Skip to main content
sharethis

นักศึกษา มช. ถวายหน้ากากอนามัย N95-บนศาลพระภูมิแก้ฝุ่นควัน ผู้ร่วมกิจกรรมระบุเพราะพึ่งผู้มีอำนาจแก้ปัญหามลพิษทางอากาศไม่ได้ จึงขอพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ระบุวันนี้ฝุ่นควันหนาจนมองไม่เห็นดอยสุเทพ ด้านกรมควบคุมมลพิษระบุคุณภาพอากาศที่เชียงใหม่ AQI สูงสุด 242 ขณะที่ PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานไปถึง 132 ไมโครกรัมต่อ ลบ.ม. นอกจากนี้ในโลกโซเชียลมีการประกาศตามหาผู้ว่าฯ เชียงใหม่ มาแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ หลังพบผู้ว่าฯ ไปประชุมความมั่นคงที่กองทัพภาคที่ 3 จ.พิษณุโลก

มลพิษทางอากาศภาคเหนือถึงจุดวิกฤต AQI ถึงขั้นมีผลกระทบต่อสุขภาพ 

12 มี.ค. 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์มลพิษทางอากาศในภาคเหนือตอนบน ตามที่ในเว็บไซต์ Air4Thai ของกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระบุว่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนเกินค่ามาตรฐานอยู่ในระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (AQI 101-200) จนถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ (AQI 201 ขึ้นไป)

เฉพาะที่ จ.เชียงใหม่ สถานีตรวจวัดที่ ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ค่าเฉลี่ยฝุ่น PM 2.5 ในรอบ 24 ชั่วโมง อยู่ที่ 117 ไมโครกรัมต่อ ลบ.ม. ดัชนี AQI อยู่ที่ 227 สถานีตรวจวัดที่ ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ค่าเฉลี่ยฝุ่น PM 2.5 ในรอบ 24 ชั่วโมงอยู่ที่ 132 ไมโครกรัมต่อ ลบ.ม. ดัชนี AQI อยู่ที่ 242 และที่สถานีตรวจวัด ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ค่าเฉลี่ยฝุ่น PM 2.5 ในรอบ 24 ชั่วโมงอยู่ที่ 81 ไมโครกรัม ต่อ ลบ.ม. ดัชนี AQI อยู่ที่ 178 

นักศึกษา ม.เชียงใหม่ เลิกพึ่งราชการ หันไปบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์-ถวายหน้ากากอนามัย หวังสลายฝุ่นควัน

เอื้อเฟื้อภาพจากเพจกิจกรรม "บนศาลช้าง แก้ฝุ่นควัน"

ล่าสุดเมื่อเวลา 17.00 น. กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ประมาณ 30 คน ได้รวมตัวกันเพื่อจัดกิจกรรม “บนศาลช้าง แก้ฝุ่นควัน” โดยร่วมกันสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถวายหน้ากากอนามัยแบบ N95 ร่วมกันเขียนป้ายผ้าอธิษฐานขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยลดมลพิษทางอากาศ และระดมแนวทางแก้ไขปัญหาจากผู้เข้าร่วมกิจกรรม นอกจากนี้ยังเชิญชวนให้นักศึกษาร่วมกันแสดงความเห็น และเรียกร้องมาตรการแก้ไขปัญหาอีกด้วย

โดยวัชรภัทร ธรรมจักร นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้ริเริ่มการจัดงานกล่าวระบุว่า เชียงใหม่มีปัญหาเรื่องมลพิษค่อนข้างเรื้อรังติดต่อกันเป็นเดือน ภาครัฐทั้งส่วนกลางและส่วนท้องถิ่นไม่ได้เข้ามาแก้ไขปัญหาอย่างเด็ดขาด ทำให้มลพิษยังสูงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

“วันนี้ผมตกใจมาก หอผมอยู่ติดกับดอยสุเทพ ตื่นมาตอนเช้าดอยสุเทพหายไปเลย หนักสุดแล้ว ไม่สามารถทนได้แล้ว เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานานเมื่อผู้มีอำนาจไม่สามารถแก้ไขได้ก็คงต้องหวังพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างสุดท้าย ซึ่งจริงๆ เป็นแค่คอนเซ็ปต์ของงาน เพื่อจะเสนอการแก้ไขปัญหาไปถึงผู้มีอำนาจ” วัชรภัทรกล่าว

เขากล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้มหาวิทยาลัยเข้ามามีส่วนแก้ปัญหาแต่เป็นปลายเหตุ เช่น แจกหน้ากากอนามัยแบบปกติ ไม่ใช่แบบ N95 แต่ล่าสุดเพจของมหาวิทยาลัยบอกจะมีการแจกหน้ากากอนามัย N95 แต่จะได้วันที่ 19 มี.ค. หรืออีก 7  วันข้างหน้า ทั้งที่เชียงใหม่ถูกจัดอันดับมลพิษทางอากาศวิกฤตติดอันดับ 1 ของโลกมาตั้งแต่วันจันทร์แล้ว

นอกจากนี้ยังนักศึกษาได้รับผลกระทบ บางคนเป็นภูมิแพ้ฝุ่น ไม่สามารถหายใจได้ปกติ ต้องซื้อหน้ากากอนามัยมาใส่เอง มหาวิทยาลัยควรมีมาตรการมากกว่าปลายเหตุ เช่น อาจจะอนุญาตให้ลาเรียนได้ด้วยขั้นตอนที่ง่ายขึ้น หรือลงเรียนออนไลน์แทนการเดินทางมาเรียน 

“อยากให้ทุกภาคส่วน ภาครัฐ ประชาชน ชาวเชียงใหม่ คนที่มีส่วนก่อมลพิษ การใช้ยานพาหนะ การเผาป่า ช่วยกันลดสิ่งเหล่านี้ลงทันที แต่ปัญหาหลักคือผู้มีอำนาจยังไม่เร่งดำเนินการแก้ไข และผลกระทบเกิดขึ้นกับทุกคนในเชียงใหม่ เชียงใหม่มีปัญหานี้มาหลายปีแล้ว แต่ปีนี้หนักมาก อยากให้คิดไปถึงระยะยาว ต้องออกมาตรการอะไรช่วงไหน และต้องมีการประสานงานระดับภาคส่วนให้เร่งด่วนกว่านี้” วัชรภัทรกล่าวทิ้งท้าย

โลกโซเชียลตามหาผู้ว่าฯ เชียงใหม่ พบไปประชุมที่กองทัพภาค 3 จ.พิษณุโลก

การประชุมกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 3 ที่ กอง บก.กองทัพภาคที่ 3 จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2562

ขณะเดียวกันในโลกโซเชียลมีเดียยังมีการประกาศตามหาศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการเชียงใหม่ ให้ลงมาแก้ไขปัญหา อย่างไรก็ตาม ในเฟสบุ๊คเพจของนายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ เมื่อเวลา 13.22 น. วันที่ 12 มี.ค. ได้โพสต์รูป ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ไปปฏิบัติภารกิจในช่วงเช้าคือร่วมประชุมกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 (กอ.รมน.ภาค 3) ที่กอง บก.กองทัพภาคที่ 3 จ.พิษณุโลก โดยระบุข้อความว่า "วันอังคารที่ 12 มีนาคม 2562 เวลา 08.30 น. ณ ห้องบันเทิงทัพ 101 สโมสรบันเทิงทัพ ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จังหวัดพิษณุโลก นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมประชุมคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ครั้งที่ 1/2562 โดยมี ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 เป็นประธาน"

โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันจันทร์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ ยังคงเป็นประธานการประชุมแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า โดยเรียกนายอำเภอ 25 อำเภอมาประชุมด้วย (อ่านโพสต์) อย่างไรก็ตามในวันถัดมาก็เดินทางมาปฏับัติราชการที่ จ.พิษณุโลก ดังกล่าว

นอกจากนี้เมื่อเวลา 18.01 น. ในเฟสบุ๊คของผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ ได้โพสต์คำแถลงของคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ เรื่องคุณภาพอากาศแทน โดยรองผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ ระบุว่า สภาพอากาศในช่วง 1–2 วันนี้ ที่มีคุณภาพอากาศเกินมาตรฐาน เป็นเพราะปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ เนื่องจากศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือรายงานว่า ภาคเหนือตอนบนในช่วงนี้กระแสลมค่อนข้างนิ่ง โดยเฉพาะลมด้านบน ซึ่งสังเกตได้ว่าช่วงวันหยุดที่ผ่านมา คุณภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ดีมาก เป็นสีเหลืองกับสีเขียว สามารถเห็นดอยสุเทพชัดเจน แต่ 2 วันนี้กลับมาเป็นสีแดง ฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน แต่สวนทางกับค่า Hotspot ที่เมื่อวานนี้ (11 มี.ค.62) เกิดเพียง 14 จุด และเป็นพื้นที่เล็กๆ แต่เกิดอยู่ในพื้นที่เขตป่าสงวนและป่าอนุรักษ์ ไม่มีพื้นที่ทางการเกษตร

โดยรองผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ ระบุด้วยว่า ผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ ได้กำชับให้ทุกพื้นที่เชิญกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่มาพูดคุย และให้ประกาศปิดป่า มีการตรวจคนเข้า-ออก จัดทำบัญชีผู้มีอาชีพหาของป่า ชี้แจงทำความเข้าใจพร้อมทั้งให้เชิญกลุ่มที่เข้าไปหาของป่าล่าสัตว์ และคาดว่าอาจจะมีการเผาป่า ให้มาปรับเปลี่ยนอาชีพ หรือหาอาชีพเสริมในช่วงภัยแล้ง เช่น การทำปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์ ที่จะเอาไว้ใช้ในช่วงทำการเกษตร ควบคู่กับการดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจัง หากพบมีการเผาป่า โดยที่ผ่านมาได้จับกุมดำเนินคดีไปแล้ว ที่อำเภอเชียงดาว 2 ราย และอำเภอแม่แจ่ม 1 ราย

ขณะเดียวกัน ยังคงต้องเน้นเรื่องการรณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างความตระหนักรู้ถึงปัญหามลพิษในอากาศ ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในรูปแบบเคาะประตูบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็ก และคนชรา ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีภูมิต้านทานน้อย จึงต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ รวมถึงมาตรการให้ฉีดพ่นเพิ่มละอองน้ำในเขตชุมชน โดยทางหน่วยงานภาครัฐได้นำรถบรรทุกน้ำฉีดพ่นละอองน้ำในพื้นที่รอบคูเมือง และภายในชุมชนทุกพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดค่าฝุ่นละออง ซึ่งได้เพิ่มรอบความถี่จากปกติจะฉีดพ่นช่วงเช้าและช่วงบ่าย ขณะนี้ได้เพิ่มเป็นฉีดพ่นทุกชั่วโมง โดยเฉพาะในย่านชุมชนที่มีคนอยู่จำนวนมาก

เขาชี้แจงด้วยว่า ปัญหาหมอกควันไฟป่าต้องร่วมกันแก้ไข ไม่ใช่เป็นปัญหาของคนๆ เดียว โดยผู้ว่าราชการจังหวัด 9 จังหวัดภาคเหนือ ได้ไปร่วมประชุมกับกองทัพภาคที่ 3 เพื่อนำแนวทางมาปฏิบัติ ซึ่งทุกจังหวัดได้ให้ร่วมมือเร่งดำเนินการแก้ไข จากสถิติหลายจังหวัดก็ควบคุมการเผาให้ลดลงกว่าปีที่ผ่านมา รวมทั้งยังมีปัจจัยต่างๆ ทั้งหมอกควันต่างแดนพัดเข้ามา สภาพอากาศที่แห้งแล้ง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ควบคุมได้ยาก จึงต้องดึงทุกภาคส่วนมาร่วมมือกันที่จะทำให้ลดการเผาอย่างยั่งยืน

โดยหลังโพสต์ชี้แจงของรองผู้ว่าราชการจังหวัด ก็มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเข้ามาโพสต์ข้อความวิจารณ์จำนวนมาก และระบุด้วยว่ามาตรการที่ใช้ยังไม่ได้ผล

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net