Skip to main content
sharethis

ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ชี้งบประมาณปี 2565 กว่า 3.1 ล้านล้าน ไม่สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน รัฐเลือกทุ่มงบ 'ความมั่นคง' ทิ้ง 'ภาคเกษตร'

'เพื่อไทย' ชี้งบประมาณปี 2565 กว่า 3.1 ล้านล้าน รัฐเลือกทุ่มงบ 'ความมั่นคง' ทิ้ง 'ภาคเกษตร'
นางสาวสกุณา สาระนันท์ ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย

เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2564 นางสาวสกุณา สาระนันท์ ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า จากการศึกษางบประมาณปี 2565 ที่รัฐบาลตั้งไว้กว่า 3.1 ล้านล้านบาท ไม่สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ยังต้องให้ความสำคัญกับการต่อสู้กับโรคโควิด-19 แต่รัฐบาลกลับให้ความสำคัญกับงบฯความมั่นคงและการเอื้อให้กับกลุ่มทุนมากกว่าภาคการเกษตร ซึ่งได้รับงบประมาณสนับสนุนน้อยมาก นอกจากนี้หลายปีที่ผ่านมารัฐบาลไม่สามารถยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของภาคเกษตรกรได้ ทั้งราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ รวมทั้งการเปิดโอกาสให้นายทุนกดราคารับซื้อผลิตผลทางการเกษตร ส่งผลให้พี่น้องเกษตรกรตกอยู่ในสภาวะยากลำบาก

นางสาวสกุณา จึงได้เสนอรัฐนำโครงการสกลนครโมเดลไปปรับใช้ในการยกระดับภาคการเกษตร ด้วยการบูรณาการร่วมกันของทุกภาคส่วน เป็นการร่วมมือกันทั้งจังหวัด ตั้งแต่ข้าราชการ ฝ่ายปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยในพื้นที่และนอกพื้นที่ รวมไปถึงภาคประชาชนช่วยกันพัฒนาพื้นที่ ทำงานร่วมกัน โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาเสริมช่วยในอุตสาหกรรมในพื้นที่ทั้งสินค้าและภาคเกษตร ใช้งบประมาณไม่มากแต่ประสบความสำเร็จสูงมาก

“สกลนครโมเดล จะช่วยให้ได้ผลผลิตสูงขึ้น เกษตรกรมีรายได้เพิ่มสูงขึ้น และเป็นที่ต้องการของตลาด พ่อค้าไม่สามารถกดราคาได้เพราะทุกภาคส่วนช่วยปิดจุดอ่อนและปิดโอกาสที่พ่อค้าจะเอาเปรียบเกษตรกร ทั้งนี้เมื่อประชาชนเข้มแข็งก็จะช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองให้กับเกษตรกรอย่างแท้จริง” นางสาวสกุณา กล่าว

จี้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริตลดลง ถามเหตุใดยิ่งอยู่ยิ่งทุจริต

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ประกาศคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (ซีพีไอ) ปี 2020 จำนวน 180 ประเทศ ว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้ไทยได้คะแนนลดลง คือเรื่องการติดสินบนและการทุจริตจากผู้บริหารระดับสูง พบว่าได้ 41 คะแนน ลดลงจากปี 62 ที่ได้ 45 คะแนน เพราะเห็นว่ายังมีปัญหาการให้และรับสินบน การทุจริตคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่รัฐ เช่น การลักลอบเปิดบ่อนการพนัน และลักลอบเข้าประเทศของแรงงานผิดกฎหมาย อีกทั้งการลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐทุจริตไม่มีประสิทธิภาพ อันดับที่ประกาศออกมาจึงสอดรับกับผลงานการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อยู่มาเกือบ 7 ปี ไม่สามารถโยนบาปให้รัฐบาลไหนได้แล้ว รัฐบาลต้องตอบคำถามว่า เหตุใดอันดับในเรื่องความโปร่งใส ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันของประเทศไทยจึงตกต่ำลงเรื่อยๆ ไม่พัฒนา ทั้งที่รัฐบาลมีเครื่องมือ ทรัพยากร และทุ่มงบประมาณลงไปเป็นจำนวนมาก ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ยังออกมายอมรับสถานการณ์คอร์รัปชันไทยเข้าขั้นวิกฤติ เปิดตัวเลขรับเรื่องทุจริต ปี 2562 มี 10,382 เรื่อง คิดเป็นเงินงบประมาณกว่า 238,209 ล้านบาท จัดซื้อจัดจ้างโกงสุดแตะ 2 แสนล้านบาท มาซ้ำเติมประเทศด้วยคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (ซีพีไอ) ปี 2020 ที่ออกมาย้ำ ได้ฝังรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ตกต่ำในการต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น ประชาชนตั้งคำถาม ที่อ้างว่ามาปราบคนอื่นโกง แต่เอาเข้าจริงตัวเองโกงมากกว่า โกงแบบแบบห้ามตรวจสอบ โกงจนธนาคารโลกประเมินจีดีพี เศรษฐกิจไทยถดถอยที่สุดในอาเซียน หรือไม่

“สาเหตุที่โควิด-19 ระบาดระลอกใหม่ ปัญหาหลักมาจากการบริหารจัดการที่ไร้ประสิทธิภาพ รับสินบน การทุจริตคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งการลักลอบเปิดบ่อนการพนัน ลักลอบเข้าประเทศของแรงงานผิดกฎหมาย จนองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ยังปรับตก รัฐบาลจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร” นายอนุสรณ์ กล่าว

แนะรัฐควรฉีดวัคซีนให้ประชาชนอย่างน้อย 75% แนะเร่งฉีดเพื่อฟื้นความเชื่อมั่น-กระตุ้นเศรษฐกิจ

นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนโดยเร็ว เพราะยิ่งฉีดเร็วเท่าไหร่ เศรษฐกิจจะฟื้นตัวกลับมาได้เร็วมากเท่านั้น การจัดซื้อวัคซีนควรมีปริมาณเท่าประชากร หรือ อย่างน้อยต้องฉีดให้ได้ร้อยละ 75 ของจำนวนประชากร ซึ่งการฉีดวัคซีนนอกจากจะเป็นเรื่องสุขภาพของประชาชนแล้ว ยังเกี่ยวข้องกับการฟื้นเศรษฐกิจโดยตรง แม้ฉีดวัคซีน อาจจะป้องกันการติดไวรัสไม่ได้ 100% และยังคงต้องสวมหน้ากากอยู่ แต่เป็นการลดโอกาสการติดเชื้อไวรัสได้อย่างมาก และจะสามารถสร้างความมั่นใจให้กับคนในประเทศและต่างประเทศได้ โดยเฉพาะความมั่นใจเรื่องการท่องเที่ยว ขนาดประเทศเมียนมายังได้รับวัคซีนก่อนไทย จึงอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ ได้ไปศึกษา 19 เรื่องที่นายพิชัย ได้เสนอไว้ในการฟื้นเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นเรื่องง่ายๆที่สามารถทำได้ทันที และหากมีการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยจะมีนโยบายเศรษฐกิจชุดใหญ่เพื่อให้เศรษฐกิจไทยพัฒนาได้ดีกว่านี้มาก

ส่วนกรณีที่นางสาวอรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ขอให้ประชาชนช่วยกันตรวจสอบ และรับรู้ว่าการทำงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ใช้งบประมาณจากภาษีของพี่น้องประชาชนอย่างไร้ประสิทธิภาพ ทั้ง big data และ หลายโครงการส่อไปในทางทุจริตคอร์รัปชั่นเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องหรือไม่ โดยเฉพาะปัญหาเรื่องเบี้ยคนชราที่มีปัญหาจ่ายแล้วไปทวงคืน แทนที่รัฐบาลจะกลับไปทบทวนวิธีการทำงาน กลับส่งคนจากพรรคพลังประชารัฐมาโจมตีกลับ ไม่รู้จักคิดได้ แต่กลับคิดได้อย่างเดียวคือมาอาศัยหิวแสงโหนโฆษกเพื่อไทยหวังดัง สิ่งที่รัฐบาลควรทำคือการเอาคำแนะนำของพรรคเพื่อไทยไปปรับแผนช่วยเหลือประชาชนก่อนคนจนจะตายหมดประเทศ

ที่มาเรียบเรียงจากเว็บไซต์พรรคเพื่อไทย [1] [2] [3]

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net