Skip to main content
sharethis

FTA Watch ชี้หากไม่มีพลังของประชาชนคนรุ่นใหม่ที่ร่วมใจกันทวีต #NoCPTPP ดังเป็นล้านครั้ง รัฐบาลคงตีเนียนเดินหน้าเข้าร่วมความตกลงที่ส่งผลกระทบกับสังคมไทยอย่างยิ่ง ย้ำการตื่นตัวของประชาชน การตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้นเป็นหน้าที่ของคนทุกกลุ่ม

 

6 พ.ค.2564 จากกรณีเมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch) ออกมาเปิดเผยเอกสารฉบับหนึ่งที่ระบุว่า คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) เสนอเรื่องผลการดำเนินการเรื่อง CPTPP หรือ Comprehensive and Progressive Agreement of Trans-Pacific Partnership คือ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก ปัจจุบันมีสมาชิก 11 ประเทศ ต่อคณะรัฐมนตรี และเอกสารดังกล่าวระบุด้วยว่า "หากไม่มีข้อทักท้วงให้ถือว่าคณะรัฐมนตรีเห็นชอบหรืออนุมัติ" นั้น จนนำมาสู่ปรากฏการณ์ในทวิตเตอร์มีผู้ใช้แฮชเท็ก #NoCPTPP อภิปรายถึงประเด็นนี้ทั้งการให้ข้อมูลและการวิจารณ์ถึงปัญหาและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากเข้าร่วม ส่งผลให้ติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 ของประเทศไทย ยอดเกินล้านทวีต ทำให้ต่อมา คณะรัฐมนตรีมีมติยืดเวลาศึกษาอีก 50 วัน นั้น

FTA Watch ออกแถลงการณ์ย้ำถึงความสำคัญของกระแสแฮชเท็กดังกล่าว โดยมีรายละเอียดดังนี้

วาระการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ (5 พ.ค. 2564) ได้มีวาระผลการพิจารณาการเข้าร่วมความตกลง CPTPP เข้าบรรจุอยู่ในวาระแค่เพื่อทราบ แต่ไม่มีการแจกเอกสารการประชุมให้รัฐมนตรีก่อน เป็นเอกสารแจกในที่ประชุมแล้วเก็บกลับคืนในเวลาเพียงสั้นๆ ซ้ำยังระบุในเอกสารวาระว่า 'หากไม่มีข้อทักท้วงให้ถือเป็นเรื่องที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ/อนุมัติ' ดังที่ FTA Watch ได้นำเสนอตั้งแต่เมื่อวานแล้วนั้น

มีคำกล่าวหาว่านี่เป็นข่าวลวง เพราะในเวลาต่อมา รองโฆษกรัฐบาลชี้แจงว่า เป็นเพียงการขออนุมัติขยายเวลาศึกษาเพิ่มเติมอีก 50 วัน ไม่มีการอนุมัติให้นายกรัฐมนตรีลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงขอเข้าร่วมเป็นสมาชิกความตกลง CPTPP ที่จะมีการประชุมปีละครั้งในเดือนสิงหาคมนี้

เอกสารประกอบวาระการประชุมซึ่งมีข้อความที่ตีความได้ว่า ต้องการให้เป็นวาระลับและตีขลุมว่า ได้รับความเห็นชอบและอนุมัติแล้วหากไม่มีข้อทักท้วงดังกล่าว FTA Watch ได้รับช่วงสายของเมื่อวานนี้ จึงแจ้งให้ประชาชนและสื่อมวลชนทราบ ด้วยเห็นว่า เรื่องสำคัญนี้มีผลผูกพันประเทศไทยถึงชั่วลูกชัวหลานและมีผลกระทบต่อทั้งสังคม ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร พันธุกรรมอันเป็นสมบัติของแผ่นดิน ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า นโยบายสาธารณะที่จะออกมาเพื่อปกป้องคุ้มครองประชาชนด้านสาธารณสุข สิ่งแวดล้อม และการคุ้มครองผู้บริโภค รวมถึงผู้ประกอบการไทยที่จะได้รับผลกระทบจากทุนใหญ่ในประเทศและทุนใหญ่ต่างประเทศ ไม่พึงพิจารณาด้วยการหมกเม็ดลับๆล่อๆ

ถามว่า เหตุใดทีมงานโฆษกจึงไม่แถลงข่าวเรื่องการขอขยายเวลาศึกษาอีก 50 วัน หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พร้อมกับวาระอื่นๆ แต่กลับมาชี้แจงตอนค่ำของเมื่อวานนี้ หลังจากถูกผู้สื่อข่าวสอบถามจากกระแสเทรนดิ้งทวีตเตอร์ที่ประชาชนร่วมกันทวีต #NoCPTPP มากกว่าหนึ่งล้านสี่แสนครั้ง

จริงหรือไม่? ที่ก่อนหน้านี้มีความพยายามตีความจากทีมงานกระทรวงการต่างประเทศและทีมเลขาคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สามารถลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงขอเข้าเป็นสมาชิก CPTPP ได้เลยโดยไม่ต้องรอการศึกษาครบถ้วนอีก 50 วัน เพราะถือว่านี่เป็นกระบวนการรองรับภายใน แต่อาศัยการอนุมัติ/เห็นชอบของคณะรัฐมนตรีในคราวนี้ จริงอยู่ที่ไม่มีการพูดคุยในคณะรัฐมนตรี แต่เป็นสิ่งที่ทีมงานของนายดอน ปรมัตรวินัย รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวการต่างประเทศในฐานะประธาน กนศ.เตรียมไว้ และผู้สื่อข่าวจำนวนหนึ่งก็ทราบเรื่องนี้ดี

ถ้าไม่มีพลังของประชาชนคนรุ่นใหม่ที่ร่วมใจกันทวีต #NoCPTPP ดังเป็นล้านครั้ง รวมทั้งการส่งข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์อื่นๆ อย่างกว้างขวางเช่นนี้ พวกเขาคงตีเนียนเดินหน้าเข้าร่วมความตกลงที่ได้ชื่อว่าจะสร้างผลกระทบกับสังคมไทยอย่างร้ายแรงครั้งสำคัญ

การตื่นตัวของประชาชน การตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้นในเรื่องใหญ่เช่นนี้ เป็นหน้าที่ของคนทุกกลุ่ม เพื่อเป็นหลักประกันว่าจะมีอนาคตที่ดีรออยู่ข้างหน้า ท่ามกลางภาวะวิกฤตที่โลกและสังคมกำลังเผชิญหน้าอยู่ในขณะนี้
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net