Skip to main content
sharethis

องค์กรผู้บริโภคเรียกร้อง อย. ออกมาตรการการกำกับดูแลผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่มที่ใช้ส่วนของกัญชาในอาหาร หวั่นเกิดผลกระทบผู้บริโภคบางรายแพ้สารกัญชา

26 มี.ค. 2564 มูลนิธิเพื่อผู้บริโภครายงานว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขปลดล็อคส่วนของพืชกัญชา - กัญชง ประกอบด้วย เปลือก ลำต้นเส้นใย กิ่งก้าน รากและใบ ไม่มียอดหรือช่อดอกติดมาด้วยให้พ้นจากการเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 แต่ยังไม่มีการแก้ไขประกาศที่เกี่ยวข้องกับการใช้ในอาหารเพราะมีเสียงแย้งจากนักวิชาการเรื่องข้อมูลความปลอดภัยในการบริโภคเป็นอาหารยังมีไม่มากพอนั้น

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค คณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ภาคประชาชน และเครือข่ายองค์กรผู้บริโภค มีข้อห่วงใยกับการนำส่วนต่างๆ ของพืชกัญชาที่ไม่ใช่ยาเสพติดให้โทษไปใช้ในอาหารโดยขาดการกำหนดมาตรการในการควบคุมดูแลการใช้ที่รัดกุมเพียงพอของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จนอาจเกิดปัญหาทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด หลงเชื่อบริโภค และอาจเกิดปัญหาด้านความปลอดภัยต่อสุขภาพของประชาชนได้ โดยประเมินได้จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ดำเนินการต่างๆ ได้แก่ ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 14 ธ.ค. 2563

รายละเอียดของประกาศดังกล่าวกำหนดให้พืชกัญชาส่วนที่ไม่เป็นยาเสพติด ในประกาศข้อ 2 (1) “กัญชา (cannabis) พืชในสกุล Cannabis และวัตถุหรือสารต่างๆ ที่มีในพืชกัญ เช่น  ยาง น้ำมัน ยกเว้นวัตถุหรือสารดังต่อไปนี้ เฉพาะที่ได้รับอนุญาตให้ผลิตในประเทศ ไม่จัดเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 (ก) เปลือก ลำต้น เส้นใย กิ่งก้าน และราก (ข) ใบ ซึ่งไม่มียอดหรือช่อดอกติดมาด้วย (ค) สารสกัดที่มีสารแคนนาบิไดออล (cannabidiol, CBD) เป็นส่วนประกอบและต้องมีสารเตตราไฮโดรแคนบินอล (tetrahydrocannabinol, THC) ไม่เกินร้อยละ 0.2 โดยน้ำหนัก (ง) กากหรือเศษที่เหลือจากการสกัดกัญชาและต้องมีสารเตตราไฮโดรแคนบินอล (tetrahydrocannabinol, THC) ไม่เกินร้อยละ 0.2 โดยน้ำหนัก”

อย. ยังออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 424) พ.ศ. 2564 ออกตามความใน พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 เรื่อง กำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย ลงวันที่ 25 ก.พ. 2564 จะส่งผลให้ส่วนของกัญชาที่ไม่ใช่ยาเสพติดสามารนำมาผลิตอาหารได้

จากการออกประกาศดังกล่าวทั้ง 2 ฉบับ อย. ยังไม่ได้กำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการอนุญาตเรื่องการใช้ส่วนของกัญชาที่ไม่ใช่ยาเสพติดให้โทษมาผลิตอาหารและเครื่องดื่ม ความรับผิดชอบของผู้ประกอบการ และบทลงโทษกรณีผู้ประกอบการที่ไม่ปฏิบัติตาม อีกทั้งยังไม่มีมาตรการการคุ้มครองผู้บริโภคโดยเฉพาะในด้านความปลอดภัย ซึ่งจำเป็นต้องมีการให้ข้อมูลที่ชัดเจนเพียงพอ ได้แก่ การแจ้งว่ามีส่วนประกอบของกัญชาในอาหาร  การให้ข้อมูลผู้บริโภคได้รับทราบถึงผลข้างเคียงและความเสี่ยง ตลอดจนคำเตือนสำหรับกลุ่มบุคคลที่มีความเสี่ยงในการบริโภค และการกำหนดอายุผู้บริโภคที่จะบริโภคได้

เครือข่ายองค์กรผู้บริโภคขอเรียกร้องให้รัฐมนตรีฯ มีคำสั่งให้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในฐานะที่เป็นหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภค ให้ดำเนินการออกมาตรการการกำกับดูแลผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่มที่ใช้ส่วนของกัญชาในอาหาร เพื่อเป็นการคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภค ดังนี้

1. ผู้ประกอบการต้องลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ว่าจะขายอาหารและเครื่องดื่มที่ใช้ส่วนของกัญชา และต้องเปิดเผยแหล่งที่มาของวัตถุดิบกัญชา 

2. ณ จุดขาย ต้องมีป้ายข้อความชัดเจนเพื่อแสดงว่า “ร้านนี้ขายอาหารและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมกัญชา” พร้อมแสดงข้อมูลที่สำคัญ ดังนี้

  • แสดงรายการอาหาร และเครื่องดื่ม ที่มีส่วนผสมของกัญชา
  • แสดงส่วนผสม และปริมาณที่ใช้ในการผลิตอาหาร
  • แสดงข้อความ “คำเตือน” เด็ก สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร ผู้สูงอายุ ผู้ที่แพ้กัญชา ไม่ควรรับประทาน
  • แสดงข้อความ “คำเตือน” สำหรับผู้มีโรคประจำตัวต้องระวัง และข้อระวังอื่นทางวิชาการ

3. ณ จุดขาย ห้ามโฆษณาสรรพคุณในการป้องกัน หรือรักษาโรค

4. กำหนดอายุผู้ที่มีสิทธิซื้อผู้รับประทานให้ชัดเจน

5. กำหนดบทลงโทษหากไม่ปฏิบัติตาม

6. ให้มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เรื่องมาตรการการกำกับดูแลร้านอาหารและเครื่องดื่มที่ใช้ส่วนของกัญชา ต่อสาธารณะ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net