เด็กผู้อพยพเสียชีวิตในที่คุมขังหน่วยป้องกันชายแดนสหรัฐฯ เป็นรายที่สอง

เด็กที่อยู่ภายใต้สถานกักกันของสหรัฐฯ เสียชีวิตเป็นรายที่สองในเดือน ธ.ค. นี้ หลังป่วยจนถูกส่งเข้าโรงพยาบาล 2 ครั้ง องค์กรสิทธิฯ และ ส.ส. สหรัฐฯ ออกมาวิจารณ์ความตายบนสภาวะไร้มนุษยธรรมภายใต้รัฐบาลทรัมป์ หน่วยงานรับผิดชอบสถานกักกันชี้ปัญหา คนข้ามแดนเยอะขึ้น จำนวนเด็กเพิ่มหลักพันทุกเดือน ร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลในด้านสุขอนามัย

เจ้าหน้าที่และผู้ข้ามแดนภายในสถานกักกัน "เออร์ซูลา" สถานกักกันที่ใหญ่ที่สุดภายใต้หน่วยงานป้องกันศุลกากรและเขตแดนสหรัฐฯ (ที่มา: Wikipedia)

27 ธ.ค. 2561 ในคืนวันคริสต์มาสที่ผ่านมา เฟลิเป โกเมซ อลองโซ เด็กชาวกัวเตมาลาอายุแปดปีได้เสียชีวิตลงขณะอยู่ในที่คุมขังของหน่วยงานป้องกันศุลกากรและเขตแดนสหรัฐฯ (CBP) กับพ่อของตัวเอง เด็กคนนี้มีอาการป่วยมาตั้งแต่เช้าวันที่ 24 ธ.ค. หกวันหลังจากเริ่มเข้าไปอยู่ในนั้น โดยมีอาการไอและความผิดปกติที่ตา เขาถูกส่งเข้าโรงพยาบาลสองครั้งก่อนจะเสียชีวิตเมื่อช่วงก่อนเที่ยงคืนวันที่ 25 ธ.ค. ไม่นานนัก โดยยังไม่สามารถระบุการเสียชีวิตได้ชัดเจน

การเสียชีวิตของอลองโซเป็นความตายกรณีที่สองต่อเจคลิน คาล เด็กอายุ 7 ปี ผู้เสียชีวิตด้วยสาเหตุเบื้องต้นที่คาดว่าเกิดจากการขาดน้ำและอาการช็อคเมื่อประมาณหนึ่งสัปดาห์ที่แล้ว โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนในสหรัฐฯ เรียกร้องให้มีการสืบสวนการเสียชีวิตของเธอใน CBP รวมถึงเรียกร้องให้สหรัฐฯ หยุดละเมิดกฎหมายนานาชาติด้วยการคุมขังเด็กภายใต้สถานะผู้อพยพของพวกเขา

การเสียชีวิตของอลองโซและคาลทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มเพื่อสิทธิผู้อพยพและกลุ่มสิทธิมนุษยชน ฮัวคิน คาสโตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) สหรัฐฯ และประธานกลุ่มผู้แทนฮิสแปนิกในสภาคองเกรสวิจารณ์ว่าการที่รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ยอมให้ผู้อพยพเข้าเมืองได้ในช่องทางที่ถูกกฎหมาย คือการบีบให้ครอบครัวผู้อพยพและเด็กเหล่านี้ตกอยู่ในอันตราย

มากาเร็ต หวง ผู้อำนวยการบริหารของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลสหรัฐฯ กล่าวว่าควรมีการหยุดนโยบายที่มีความโหดร้ายต่อผู้อพยพและผู้ลี้ภัยที่เกิดภายใต้รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์โดยทันทีก่อนที่จะมีเด็กได้รับอันตรายไปมากกว่านี้

คาลเสียชีวิตตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมาหลังถูกจับกุมพร้อมกับพ่อของเธอและผู้อพยพอื่นๆ มากกว่า 160 รายในเท็กซัสที่เดินทางข้ามพรมแดนที่รัฐนิวเม็กซิโก การเสียชีวิตของเธอทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากหลายองค์กร เช่น องค์กรสหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกันที่พูดถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่าเป็นโศกนาฏกรรมที่แสดงให้เห็นถึง "ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้น" เมื่อเด็กถูกคุมขังอยู่ภายใต้สภาพที่ไร้ซึ่งมนุษยธรรม

กรงขังผู้ลี้ภัยในสถานกักกันเออร์ซูลา (ที่มา: Wikipedia)

คำวิจารณ์จากอีกองค์กรหนึ่งมาจากเฟลิเป กอนซาเลซ โมราเลส ผู้รายงานพิเศษขององค์การสหประชาชาติ (UN) ด้านสิทธิมนุษยชนของผู้อพยพ โมราเลสแถลงเมื่อ 24 ธ.ค. ที่ผ่านมาว่าทางการสหรัฐฯ ควรจะมีการสืบสวนอย่างเป็นอิสระในเรื่องนี้ และควรจะมีกระบวนการเข้าถึงความเป็นธรรมให้กับญาติของเธอและให้สิทธิในการมีทนายความและกระบวนการพิจารณาคดีที่เป็นภาษาที่พวกเขาเข้าใจได้ นอกจากนี้ยังวิจารณ์อีกว่าการคุมขังเด็กด้วยสถานะผู้อพยพนั้นเป็นการละเมิดกฎหมายนานาชาติ

ทาง CBP ออกมาให้สัญญาว่าจะให้มีการสืบสวนพิจารณาในเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน และแถลงว่าพวกเขาต้องการความช่วยเหลือมากขึ้นจากหน่วยงานอื่นของรัฐบาลสหรัฐฯ ในเรื่องการดูแลเชิงสุขอนามัย ทาง CBP ไม่สามารถบอกได้ว่ามีเด็กอยู่ในที่คุมขังของพวกเขาจำนวนเท่าใด แต่การพยายามข้ามแดนเข้าสู่สหรัฐฯ มีสถิติพุ่งสูงขึ้น โดยในทุกๆ เดือน พวกเขาก็ต้องรับเด็กเพิ่มหลายพันรายทั้งที่มากับพ่อแม่ผู้ปกครองและทั้งที่ไม่มีผู้ปกครอง

เรียบเรียงจาก

Medical checks ordered after 2nd migrant child dies in custody, CBS News, Dec. 26, 2018

'This Must End. Now.': 8-Year-Old Boy Dies in US Border Patrol Custody on Christmas Day, Common Dreams, Dec. 25, 2018

Denouncing 7-Year-Old's Death, UN Rights Expert Demands US Halt Child Detentions, Common Dreams, Dec. 24, 2018

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท