'เอกชัย' ยันระเบียบ EU ให้อำนาจประเทศสมาชิกอายัดทรัพย์สินของบุคคลหรือองค์กรที่มีความเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่อยู่ในประเทศสมาชิก EU แม้ไทยจะไม่ใช่สมาชิก EU แต่หากมีคนไทยกระทำการเข้าเงื่อนไข EU ก็สามารถถูกอายัดทรัพย์ได้
6 ม.ค. 2564 วันนี้ เอกชัย หงส์กังวาน นักกิจกรรมทางการเมือง ยื่นหนังสือถึง คณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย (European Union Delegation) เพื่อเรียกร้องให้ EU อายัดทรัพย์สินผู้ที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยได้เชิญประชาชน นักเคลื่อนไหวที่ถูกรัฐบาลดำเนินคดีจากการชุมนุมทางการเมือง ทั้งคดีตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, คดีตาม พ.ร.บ. ชุมนุมสาธารณะ, ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และมาตรา 112 และอื่นๆ ร่วมยื่นจดหมายร้องเรียนต่อ EU โดยนำหลักฐานการถูกดำเนินคดีหมายเรียกจากตำรวจ ภาพถ่ายหรือสำเนาคำฟ้องแนบมาด้วย
ผู้ร่วมยื่นหนังสือที่สำคัญคือ สมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย, ณัฏฐธิดา มีวังปลา พยานสำคัญคดี 6 ศพวัดปทุมฯ แล้วตกเป็นจำเลยคดีอาญามาตรา 112, ธานี สะสม ชาวบ้านที่ขึ้นเวทีเยาวชนปลดแอก แล้วโดนหลายคดี ขณะที่ผู้แทน EU ให้เจ้าหน้าที่เป็นตัวแทนมารับหนังสือจากกลุ่มของนายเอกชัย ด้านหน้าตึก Athenee Tower ซึ่งเป็นอาคารที่ทำการ EU
เอกชัย กล่าวว่า คณะกรรมการ EU ออกระเบียบว่าด้วยมาตรการที่เข้มงวดเพื่อต่อต้านการกระทำความรุนแรง และการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง โดยอาศัยอำนาจตามสนธิสัญญาก่อตั้งสหภาพยุโรป ซึ่งมีผลบังคับใช้กับประเทศที่เป็นสมาชิก EU อย่างน้อย 27 ประเทศ เพื่อต่อต้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่รวมถึงการบังคับสูญหาย, การจับกุมคุมขังบุคคลโดยพลการ, การกระทำรุนแรงหรือละเมิดต่อเสรีภาพในการชุมนุมอย่างสันติและการกระทำรุนแรงต่อเสรีภาพในการแสดงความเห็นด้วย
เอกชัย ยืนยันว่า ระเบียบ EU ให้อำนาจประเทศสมาชิก สามารถอายัดทรัพย์สินของบุคคลหรือองค์กรที่มีความเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่อยู่ในประเทศสมาชิก EU แม้ไทยจะไม่ใช่สมาชิก EU แต่หากมีคนไทยกระทำการเข้าเงื่อนไข EU ก็สามารถถูกอายัดทรัพย์ได้ ซึ่งรวมถึงบุคคลที่ถือ 2 สัญชาติ ที่หนึ่งในนั้น เป็นสัญชาติในประเทศสมาชิก EU ด้วย
ก่อนหน้านี้วันที่ 5 ม.ค. เอกชัยได้โพสต์เฟซบุ๊กแจกแจงเหตุการณ์ทางการเมืองที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนตามลำดับ ดังนี้
– ช่วงปี พ.ศ.2557-2562 คสช.อาศัยอำนาจ ม.44 ในการอุ้ม/ปรับทัศนคติประชาชน รวมถึงการสูญหายของผู้หลบภัยทางการเมืองในประเทศเพื่อนบ้านซึ่งมีหลักฐานเกี่ยวโยงกับ คสช.
– ปีที่ผ่านมา รัฐบาลใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูง/แก๊สน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุมอย่างสันติ และการรื้อฟื้น ม.112 เพื่อปิดปากผู้วิจารณ์สถาบันฯ โดยสุจริต
การกระทำเหล่านี้ย่อมถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนตามระเบียบนี้
3.EU มีอำนาจใดในการต่อต้านผู้ที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน?
ระเบียบนี้ มาตรา 3 ให้อำนาจประเทศสมาชิก EU สามารถอายัดทรัพย์สินของบุคคล/องค์กรที่มีความเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่อยู่ในประเทศสมาชิก EU
4.ไทยไม่ใช่สมาชิก EU ระเบียบนี้มีผลบังคับใช้หรือไม่?
แม้ไทยจะไม่ใช่สมาชิก EU แต่ระเบียบนี้ มาตรา 19 กำหนดให้ประเทศสมาชิก EU มีอำนาจที่จะอายัดทรัพย์สินตามกฎหมายของบุคคล/องค์กรตามนิยามเหล่านี้
– บุคคลที่ถือสัญชาติในประเทศสมาชิก EU (natural person inside or outside the territory of the Union who is a national of a Member State) ดังนั้น ใครที่ถือสัญชาติประเทศสมาชิก EU ย่อมเข้าข่าย
– บุคคล/องค์กรที่จดทะเบียบจัดตั้งตามกฎหมายในประเทศสมาชิก EU (legal person, entity or body, inside or outside the territory of the Union, which is incorporated or constituted under the law of a Member State) ดังนั้น บริษัทที่จดทะเบียนในประเทศสมาชิก EU (บริษัทนำเข้า/ส่งออก) หรือดินแดนอาณานิคมของประเทศสมาชิก EU เช่น หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน ย่อมเข้าข่าย
– บุคคล/องค์กรที่ทำธุรกรรมในประเทศสมาชิก EU (legal person, entity or body in respect of any business done in whole or in part within the Union) ดังนั้น บุคคลที่มีบัญชีเงินฝาก หรือบริษัทที่มีหุ้นจำหน่ายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศสมาชิก EU ย่อมเข้าข่าย
5.บุคคล/องค์กรใดที่อาจเข้าข่ายถูกอายัดทรัพย์สินตามระเบียบนี้?
โดยเอกชัยระบุว่า
– รัฐไทย : ในฐานะใช้อำนาจรัฐในการละเมิดสิทธิมนุษยชน
– นายกรัฐมนตรี : ในฐานะผู้ใช้อำนาจรัฐในการละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อดำเนินคดีผู้ชุมนุม และการรื้อฟื้น ม.112 เพื่อปิดปากฝ่ายตรงข้าม
– คณะรัฐมนตรี : ในฐานะผู้อนุมัติการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
– ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ : ในฐานะผู้อนุมัติการใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูง/แก๊สน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุมอย่างสันติ
– สำนักงานตำรวจแห่งชาติ : ในฐานะเจ้าของรถฉีดน้ำแรงดันสูง/แก๊สน้ำตา
– ผู้บัญชาการทหารบก : ในฐานะผู้อนุมัติการใช้ยุทธภัณฑ์ทางทหาร เช่น ลวดหนามหีบเพลง
– กองทัพไทย: ในฐานะเจ้าของยุทธภัณฑ์ทางทหาร
– บริษัทเอกชน : กรณีการสลายการชุมนุมที่รัฐสภา (เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา) หากปรากฏหลักฐานการใช้พื้นที่ของบริษัทเบียร์ที่อยู่ใกล้รัฐสภาเป็นพื้นที่ซ่องสุมของเจ้าหน้าที่รัฐ บริษัทนี้ย่อมเข้าข่ายในฐานะผู้ให้การสนับสนุน
เรียบเรียงจาก มติชน, วอยซ์ทีวี