Skip to main content
sharethis

10 ก.พ. สธ.แถลงผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ในไทยยังอยู่ที่ 32 ราย ย้ำเชื้อแพร่ทางละอองฝอยน้ำลายจากการไอและจาม แนะประชาชนสวมหน้ากากอนามัยร่วมกับหมั่นล้างมือ ช่วยลดความเสี่ยงได้

10 ก.พ. 2563 นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน สาธารณสุขนิเทศ เขตสุขภาพที่ 10 และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค และ รศ.พิเศษ นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ที่ปรึกษากรมควบคุมโรค ร่วมแถลงความคืบหน้าสถานการณ์โรคติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019

นพ.ทวีศิลป์ ในฐานะโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สถานการณ์ถึงวันที่ 10 ก.พ. 2563 ณ เวลา 08.00 น. ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรักษาในโรงพยาบาล 22 ราย กลับบ้านแล้ว 10 ราย รวมสะสม 32 ราย ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค. - 9 ก.พ. 2563 มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 689 ราย คัดกรองจากสนามบิน 51 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 638 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว 334 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 355 ราย ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกใน 26 ประเทศ ข้อมูลตั้งแต่ 5 ม.ค. - 9 ก.พ. 2563 พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อ จำนวน 40,553 ราย เสียชีวิต 909 ราย ส่วนประเทศจีน พบผู้ป่วย 40,171 ราย เสียชีวิต 907 ราย

โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวต่อว่าในส่วนของปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลน ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย สำรวจความต้องการหน้ากากอนามัย จากรายงานล่าสุด สต็อกที่มีอยู่หลายล้านชิ้น กระจายอยู่เป็นพันแห่ง และ ตัวสธ.เองยังได้รับของเติมเข้ามา 70,000 ชิ้นต่อวัน ส่วนหน้ากากแบบ N95 ที่ใช้ทางการแพทย์เป็นหลัก ไม่แนะนำให้ประชาชนทั่วไปใช้ ก็มีเพียงพอ รวมทั้งชุดปฏิบัติการป้องกันการติดเชื้อ ก็มีเพียงพอใช้งานในหน่วยงานกระทรวงสาธารณสุข โดยยืนยันว่า จนท.มีเพียงพอใช้งาน

ด้าน นพ.โสภณ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขยังคงเน้นการเฝ้าระวัง คัดกรองนักท่องเที่ยว ผู้ทำงานใกล้ชิดนักท่องเที่ยว และผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย เพื่อควบคุมป้องกันไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจายไปในวงกว้าง ในส่วนของประชาชนทั่วไปอาจมีข้อกังวลเรื่องการป้องกันตนเองให้ปลอดภัย ซึ่งการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 แพร่ผ่านละอองเสมหะ (respiratory droplets) เป็นหลัก ซึ่งผู้รับเชื้อต้องอยู่ใกล้ชิดกับผู้ไอจามในระยะ 1–2 เมตร และต้องสัมผัสกับสิ่งคัดหลั่ง เช่น น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ เข้าร่างกายผ่านทางเยื่อเมือก จากการนำเชื้อเข้าทางปาก ตา จมูก

ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ในบางสถานการณ์ เช่น มีการทำหัตถการทางการแพทย์ที่ทำให้เกิดการฟุ้งกระจาย เช่น การส่องกล้องหลอดลม ดูดเสมหะจากปอด ละอองเสมหะจะเล็กลงกลายเป็นฝอยละอองขนาดเล็ก ทำให้ปลิวไปได้ไกลขึ้น ซึ่งกลุ่มเสี่ยงในสถานการณ์นี้ คือ แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ผู้ทำหัตถการและผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย ดังนั้นประชาชนทั่วไปขอให้ยังคงมาตรการป้องกันตนเอง ด้วยการล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ และสวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องไปอยู่ในที่ชุมชน มีคนหนาแน่น จะช่วยลดความเสี่ยงการรับเชื้อเข้าสู่ร่างกายได้

ส่วน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวด้วยว่า สำหรับคนไทยกลับบ้านจากอู่ฮั่น ที่ฐานทัพเรือสัตหีบ ขณะนี้นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล 5 คน และอยู่ในเรือนรับรอง 133 คน ทุกคนสบายดีไม่มีไข้ รอครบระยะการเฝ้าระวังในวันที่ 19 ก.พ. 2563 ส่วนผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อ 1 ราย ที่โรงพยาบาลชลบุรี ไม่มีอาการผิดปกติอื่นๆ เก็บตัวอย่างส่งตรวจเพิ่ม รอผลทางห้องปฏิบัติการ

ทั้งนี้ ข้อแนะนำประจำวันในการป้องกันตนเองจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 คือ หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยน้ำและสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลล้างมือ ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูก ปาก โดยไม่จำเป็น และปฏิบัติตามคำแนะนำ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” อย่างเคร่งครัด

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net