ศาลรัฐธรรมนูญกับสภาวะวิกฤติทางการเมือง (2549-2562)

ในช่วงความขัดแย้งทางการเมืองตลอดระยะเวลากว่า 13 ปีที่ผ่าน สถาบันตุลาการถือเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นซึ่งมีบทบาทสำคัญท่ามกลางความขัดแย้งนั้น ทั้งยังมีส่วนในการสร้างจุดเปลี่ยนต่างๆ ในการเมืองไทย และยังคงดำเนินต่อเนื่องเรื่อยมา

ธีระ สุธีวรางกูร อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในอาจารย์กลุ่มนิติราษฎร์ ได้โพสต์เฟสบุ๊ค ชี้ให้เห็นถึงบทบาทของศาลรัฐธรรมนูญในสภาวะวิกฤติทางการเมือง หลังจากมีข่าวว่าคณะกรรมการการเลือกได้ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ โดยธีระ ยกกรณีการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในช่วงวิกฤติทางการเมืองทั้งหมด 8 กรณี นับจากการล้มการเลือกตั้ง 2 เม.ย. 2549 จนถึงการสั่งให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการของยิ่งลักษณ์ ชินวิตร สิ้นสุดลง 

และล่าสุดกับกรณียุบพรรคไทยรักษาชาติในวันที่ 

ประชาไท รวบรวมคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ทั้ง 8 กรณี มานำเสนอใหม่อีกครั้ง โดยมีรายละเอียดดังนี้

1.ล้มการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 2 เมษายน 2549

8 พฤษภาคม 2549
ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 เป็นโมฆะ

ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัย 9/2549 ให้การเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 เป็นโมฆะ โดยผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาเป็นผู้ส่งเรื่องให้พิจารณา ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ากระบวนการจัดการเลือกตั้งและการหันคูหามิชอบ โดยมีมติ 8 ต่อ 6 และสั่งให้จัดการเลือกตั้งใหม่

ผู้ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาคือ บรรเจิด สิงคะเนติ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ พล.อ.สายหยุด เกิดผล ประธานพีเน็ต

2.วินิจฉัยให้นายสมัคร สุนทรเวช พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 

9 กันยายน 2551
ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ‘สมัคร’ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกรณีชิมไปบ่นไป

ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำคำวินิจฉัย 12-13/2551ให้สมัคร สุนทรเวช พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากกรณีเป็นพิธีกรรายการทำอาหาร ‘ชิมไปบ่นไป’ โดยมีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0

คดีนี้ผู้ร้องคือเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ และวุฒิสมาชิกรวม 29 คน

3.ยุบพรรคพลังประชาชน ซึ่งมีผลให้ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 

2 ธันวาคม 2551
ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคพลังประชาชน-มัชฌิมาธิปไตย-ชาติไทย

ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย 18-20/2551 ยุบพรรคพลังประชาชน  พรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทย ตัดสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค 5 ปี กรณียงยุทธ ติยะไพรัช ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง สมชาย วงศ์สวัสดิ์ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ยุบพรรคพลังประชาชน มีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 

ยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย มีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 

ยุบพรรคชาติไทย มีมติ 8 ต่อ 1

Special Report 10 ปี ประชาไท: ตุลาการภิวัตน์

11 ปีดึง‘ศาล’เล่นการเมือง: โมฆะเลือกตั้ง ยุบพรรค ยึดทรัพย์ ถอดถอน ลิดรอนนโยบาย(ฟันจำนำข้าว)

4.ไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ 

29 พฤศจิกายน 2553

ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย 15/2553 ยกคำร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์กรณีเงินบริจาค 258 ล้านจากบริษัททีพีไอโพลีน เนื่องจากกระบวนการยืนคำร้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยมีมติ 4 ต่อ 2 ยกคำร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์

โดยผู้ร้องคือ นายทะเบียนพรรคการเมือง

9 ธันวาคม 2553

ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยที่ 16/2553 ยกคำร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์กรณีเงินบริจาค 258 ล้านจากบ.ทีพีไอโพลน เนื่องจากข้ามขั้นตอนตามที่กฎหมายบัญญัติ ไม่ชอบด้วยวิธีปฏิบัติ โดยมีมติ 4 ต่อ 3 ยกคำร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์

โดยผู้ร้องคืออัยการสูงสุด

5.ยับยั้งการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของรัฐสภา 

13 กรกฎาคม 2555
ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยจะแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับควรทำประชามติ

คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ 18-22/2555 การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 291 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ไม่เป็นการล้มล้างการปกครอง แต่การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ “ควร” ทำประชามติ

กรณีนี้มีผู้ร้อง 5 ราย คือ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม, นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์, นายวันธงชัย ชำนาญกิจ, นายวิรัตน์ กัลยาศิริ, นายวรินทร์ เทียมจรัส และนายบวร ยสินทรและคณะ

20 พฤศจิกายน 2556

ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มา ส.ว. ไม่ชอบ

คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ15-18/2556 การดําเนินการ พิจารณา และลงมติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ กรณีแก้ไขที่มาวุฒิสมาชิก เป็นการกระทําที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และรัฐธรรมนูญมีเนื้อความที่เป็นสาระสําคัญขัดแย้งต่อหลักการพื้นฐานและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ 2550 อันเป็นการกระทําเพื่อให้ผู้ถูกร้องทั้งหมดได้มาซึ่งอํานาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งไม่เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ 2550

ส่วนที่ผู้ร้องที่ 1 ขอให้ยุบพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้อง เห็นว่ายังไม่เข้าเงื่อนไขจึงให้ยกคําร้อง

8 มกราคม 2557
ศาลรัฐธรรมนูญชี้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.190 ไม่ชอบด้วยกระบวนการ

คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ 1/2557การพิจารณาและลงมติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 190 เป็นการกระทําที่ไม่ชอบด้วยกระบวนการตามรัฐธรรมนูญและการที่ผู้ถูกร้องร่วมกันแก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหาของรัฐธรรมนูญมาตรา 190 เป็นการกระทําที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ 2550 ผิดมาตรา 68 วรรคหนึ่ง

6.วินิจฉัยให้สามารถเลื่อนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปได้ 

24 มกราคม 2557

ศาลรัฐธรรมนูญ ชี้เลื่อนการเลือกตั้งได้ โดยเป็นอำนาจที่ กกต. และ ครม. ต้องรับผิดชอบร่วมกัน

คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ 2/2557 สามารถกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ได้ตามที่ กกต. เสนอ ครม. และอำนาจในการกำหนดวันเลือกตั้งเป็นอำนาจของ กกต. และ ครม.ต้องรับผิดชอบร่วมกัน

7.ล้มการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

21 มีนาคม 2557
ศาลรัฐธรรมนูญให้การเลือกตั้ง 2 ก.พ. โมฆะ เพราะไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ภายในวันเดียว

คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ 5/2557พ.ร.ฎ.ยุบสภาผู้แทน 2556 เฉพาะในส่วนที่กําหนดให้มีการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 ไม่สามารถจัดการให้เป็นการเลือกตั้งวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร จึงไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

8.วินิจฉัยให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรี 

7 พฤษภาคม 2557
ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการสิ้นสุดลง

คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ 9/2557 ความเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการของยิ่งลักษณ์ ชินวิตร สิ้นสุดลง กรณีศาลปกครองสูงสุดสั่งให้การโยกย้ายถวิล เปลี่ยนศรี เป็นไปโดยมิชอบ

ผู้ร้องคือ ไพบูลย์ นิติตะวัน วุฒิสมาชิก

9.ยุบพรรคไทยรักษาชาติ 

14 กุมภาพันธ์ 2562

ที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ดำเนินการพิจารณาว่า จะรับคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคไทยรักษาชาติตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 หรือไม่ ในเวลา 13.30 น.

ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา เวลา 15.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยกรณียุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) โดยมีการวินิจฉัยในสามประเด็นคือ 1.ยุบหรือไม่ยุบ 2.เพิกถอนสิทธิทางการเมืองหรือไม่ และ 3.ผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคการเมือง และถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองจะไปจดทะเบียนพรรคใหม่ หรือไปเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง จัดตั้งพรรคการเมือง ภายในกำหนด 10 ปี ได้หรือไม่

โดยศาลวินิจฉัยในประเด็นแรกมีมติเอกฉันท์ สั่งยุบพรรคไทยรักษาชาติ ตามฐานความผิดตาม มาตรา 92 (2)กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ใน พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง

ส่วนในประเด็นที่สองศาลมีมติ 6 ต่อ 3 สั่งตัดสิทธิคณะกรรมการบริหารพรรค เป็นเวลา 10 ปี เนื่องจากเห็นว่า ความผิดยังเป็นเพียงการกระทำอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ยังไม่ถือว่าเป็นการกระทําการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงไม่ตัดสินสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต

ส่วนในประเด็นที่สาม ศาลมีมติเอกฉันท์ สั่งคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองซึ่งถูกเพิกถอดสิทธิทางการเมืองไม่สามารถไปจดทะเบียนพรรคใหม่ หรือไปเป็น กกบ. จัดตั้งพรรคการเมือง กำหนด 10 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลจากคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญนั้นส่งผลทันทีต่อสิทธิในการสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ของผู้สมัครสังกัดพรรคไทยรักษาชาติทั้งหมด 270 คน แบ่งเป็นผู้สมัครในระบบแบ่งเขต 150 คน และระบบบัญชีรายชื่อ 120 คน ขณะที่คณะกรรมการไทยรักษาชาติที่ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองมีทั้งหมด 13 คน 

 

หมายเหตุ: ทั้งนี้อีกหนึ่งที่น่าสนใจคือ ในวันที่ 3 สิงหาคม 2554 ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติให้ทักษิณ ชินวัตร พ้นผิดด้วยคะแนนเสียง 8 ต่อ 7 ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 20/2544 กรณีแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ 

โดยระหว่างการพิจารณาคดี ทักษิณให้การว่า ไม่ได้จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สินอันเป็นเท็จ แต่ผู้ช่วยหรือเลขานุการของตนเองเป็นผู้ดำเนินการแทน หากมีความผิดพลาดในการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินหนี้สินที่ไม่ถูกต้องก็เป็นเพียงความบกพร่องของตนเอง โดยไม่ได้มีเจตนาทุจริตแต่อย่างใด สาเหตุเกิดขึ้นจากการ ‘บกพร่องโดยสุจริต’ ของตน ไม่ควรต้องถูกลงโทษตามรัฐธรรมนูญ

 

*อัพเดตเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2562 เวลา 16.25 น.

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท