Skip to main content
sharethis
ศาลจังหวัดนครราชสีมามีคำสั่งคดีไต่สวนการตาย ช.3/2559 ชี้ว่า 'นายอนัน เกิดแก้ว' ถูกทำร้ายในระหว่างถูกควบคุมตัวจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต ญาติติดใจหวังอัยการนำคนผิดมาลงโทษ
 
30 ก.ค. 2560 มูลนิธิผสานวัฒนธรรมแจ้งข่าวว่าเมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2560 ผู้พิพากษาศาลจังหวัดนครราชสีมาออกนั่งพิจารณา นัดอ่านคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ ช.3/2559  คดีชันสูตรพลิกศพนายอนัน เกิดแก้ว ศาลเชื่อว่าสาเหตุการเสียชีวิตของนายอนัน เกิดแก้ว เนื่องจากถูกทำร้ายร่างกาย ระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุม 
 
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2558 เวลาประมาณ 18.10 น. นายอนัน เกิดแก้ว ได้ถูกเจ้าพนักงานตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมาจับกุม และควบคุมตัวต่อเนื่องตลอดเวลา ซึ่งสถานที่ควบคุมตัวนั้นเป็นบ้านพักของเจ้าพนักงานตำรวจในลักษณะที่เรียกว่า “เซฟเฮ้าส์” โดยเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมดังกล่าว อ้างว่าควบคุมตัวนายอนันฯ เพื่อทำการสอบสวนขยายผลไปยัง
 
ผู้ค้ายาเสพติดรายอื่น หลังจากนั้นจึงได้นำตัวนายอนันฯ ส่งสถานีตำรวจภูธรจอหอ ในวันที่ 11 พ.ย. 2558 เวลาประมาณ 01.00 น. ต่อมาทางญาติได้รับแจ้งว่านายอนัน เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราช จังหวัดนครราชสีมา โดยไม่แจ้งสาเหตุ เมื่อญาติเดินทางไปถึงโรงพยาบาลฯ ก็พบว่านายอนัน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่สามารถสื่อสารได้ และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลดังกล่าวในวันที่ 13 พ.ย. 2558
 
ต่อมาพนักงานอัยการจังหวัดนครราชสีมายื่นคำร้องขอไต่สวนการตายนายอนัน เกิดแก้ว ต่อศาลจังหวัดนครราชสีมา เป็นคดีหมายเลขดำที่ ช.3/2559 และมารดาผู้ตายได้แต่งตั้งทนายความจากมูลนิธิผสานวัฒนธรรมเข้าไปในคดี เพื่อซักถามพยานของพนักงานอัยการฯและนำพยานหลักฐานของฝ่ายมารดาผู้ตายเข้าไต่สวน  ศาลจังหวัดนครราชสีมานัดไต่สวนพยานครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2559 และไต่สวนนัดสุดท้ายจนแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2560 โดยศาลได้ไต่สวนพยานทั้งหมด 10 ปาก ได้แก่ พยานของพนักงานอัยการผู้ร้อง จำนวน 6 ปาก และพยานของมารดาผู้ตาย จำนวน 4 ปาก 
 
เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2560 ศาลได้มีคำสั่งในคดีดังกล่าว สรุปความได้ว่า เหตุแห่งการเสียชีวิตของนายอนันฯ เนื่องจากสมองบาดเจ็บอย่างรุนแรงจากการเหวี่ยงกระแทกของศีรษะ และพฤติการณ์เกิดจากผู้ตายถูกเจ้าพนักงานตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมาจับกุมและควบคุมตัว มีการทำร้ายร่างกายผู้ตาย เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บ ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลมหาราช จังหวัดนครราชสีมา แล้วถึงแก่ความตาย  
 
โดยศาลพิจารณาจากพยานหลักฐานทั้งหมดแล้ว เชื่อว่าหลังจากนายอนัน ถูกจับและอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุม ได้ถูกทำร้ายร่างกายด้วย และเป็นสาเหตุให้ถึงแก่ความตาย ซึ่งศาลได้วินิจฉัยว่า การตายของนายอนัน ไม่ได้เกิดจากการหกล้มหรือกระโดดสะพานระหว่างหลบหนีตามคำเบิกความของเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุม เนื่องจากสภาพศพของนายอนันฯ ปรากฎบาดแผลหลายแห่งที่ศีรษะ ใบหน้า อก ลำตัว มือ ขาและเท้า 
 
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บริเวณศีรษะซึ่งเป็นสาเหตุการตาย เพราะสมองได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงอันเนื่องจากการเหวี่ยงกระแทกของศีรษะ ตามรายงานการชันสูตรพลิกศพและรายงานการตรวจศพประกอบคำเบิกความของแพทย์ผู้ทำการชันสูตรพลิกศพและตามคำเบิกความของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ซึ่งยืนยันว่าบาดแผลที่เกิดขึ้นบริเวณศีรษะและใบหน้าของผู้ตายนั้น เกิดจากการถูกทำร้ายร่างกาย ไม่ใช่เกิดจากอุบัติเหตุ
 
หลังจากผู้พิพากษาได้อ่านคำสั่งคดีดังกล่าวแล้ว ศาลได้แจ้งต่อมารดาและญาติผู้ตายว่าจะดำเนินการส่งสำนวนคดีให้พนักงานอัยการเพื่อดำเนินการต่อไป มารดาและญาติของนายอนันฯ ได้กล่าวหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการในศาลแล้วว่า ภายหลังจากศาลได้มีคำสั่งว่าบุตรชายของตนเสียชีวิตจากการถูกทำร้ายในระหว่างการควบคุมของเจ้าพนักงานตำรวจ ตนก็คาดหวังว่ากระบวนการยุติธรรมจะสามารถนำตัวบุคคลที่ทำร้ายบุตรชายของตนจนเป็นเหตุให้เสียชีวิตมาลงโทษได้ และขอขอบคุณมูลนิธิผสานวัฒนธรรมที่ให้ความช่วยเหลือตลอดมา
 
คดีที่เกี่ยวเนื่องจากกรณีการเสียชีวิตของนายอนัน นอกจากคดีชันสูตรพลิกศพดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีคดีแพ่ง ที่มารดาและบิดาของนายอนัน ได้ฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดของเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมและควบคุมตัวนายอนัน โดยเมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2559 ได้ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้  เป็นการเรียกค่าเสียหายตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาญาจักรไทย คดีอยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ในเรื่องการขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล หลังจากนั้นศาลแพ่งกรุงเทพใต้จึงจะนัดพร้อมและพิจารณาคดีต่อไป
สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net