Skip to main content
sharethis

กรณีมีสื่อต่างประเทศลงข่าวว่าพัทยาเป็นเมืองคนบาป เหตุมีหญิงขายบริการทางเพศ 2.7 หมื่นคน รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เผย ภายในเดือน มี.ค.นี้ จะลงตรวจพื้นที่เมืองพัทยา จัดโซนนิ่งสถานให้บริการ สถานบันเทิงต่างๆ พร้อมชูภาพพจน์ เมืองท่องเที่ยวเชิงกีฬา

วอล์คกิ้ง สตรีท พัทยา (ภาพจาก ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม)

2 มี.ค. 2560 จากกรณีกลางเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา เว็บไซต์มิร์เรอร์ของอังกฤษระบุว่าพัทยาเป็นเมืองหลวงแห่งเซ็กส์ของโลกหรือ ‘นครแห่งบาป’ โดยระบุว่าอ้าง เมืองเดียว มีหญิงโสเภณี 2.7 หมื่นคน หรือคิดเฉลี่ยจะมีหญิงขายบริการ 1 คน ต่อประชากร 5 คน นั้น จนทำให้มีคำสั่งตรวจตราและจับกุมพนักงานบริการในพัทยาอย่างเข้มงวดต่อมา

ล่าสุด วันนี้ (2 ก.พ.60) ไทยรัฐรายงานว่า กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผย ถึงกรณีมีสื่อต่างประเทศลงข่าวว่าพัทยาเป็นเมืองคนบาป มีหญิงขายบริการทางเพศ 27,000 คน ว่า ภายในเดือน มี.ค.นี้ จะลงตรวจพื้นที่เมืองพัทยา ในมุมมองของตนเองคิดว่า มีความจำเป็นที่ต้องจัดโซนนิ่งของสถานให้บริการ สถานบันเทิงต่างๆ ในเมืองพัทยา ซึ่งในข้อเท็จจริงเรื่องแบบนี้มีทุกประเทศ แต่ประเทศอื่นจัดพื้นที่เป็นการเฉพาะ ไม่สามารถเข้าไปได้ง่าย ต่างจากเมืองไทยที่อยู่ริมถนน

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬายังคงเดินหน้าสนับสนุนอย่างต่อเนื่องเพื่อชูภาพพจน์ของเมืองพัทยาและ จ.ชลบุรี เป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงกีฬา หรือสปอร์ต ทัวริซึ่ม ตามที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ ตรงนี้ไม่ได้เริ่มจากศูนย์ เพราะมีหลายอีเวนต์ที่เป็นการแข่งขันระดับโลกอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องหาทางทำให้คนทั่วโลกที่อยู่แล้ว เพียงแต่ต้องหาทางทำให้คนทั่วโลกที่อยู่นอกวงการกีฬาได้รู้จักเพิ่มขึ้นด้วยเช่น เจ็ตสกี เวิลด์ คัพ พัทยา หรือบางแสน ไตรกีฬา และคงต้องหาทางสนับสนุนต่อเนื่อง 5 ปี มีการประชาสัมพันธ์ในต่างประเทศ เพื่อให้คนสนใจรายการกีฬาที่แข่งขันในไทย
 
รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ขณะเดียวกัน ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบส่งเสริมให้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางอัญมณีและเครื่องประดับโลก โดยมีมติเห็นชอบให้ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับการนำเข้าเพื่อขายในกลุ่มสินค้าอัญมณีที่ยังไม่ได้ เจียระไนเหลือภาษี 0% ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจึงมีแผนส่งเสริมให้เพชรอัญมณีไทยเป็นสินค้าของที่ระลึกที่นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องห้ามพลาด
 
กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา (ที่มาภาพ เว็บไซต์ กระทรวง การท่องเที่ยวและกีฬา)

นักท่องเที่ยวขยายตัว 1%

โดยเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ได้แถลงถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวไทย ตั้งแต่วันที่ 1-26 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางมาประเทศไทยจำนวน 2,844,501 ขยายตัวร้อยละ 1.00 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา รายได้จากการท่องเที่ยว 149,137.96 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 3.53 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถึงปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวสะสม จำนวน 6.04 ล้านคน ก่อให้เกิดรายได้ 3.18 แสนล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 3.85 และ 7.00 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
 
กอบกาญจน์ กล่าวเน้นว่าในปี 2560 นี้ ประเทศไทยเน้นสร้างการท่องเที่ยวไทยให้เป็นศูนย์กลาง (Hubs) ใน 5 ด้าน อาทิ ด้านการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports Tourism) การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical & Wellness) การจัดงานแต่งงาน (Wedding & Romance) การท่องเที่ยวทางน้ำ (Maritime Tourism) และการท่องเที่ยวเชื่อมโยง (ASEAN Connect) ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้กลยุทธ์ Local Experience การสร้างสรรค์ประสบการณ์สัมผัส ชีวิต ความเป็นอยู่ และวิถีชีวิตคนไทยแบบ 360 องศา โดยล่าสุด ได้มีการชี้แจงสถานการณ์การท่องเที่ยวไทย และมาตรการความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว แก่คณะเอกอัครราชทูต กว่า 30 ประเทศ จัดขึ้นที่บริเวณ ณ คลองลัดโพธิ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการ "ประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์"  อันเนื่องมาจากพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้สร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัย แนวทางการป้องกันอุบัติเหตุทั้งทางบกและทางน้ำ นอกจากนี้ได้นำเสนอการแสดงวัฒนธรรมชาวมอญพระประแดง การละเล่นพื้นเมือง และนำผู้ชนะการแข่งขันสุดสวยมวยไทย มาช่วยสร้างสีสันให้ท่านทูตได้เข้าใจในวิถีไทย Local Experience และ การท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports Tourism) เพื่อนำไปเผยแพร่สร้างความเข้าใจให้นักท่องเที่ยวต่างชาติต่อไป
 
กอบกาญจน์ กล่าวต่อไปว่า  เห็นได้ชัดว่านักท่องเที่ยวในปัจจุบันให้ความสนใจ การท่องเที่ยว เชิงกีฬา (Sports Tourism) กันมากขึ้น มีนักท่องเที่ยว จำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ที่เดินทางมาร่วมชม  และร่วมแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ ที่จัดขึ้นในประเทศไทย เช่น เจทสกี กอล์ฟ วิ่งมาราธอน และการแข่งขันไตรกีฬาประเทศไทย จะเดินหน้าต่อในการจัดแข่งขันรายการกีฬาระดับโลกอีกหลายรายการ
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net