ศาลอุทธรณ์ชัยภูมิพิพากษาคดี "ทวงคืนผืนป่า" จ.ชัยภูมิ เพิ่มเป็น 9 ราย

ศาลจังหวัดชัยภูมิ อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดี "ทวงคืนผืนป่า" ที่ชาวบ้านชัยภูมิพิพาทกับอุทยานแห่งชาติไทรทองอีก 3 ราย ทำให้ขณะนี้ศาลอุทธรณ์ตัดสินไปแล้ว 9 ราย โดยสั่งจำคุก 8 ราย รอลงอาญา 1 ราย และรอฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อีก 5 ราย

ชาวบ้านในคดีทวงคืนผืนป่า จ.ชัยภูมิ ระหว่างเดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ที่ศาลจังหวัดชัยภูมิ เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 62 (ที่มา: สำนักข่าวปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน)

25 มิ.ย. 62 สำนักข่าวปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน รายงาน เวลา 10.00 น. ศาลจังหวัดชัยภูมินัดหมาย ทองปั่น ม่วงกลาง, วันชัย อาภรแก้ว และ สมร สมจิตร ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีบุกรุกป่า โดยมีรายละเอียด ด้งนี้ 1.ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก ทองปั่น ม่วงกลาง 8 เดือน ให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 100,000 บาท 2. ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกวันชัย อาภรแก้ว 6 เดือน ให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 860,395 บาท และ 3.ศาลอุทธรณ์พิพากษาสมร สมจิตร จำคุก 1 ปี ให้รอลงอาญาไว้ 3 ปี และให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 366,663 บาท รวมทั้งให้บำเพ็ญประโยชน์เป็นเวลา 1 ปี

โดยจำเลยในคดีรวมทั้งสิ้นจาก 14 คน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้วจำนวน 9 ราย สั่งจำคุก 8 ราย รอลงอาญา 1 ราย และอีก 5 ราย ศาลชัยภูมิเตรียมนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

สำหรับคดีดังกล่าว เป็นกรณีพิพาทระหว่างอุทยานแห่งชาติไทรทองกับชาวบ้านซับหวาย ต.ห้วยแย้ อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ มาตั้งแต่ปี 2534-2535 ในเวลานั้น มีการอพยพชาวบ้านออกจากที่ดินทำกินตามโครงการจัดสรรที่ดินทำกินให้กับราษฏรผู้ยากไร้ (คจก.) และเมื่อรัฐได้สร้างความเดือดร้อนส่งผลกระทบมากมาย ชาวบ้านในภาคอีสานจึงรวมตัวชุมนุมลุกขึ้นสู้เรียกร้อง รัฐบาลจึงมีมติให้ยกเลิกโครงการ คจก. ชาวบ้านผู้เดือดร้อนจึงได้กลับคืนสู่ที่ดินเดิม อย่างไรก็ตาม ที่ดินเดิมถูกประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติไทรทอง ตั้งแต่ปี 2535 ทำให้ชาวบ้านทำกินในที่ดินเดิม

และในปี 2557 รัฐบาลดำเนินนโยบายทวงคืนผืนป่า มีการจับกุมและดำเนินคดีชาวบ้านข้อหาบุกรุกป่า มีผู้ถูกฟ้องดำเนินคดีทั้งสิ้น 14 ราย รวม 19 คดี แม้ชาวบ้านจะมีความพยายามในการหาทางออก โดยผลักดันให้มีกลไกการตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมระหว่างรัฐกับประชาชน และการรับรองแผนการจัดการที่ดินและทรัพยากรที่ยั่งยืนโดยการมีส่วนร่วม กระทั่งที่ประชุมคณะทำงานระดับจังหวัด โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิเป็นประธาน มีมติเห็นชอบแผนดังกล่าว ซึ่งชาวบ้านต่างคาดหวังว่าจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่การยุติความขัดแย้ง และปลดล็อกปัญหาคดีความ

ทั้งนี้สำนักข่าวปฏิรูปที่ดินภาคอีสานมีข้อสังเกตเกี่ยวกับข้อเท็จจริงและสถานภาพการทำประโยชน์ที่ดิน เช่น พื้นที่ทำกินบางรายอยู่ในเขตที่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตปฎิรูปที่ดิน บางรายทำประโยชน์ประมาณ 30 ไร่ แต่ถูกฟ้อง 46 ไร่ บางรายใช้ประโยชน์ที่ดิน 6 ไร่ 3 งานเศษ แต่ถูกฟ้อง 12 ไร่ และบางรายเป็นพื้นที่ที่ผ่านการสำรวจตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 30 มิถุนายน 2541 ซึ่งควรได้รับการผ่อนผัน ตามแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ดินป่าไม้ของรัฐ ฯลฯ ข้อเท็จจริงเหล่านี้ รวมทั้งความผิดพลาด บกพร่องในการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมา ถูกนำเสนอผ่านการประชุมร่วมทุกครั้ง เพื่อกำหนดแนวทางการทำงานร่วม กระทั่งนำมาสู่การสำรวจใหม่ข้อเท็จจริงร่วมกัน โดยมีผู้เดือดร้อนทั้งสิ้น 5 ชุมชน จำนวน 187 ราย เนื้อที่ประมาณ 6,680 ไร่ กระทั่งนำมาสู่การผลักดันแผนการจัดการที่ดินและทรัพยากรที่ยั่งยืน โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน และคณะทำงานจังหวัดได้มีมติเห็นชอบแผนดังกล่าวเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2561

แต่แผนดังกล่าวซึ่งชาวบ้านคาดหวังว่าจะนำไปสู่การยุติความขัดแย้ง กลับไม่มีความคืบหน้า ทำให้ชาวบ้านต้องเข้าสู่กระบวนการของศาลซึ่งดำเนินมาตั้งแต่กรกฎาคม 2559 โดยต่อมาศาลชั้นต้นได้พิพากษาจำคุก พร้อมทั้งปรับเงินและให้ออกจากที่ดินทำกิน โดยชาวบ้านได้ยื่นอุทธรณ์ทั้งหมด 14 ราย

โดยสถานภาพปัจจุบันทางคดี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้ว จำนวนทั้งสิ้น 9 ราย ดังนี้

1.วันที่ 15 พ.ค. 62 ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก นิตยา ม่วงกลาง 4 เดือน ให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 40,000 บาท (คดีที่ 1)

2.วันที่ 4 มิ ย. 62 ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก สีนวล พาสังข์ 5 เดือน 10 วัน ให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 150.000 บาท

3.วันที่ 5 มิ.ย. 62 ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก นิตยา ม่วงกลาง (คดีที่ 2) 8 เดือน ให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 150,000 บาท

3.วันที่ 12 มิ.ย. 62 ศาลอุทธรณ์นัดจำเลย 3 ราย ฟังคำพิพากษา ดังนี้

3.1) ศาลพิพากษาจำคุก สุนี นาริน 5 เดือน 10 วัน ให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 439,027 บาท
3.2) ศาลพิพากษาจำคุกสุภาพร สีสุข 5 เดือน 10 วัน ให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 380,000 บาท
3.3) ศาลพิพากษาจำคุก ปัทมา โกเม็ด 8 เดือน ให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 200,000 บาท

4. วันที่ 18 มิ.ย.62 ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก สากล ประกิจ 4 ปี ให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 1,587,211 บาท

5. วันที่ 25 มิ.ย. 62 ศาลอุทธรณ์นัดจำเลย 3 ราย ฟังคำพิพากษา ดังนี้
5.1) ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก ทองปั่น ม่วงกลาง 8 เดือน ให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 100,000 บาท
5.2) ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกนายวันชัย อาภรแก้ว 6 เดือน ให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 860,395 บาท 
และ 5.3) ศาลอุทธรณ์พิพากษานายสมร สมจิตร จำคุก 1 ปี ให้รอลงอาญาไว้ 3 ปี และให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 366,663 บาท รวมทั้งให้บำเพ็ญประโยชน์เป็นเวลา 1 ปี

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท