ่านสรุปคำพิพากษายกฟ้องด้วยเหตุผลว่า ภาพยนตร์ดังกล่าว มีฉากหนึ่งที่ตัวละครดูหนังโป๊ที่เห็นอวัยวะเพศและการสอดใส่ เป็นเวลา 3 วินาที ซึ่งหนังโป๊ดังกล่าวขัดต่อประมวลกฎหมายอาญา เป็นเหตุให้ขัดต่อศีลธรรมอันดี เมื่อนำหนังโป๊ดังกล่าวมาเป็นส่วนหนึ่งในภาพยนตร์ จึงเป็นการส่งสารขัดต่อศีลธรรมอันดี การให้เหตุผลของคณะกรรมการเซ็นเซอร์ ว่าเนื้อหาขัดต่อศีลธรรมจึงชอบด้วยกฎหมาย (อ่านรายละเอียดด้านล่าง)

อย่างไรก็ตาม ศาลปกครองมีข้อสังเกตด้วยว่า ผู้ฟ้องอาจตัดส่วนที่เป็นปัญหาออก แล้วขออนุญาตต่อคณะกรรมการฯ เพื่อฉายในเรท 20 + ได้

ด้านยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ทนายความของธัญญ์วาริณ กล่าวว่า ต่อจากนี้มีสองทางเลือกคือ อุทธรณ์ภายในเวลา 30 วัน หรือตัดเนื้อหาส่วนดังกล่าวออก แล้วยื่นเพื่อขอฉายใหม่ อย่างไรก็ตาม คงต้องขึ้นกับการตัดสินใจของธัญญ์วาริณ ซึ่งวันนี้ติดภารกิจไม่สามารถมาศาลได้และยังไม่ได้คุยกัน

ประเด็นที่น่าสนใจของคำพิพากษาวันนี้คือ 1. เป็นการยืนยันว่า ดุลพินิจของคณะกรรมการฯ นั้น ศาลปกครองสามารถตรวจสอบได้ หากผู้สร้างคนใดไม่เห็นด้วย สามารถร้องต่อศาลให้ศาลปกครองเข้ามาตรวจสอบการใช้ดุลพินิจได้

2. การที่คณะกรรมการ ยืนยันว่า ภาพยนตร์มีเนื้อหาขัดต่อศีลธรรมลอยๆ ไม่ได้ ต้องชี้ชัดตามหลักเกณฑ์ของกฎกระทรวงที่กำหนดลักษณะเนื้อหาเอาไว้

3. ประเด็นเรื่องฉาก 3 วินาทีไม่เคยมีอยู่ในเหตุสั่งแบนเลยตั้งแต่แรก คณะกรรมการฯ เพิ่งมาสู้ประเด็นนี้ในชั้นศาลและศาลรับฟังว่าเป็นปัญหา ทั้งที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทางผู้กำกับได้พยายามหาทางพูดคุยตกลงมาตลอด ส่วนฉากอื่นที่คณะกรรมการเคยยกมานั้น ศาลปกครองมองว่าไม่ใช่ปัญหา

สำหรับคดี Insects in the Backyard เป็นคดีแรกที่มีการฟ้องคดีต่อศาลปกครองให้ตรวจสอบคำสั่งแบนหนัง ตาม พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 โดยผู้กำกับและเครือข่ายคนดูหนังได้ยื่นฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่ 28 มี.ค.2554 

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ตุลาการผู้แถลงคดีมีความเห็นว่า ในภาพยนตร์ซึ่งมีการฉายให้เห็นอวัยวะเพศนั้น ไม่ใช่สาระสำคัญของเรื่อง เป็นเพียงฉากที่ใช้ในการดำเนินเรื่องบางตอนเท่านั้น เมื่อวิเคราะห์จากภาพยนตร์ที่ห้ามฉาย ตามกฎหมายจะต้องมีลักษณะที่ขัดต่อความมั่นคงของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่างร้ายแรง จึงจะถูกห้ามฉาย แต่ Insects in the Backyard ไม่ได้เข้าข่ายภาพยนตร์ในลักษณะดังกล่าว อีกทั้งยังเป็นภาพยนตร์ที่มุ่งพูดถึงปัญหาครอบครัว และมีเจตนาสะท้อนสังคม ศาลจึงมีความเห็นว่า ให้คณะกรรมการฯ เพิกถอนคำสั่งห้ามฉายภาพยนตร์ Insects in the Backyard และเห็นว่าเข้าลักษณะภาพยนตร์สำหรับผู้มีอายุ 20 ปี จึงให้เพิกถอนคำสั่งห้ามฉาย และจ่ายค่าชดเชยหนึ่งหมื่นบาท

 

อ่านรายละเอียดคำพิพากษา

ในประเด็นเนื้อหา ศาลปกครองพิจารณาสองประเด็นว่าเนื้อหาขัดต่อศีลธรรมอันดีหรือไม่ โดยอ้างอิงตามกฎกระทรวง กำหนดลักษณะของประเภทภาพยนตร์ พ.ศ. 2552  

ข้อ 5  ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่สิบแปดปีขึ้นไป ต้องไม่มีลักษณะ ดังต่อไปนี้
(1) เนื้อหาที่แสดงการมีเพศสัมพันธ์ที่เห็นอวัยวะเพศ
(2) เนื้อหาที่แสดงวิธีการก่ออาชญากรรมที่มีผลกระทบต่อสังคมอย่างรุนแรง และอาจชักจูงหรือส่งเสริมให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ
(3) เนื้อหาที่แสดงวิธีการใช้สารเสพติดซึ่งอาจชักจูงใจให้ผู้ชมเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ

ข้อ 6  ภาพยนตร์ที่ห้ามผู้มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีดู มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
(1) เนื้อหาที่แสดงการมีเพศสัมพันธ์ที่เห็นอวัยวะเพศหรือการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองหรือผู้อื่น
(2) เนื้อหาที่แสดงวิธีการก่ออาชญากรรมซึ่งอาจชักจูงหรือส่งเสริมให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ
(3) เนื้อหาที่แสดงวิธีการใช้สารเสพติด
(4) เนื้อหาเกี่ยวกับลัทธิหรือคำสั่งสอนที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ศีลธรรมอันดีหรือขนบธรรมเนียมประเพณี ซึ่งอาจชักจูงให้ผู้ชมหลงเชื่อ

ข้อ 7  ภาพยนตร์ที่ห้ามเผยแพร่ในราชอาณาจักร มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
(1) เนื้อหาที่กระทบกระเทือนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
(2) สาระสำคัญของเรื่องเป็นการเหยียดหยามหรือนำความเสื่อมเสียมาสู่ศาสนาหรือไม่เคารพต่อปูชนียบุคคล ปูชนียสถาน หรือปูชนียวัตถุ
(3) เนื้อหาที่ก่อให้เกิดการแตกความสามัคคีระหว่างคนในชาติ
(4) เนื้อหาที่กระทบกระเทือนต่อสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ
(5) สาระสำคัญของเรื่องเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์
(6) เนื้อหาที่แสดงการมีเพศสัมพันธ์ที่เห็นอวัยวะเพศ


เนื้อหาส่วนแรกคือ การมีเพศสัมพันธ์ ศาลระบุว่า การวินิจฉัยสาระสำคัญของเรื่อง เป็นกรณีที่มิอาจนำเนื้อหาบางส่วนมาพิจารณาแบบแยกส่วนได้ ต้องพิจารณาเนื้อหา โครงเรื่อง แก่นเรื่องและบทสรุป เพื่อให้ครบแก่นสารที่มุ่งนำเสนอ โดยเมื่อพิจารณาผ่านการชมภาพยนตร์และคำให้การแล้ว ปรากฏว่า ภาพยนตร์มีเนื้อหาเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัว ที่บิดามีรสนิยมทางเพศไม่ตรงตามเพศสภาพและมีความรักใคร่กับชาย ขณะที่บุตรชายและบุตรสาว มีปมขัดแย้งที่ไม่ยอมรับสถานภาพของบิดาที่ต่างจากปทัสถานของสังคม มีปมเกลียดชังและได้เรียนรู้เติบโตตามเวลา เมื่อก้าวออกจากบ้านไปเผชิญกับสิ่งเสพติดและการขายบริการทางเพศให้กับลูกค้าที่มีรสนิยมทางเพศเฉพาะและแตกต่าง จึงกระทบใจและขยายพื้นที่ในทางความคิดและเข้าใจพ่อมากขึ้น ภาพยนตร์หวังให้ผู้ชมเข้าใจผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ เพื่ออยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียม การจะรับรู้หรือไม่เป็นไปตามความคิด จินตนาการของผู้ชม เมื่อพิจารณาแล้ว เห็นได้ว่าแม้จะมีหลายฉากที่แสดงถึงความสัมพันธ์ทางเพศระหว่างชายกับชาย หญิงกับหญิง และชายกับหญิง แต่ก็เป็นการสนับสนุนโครงเรื่อง สร้างจุดหักเห เพื่อนำไปสู่บทสรุป แม้จะมีการเปิดเผยเรือนร่างอย่างโจ่งแจ้ง เนิ่นนาน วนเวียน แต่ไม่ได้ถึงขนาดทำให้เกิดความใคร่ ส่วนการขายบริการทางเพศก็เป็นการสะท้อนปัญหา ให้ตัวละครหาทางออก ภาพยนตร์จึงไม่ได้เสนอเพศสัมพันธ์เป็นสาระสำคัญ หากแต่เป็นปมขัดแย้งในครอบครัว จึงไม่มีลักษณะเป็นเนื้อหาที่มีเพศสัมพันธ์ ตามข้อ 5 ของกฎกระทรวง 

เนื้อหาส่วนที่สอง ที่เห็นอวัยวะเพศ และการมีเพศสัมพันธ์ แบ่งเป็นสองประเด็นย่อย คือ
หนึ่ง กรณีที่ผู้ฟ้องระบุว่า ลักษณะภาพยนตร์ตาม 7(6) ซึ่งเป็นลักษณะหนึ่งของภาพยนตร์ห้ามเผยแพร่ ตรงกับ ข้อ 6(1) ที่ระบุว่า ภาพยนตร์ที่ห้ามผู้มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีดู มีลักษณะที่มีเนื้อหาที่แสดงการมีเพศสัมพันธ์ที่เห็นอวัยวะเพศหรือการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองหรือผู้อื่น แสดงว่าการมีเพศสัมพันธ์ที่เห็นอวัยวะเพศ ยังเผยแพร่ได้แต่จำกัดอายุคนดู  ศาลเห็นว่าหากตีความให้เท่ากัน จะเท่ากับข้อ 7(6) บังคับไม่ได้เลยตามกฎหมาย ดังนั้น ต้องพิจารณาเนื้อหาว่าส่งผลลบต่อสังคม ขัดต่อศีลธรรมหรือไม่ หากเห็นว่าเลยเส้น ย่อมส่งผลต่อการห้ามฉายทั้งเรื่อง ทั้งนี้ เว้นแต่ตัดทอนตามกฎหมายกำหนด

สอง เมื่อพิจารณาว่า Insects in the backyard มีเนื้อหาแสดงภาพการมีเพศสัมพันธ์และเห็นอวัยวะเพศหรือไม่ มีเนื้อหารุนแรงขัดต่อศีลธรรมหรือไม่ ในข้อเท็จจริง ผู้ถูกฟ้องที่ 1 ระบุว่ามีฉากไม่เหมาะสม โดยเห็นอวัยวะเพศ มีภาพร่วมเพศ และช่วยตัวเอง เมื่อพิจารณาแล้ว พบว่า เป็นฉากที่พ่อดูหนังโป๊ ผ่านจอทีวี โดยเป็นการมีเพศสัมพันธ์ของชายกับชาย 3 คนในลักษณะเปลือยเปล่า โดยไม่มีการปิดบังอวัยวะเพศชาย และสอดใส่ข้างหลัง แม้ปรากฏเพียง 3 วินาทีและเป็นความฝันของตัวละคร แต่เนื้อหาในหนังโป๊ 3 วินาทีแสดงการร่วมเพศอย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งขัดต่อประมวลกฎหมายอาญา เป็นเหตุให้ขัดต่อศีลธรรมอันดี และเมื่อนำหนังโป๊ดังกล่าวมาใส่จึงทำให้ขัด พ.ร.บ.ภาพยนตร์

แม้ผู้ฟ้องจะบอกว่า ฉากดังกล่าวเป็นจุดเปลี่ยนทางอารมณ์เพราะลูกเห็นแล้วทำให้อยากฆ่าพ่อ แต่เมื่อเนื้อหามีการเห็นอวัยวะเพศและการสอดใส่ จึงขัดต่อศีลธรรม โดยไม่ต้องคำนึงถึงเจตนา และหากคำนึงถึงเจตนา ย่อมมีทางอื่นที่รังสรรค์กว่า และหากลดระดับความแรงแล้ว ก็พบว่าไม่กระทบต่อโครงหลักและอรรถรสของภาพยนตร์

ดังนั้น เมื่อภาพยนตร์มีฉากที่ปรากฏดังกล่าว เข้าลักษณะต้องห้าม ก็เพียงพอที่คณะกรรมการฯ จะมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ฉาย  การให้เหตุผลของคณะกรรมการฯ ว่าเนื้อหาขัดต่อศีลธรรมจึงชอบด้วยกฎหมาย

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net